หนุ่มยันเดินหน้าเอาผิด 7 ตำรวจลั่น “ตอนนั้นเขาไม่ฟังผม ตอนนี้ผมก็ไม่ฟังเขา”

หนุ่มถูก 7 ตำรวจรุมกระทืบผิดตัว ลั่นตอนนั้นขอให้ฟังแต่ตำรวจไม่ฟัง “นาทีนี้ผมก็ไม่ฟังเขา” ด้าน “ผู้การแต้ม” ลั่นอย่างนี้ต้องให้ออกจากราชการ เตือนผู้บังคับบัญชาโดนดำเนินคดีด้วย

รายการโหนกระแสทาง สถานีโทรทัศน์ไทยทีวีสีช่อง 3  จัดรายการในตอน “7 ตำรวจโหด โคตรงามไส้ จับผิดตัวกระทืบสาหัส” สืบเนื่องจากกรณีตำรวจ 7   นาย ทำร้ายร่างกายชายคนหนึ่ง โดยเข้าใจผิดคิดว่าเป็นรถที่แหกด่าน

โดยมีผู้ร่วมรายการประกอบด้วย พ.ต.ท.ธนชัย เกิดศรี อายุ 60 ปี อดีต สว.กก.2 บก.ปทส. บิดาผู้บาดเจ็บ

บีม  น้องสาว พล.ต.ต.วิชัย สังข์ประไพ อดีตนายตำรวจ และทนายแก้ว มนต์ชัย จงไกรรัตนกุล

พ.ต.ท.ธนชัย กล่าวว่า คืนที่เกิดเหตุได้รับโทรศัพท์แจ้งเหตุการณ์จากบุตรชาย  ตนจึงรีบไปและสอบถามจากหัวหน้าด่าน ซึ่งก็ยอมรับผิด ซึ่งปกติบุตรชายเป็นคนที่ไม่ดื่มแอลกอฮอล์   เมื่อเข้าด่านก็รับการตรวจวัดแต่ไม่เจอก็ผ่านด่านไป แต่พออกจากด่านปรากฏว่าผ่านไป 5-6 ร้อยเมตร มีมอเตอร์ไซค์กระพริบไฟให้ชิดซ้าย  จึงได้เข้าข้างทางจอด  และจากนั้นก็ถูกตำร้ายตามภาพวงจรปิดที่ปรากฏ

จากนั้นตำรวจก็ได้ขอโทษและบอกว่าเป็นความเข้าใจผิดทำให้จับผิดคัน

ซึ่งบีม น้องสาวก็ร้องไห้ออกมาหลังจากรายการได้เปิดคลิปพร้อมบอกว่า  ตั้งแต่เห็นคลิปก็ดูไม่กี่ครั้งเพราะสงสารพี่ชาย โดยพี่ชายก็เล่าว่า เมื่อตำรวจกรูเข้ามา พี่ชายก็ถอยหลังตำรวจที่มีทั้งใส่เครื่องแบบและไม่ใส่ก็กรูเข้ามาทำร้าย  

ขณะที่พ.ต.ท.ธนชัย ได้กล่าวเสริมว่า แม้ลูกชายจะพยายามชี้แจงแต่ตอนนั้นตำรวจบอกแค่ว่า “มึงไม่ต้องพูดมึงหนีด่านมา”

บีม กล่าวว่าเมื่อไปถึงห้องฉุกเฉินก็เข้าไปเจอพี่ชาย  เมื่อถามพ่อว่าพี่ชายโดนอะไรพ่อก็บอกว่ากระทืบผิดคน จากนั้นตนจึงตามไปเจอตำรวจและอัดคลิปเสียง โดยตอนนั้นตำรวจบอกว่าเข้าใจผิด เพราะรถเหมือนกัน พร้อมขอโทษและบอกว่าจะเอาตัวคนทำมาให้ และบอกว่าได้เคลียร์กับพ่อแล้ว

จากนั้นหลังออกจากห้องฉุกเฉินก็ได้กลับไปที่ด่านและได้เจอกับเจ็ดตำรวจที่ก่อเหตุ โดยสองในเจ็ดเป็นคนที่เคยบอกว่าจะไปตามคนก่อเหตุมาให้

นอกจากนี้พี่ชายเล่าว่า ตอนที่ตำรวจเอากลับมาที่ด่าน ยังบอกว่าถ้ากลับไปที่ด่านเปิดกล้องมาเป็นมึงจะโดนอีก เพราะยังท้าทายให้โทรหาพ่ออีกด้วย

ผู้การแต้มได้เล่าถึงยุทธวิธีจับคนร้ายแหกด่านโดยระบุว่าตามด่านจะมีคนประจำและมีหน้าที่ทำอะไร  หากพบรถแหกด่านจะสงสัยไว้ก่อนและไล่ตาม  แต่การติดตามจะมีรูปแบบการสกัด ให้ตำรวจข้างหน้าสกัดและบอกรูปพรรณรถ ส่วนที่เหลือก็ติดตาม  โดยคนตามก็ต้องมีข้อมูลว่าเป็นรถสีอะไร ทะเบียนอะไร

ตนมองว่าเหตุการณ์นี้กระชั้นชิดมาก  โดยรถที่แหกด่านจริงแซงรถผู้บาดเจ็บ โดยรถตำรวจที่ตามไปจึงเข้าใจผิด

“การจับกุมทำได้ แต่พฤติกรรมที่ลากเขามาถือว่าไม่ชอบผิดกฎหมายต้องโดนเล่นงานทั้งวินัยและอาญา ต้องให้ออกจากราชการ”

การกระทืบไม่ถูกอยู่แล้ว แล้วยุทธวิธีนี้ตำรวจก็ไม่เคยสอนควรจะหมดไปสักที  ก่อนไปตั้งด่านเขาให้ผู้บังคับบัญชาตักเตือนสั่งสอน คดีนี้เอาเข้าจริงๆผู้บังคับบัญชาจะโดนด้วย ตาม พ.ร.บ.อุ้มหาย

ด้าน “แบงก์” ผู้บาดเจ็บได้โฟนอินเล่าอาการว่าตอนนี้มีอาการมึนหัว ดวงตาเป็นสีแดงทั้งสองด้าน ยังมองชัดแต่มีบางช่วงที่ภาพซ้อนเล็กน้อย  

จากนั้น “แบงก์” ได้เล่าเหตุการณ์ว่า ตนมารับเพื่อนและเมื่อเจอด่านก็ตรวจ และด่านก็ปล่อยออกมา แต่พอขับไปห้าถึงหกร้อยเมตรก็ขับมอเตอร์ไซค์ตามมา ตนเลยจอด พอจอดก็กระชากผมและต่อยผม ตอนนั้นคิดว่าไม่ใช่ตำรวจที่ด่าน ตนก็กังวลว่าจะโดนยัดยาหรือเปล่า โดนอุ้มหรือเปล่า  และเขาก็ลากตนไปกระทืบ และบอกว่าทำอะไรไม่รู้เหรอ

ซึ่งตนก็บอกว่าด่านปล่อยมา แต่ตำรวจบอกว่ามึงชนมา และระหว่างนั้นตนก็ดิ้นเพราะไม่รู้เขาจะพาไปไหน พอแจ้งว่าจะไปด่านตนเลยยอมจำนน แต่ร่างกายไม่ไหวแล้ว

ทั้งนี้ตำรวจหญิงบอกว่ายังไม่รู้ใช่ไหมงั้นมาดูกล้องพร้อมกัน แต่พอดูกล้องก็เห็นว่าตนจอดที่ด่านและปฏิบัติตาม ซึ่งตำรวจก็เริ่มรู้ตัวว่าไม่ใช่ตนเอง และให้ไปคุยกับตำรวจที่ปล่อยตนเองไป  ทำให้ตำรวจแตกกันไป แตกถึงขนาดที่ลืมไขกุญแจมือตน

เมื่อถามว่าตอนที่ลากลงมาตำรวจทำอะไรบ้าง “เขาล็อกคอผมจากข้างหลัง ล็อกแขนผมแล้วบอกว่ามึงอย่าดิ้นๆ ทำอะไรไว้ ถ้าดิ้นมึงเจ็บ พอผมบอกว่าผมทำอะไรผิดก็มีเข่าออกมา พอมีเข่าก็ยาวเลย”

ขณะที่ผู้การแต้มบอกว่า อย่างนี้เป็นการกักขังหน่วงเหนี่ยวและทำร้ายร่างกาย ตนอยากด่า ร.ต.อ.ว่าคุณเป็นผู้บังคับบัญชาการทำร้ายร่างกายแบบนี้ไม่ถูกต้อง ต้องสั่งการให้หยุดทันที ยังไม่รู้ว่าผิดอะไร ผิดกฎหมายหรือไม่  คุณยังทำขนาดนี้ มึงโง่หรือเปล่าวะ

เมื่อถามว่าจะดำเนินการเรื่องนี้ต่ออย่างไร แบงก์กล่าวว่า “ตอนนั้นผมขอให้เขาฟังผมก็ไม่มีใครฟัง ตอนนี้ผมก็ไม่ฟังเหมือนกัน”