คลิปเต็มรายการ

เมียหลวงแฉ ‘ผัวตำรวจ’ ถูสบู่ลูบไล้ขา คบชู้แม่ค้าดาวติ๊กต็อก อีกฝั่งโต้ยับ อ้างเป็นแค่คอนเทนต์

โดย JitrarutP

8 ต.ค. 2567

2.8K views

วันที่ 8 ต.ค. 67 รายการโหนกระแสพูดคุยกับ บีม ภรรยา, เอ (นามสมมติ) สามีฅ แอน ผู้ถูกกล่าวหา พร้อมด้วย ทนายไพศาล เรืองฤทธิ์ และ ทนายแก้ว ดร.มนต์ชัย จงไกรรัตนกุล ถึงกรณีเมียหลวงร้อง ‘สามีตำรวจ’ แอบคบชู้แม่ค้าดาวติ๊กต็อก ถ่ายคลิปถูสบู่ลูบไล้ขา อีกฝ่ายโต้เป็นแค่คอนเทนต์


โดย บีม อดีตภรรยา ได้เล่าว่า ตนเจอกับสามีที่แอปหาคู่ คุยกันถูกคอ จึงตัดสินใจคบหากัน หลังคบกันได้ 2 ปี ตนจับได้ว่า สามีไปยุ่งเกี่ยวกับผู้หญิงคนหนึ่ง เป็นเจ้าแม่ปล่อยเงินกู้ ซึ่งสามีก็ยอมรับว่า แอบไปคบหากับผู้หญิงคนนี้จริงๆ แต่คบเพื่อผลประโยชน์ เพราะไปเอาเงินของเขามาประมาณ 7 แสนบาท ทำให้เลิกไม่ได้ ขอคบไว้อีกคนเอาไว้ก่อนถ้ามีโอกาสเลิกจะเลิก ตนจึงตัดสินใจขอให้สามีจดทะเบียนสมรส โดยทำข้อตกลงว่า ยินยอมให้มีผู้หญิงอีกคน แต่ห้ามมีลูกหรือมีพันธะผูกพัน หลังจากนั้น ตนและสามีก็ใช้ชีวิตร่วมกันปกติ ฝ่ายสามีก็ยังไปมาหาสู่กับเจ้าแม่เงินกู้รายนี้เหมือนเดิมจนห่างหายไปน่าจะเลิกกันแล้ว

ต่อมา ตนก็จับได้อีกว่า สามีไปยุ่งเกี่ยวกับสาวอีกราย ที่จับได้เพราะเข้าไปเล่นติ๊กต็อกและไปเจอช่องหนึ่ง ชื่อว่าสารวัตรหนุ่ม บิ้วตี้ กำลังไลฟ์สดขายสบู่และลงคลิปขายสบู่ ขายของออนไลน์ เธอตกใจมาก เพราะที่ไลฟ์อยู่ คือสามีเธอใส่เครื่องแบบเต็มยศ พรีเซนต์ตัวเองว่า เป็นตำรวจยศพันตำรวจตรี สินค้าของเรามีทั้งสบู่อาหารเสริมมั่นใจเลยว่าเป็นของดีการันตีด้วยตัวเอง

พอเห็นแบบนั้นก็เลยเข้าไปส่อง และดูคลิปต่างๆ ที่สามีลงไว้ ปรากฏว่ามีผู้หญิงคนหนึ่ง ที่จะอยู่ในคลิปด้วย แต่ไม่เห็นหน้าเต็มๆ มาแค่เสียงบ้าง มาแค่มือบ้าง และเสียงพูดคุยหยอกล้อกันอย่างกะหนุงกะหนิง ตนจึงมั่นใจว่าเป็นเสียงและขาของสามีเธอแน่นอน หลังจากนั้น เธอเข้าไปดูทุกคลิปขุดจนเจอว่าผู้หญิงคนดังกล่าวคือเจ้าของสบู่แบรนด์ดังในติ๊กต็อก

หลังจากที่ตนเห็นคลิป เก็บหลักฐานจนมั่นใจแล้วว่า ว่าทั้งคู่น่าจะมีสัมพันธ์กันเกินเลย จึงถามสามี แต่เขาก็อ้างว่าเป็นคอนเทนต์ เพื่อเพิ่มยอดขายและสามียังบอกอีกว่าเขาเป็นหุ้นส่วนกับแบรนด์ดังกล่าวก็ต้องไลฟ์สดช่วยกันขายของ แต่ตนไม่เชื่อจึงพยายามติดต่อไปที่ฝ่ายหญิงเจ้าของแบรนด์คนดังกล่าวไป ปรากฏว่า ฝ่ายหญิงอ้างแบบเดียวกันว่า เป็นแค่คอนเทนต์ ไม่มีอะไรเกินเลย แถมขู่ฟ้องคุณบีมกลับด้วย โดยบอกว่า ที่สามีมาไลฟ์สดเพราะสามีเอาเงินไป 300,000 บาท จากเจ้าของแบรนด์ดัง ซึ่งเอามาเพื่อมาใช้หนี้ให้กับตน เพราะฉะนั้นจะต้องฟ้องเพื่อให้คนรับผิดชอบด้วย พร้อมยืนยัน ตนไม่เคยได้เงินแสนจากสามีเลย มีแค่หลักร้อยหลักพันที่สามีให้ค่าเลี้ยงดูลูกเท่านั้น และตั้งแต่จับได้ สามีก็ไม่ค่อยกลับบ้าน ไม่เคยมาคุยกันถึงเรื่องราวที่เกิดขึ้นเลย หายออกจากบ้านเป็นอาทิตย์ วันนี้อยากจะฟ้องชู้ 5 แสนบาท และขอหย่าเรียกร้องค่าเลี้ยงดูบุตร

ด้าน เอ (นามสมมติ) อดีตสามี กล่าวโต้ว่า ที่ฝ่ายหญิงพูดออกมานั้นไม่จริงตนกับสาวที่บีมอ้างเป็นเจ้าแม่เงินกู้นั้นเป็นแค่พี่น้องกัน และที่ยอมจดทะเบียนเพราะว่าอีกฝ่ายบังครับให้จนทะเบียนด้วย เพราะถ้าตนไม่จดทะเบียนฝ่ายหญิงก็จะมาระรานไม่เลิก ส่วนที่เห็นไปทำงานขายของแล้วมีการทำคลิปก็เป็นแค่คอนเทนต์เพื่อขายของเท่านั้น ที่ต้องทำงานเยอะขนาดนี้เพราะจำเป็นต้องหาเงินเอามาเป็นค่าเลี้ยงดูให้กับลูก และฝ่ายหญิงเคยไปคุยกับชายอื่นด้วย  

ขณะที่ แอน กล่าวว่า ตนไม่ได้เป็นชู้คบหากับเอ ที่เห็นทำคลิปกันก็แค่ทำคอนเทนต์ในการขายของเท่านั้น ในมุมของตนที่ทำคลิปก็ไม่ได้เปิดหน้าตา ตนไม่รู้กฎหมายว่ามันผิด และไม่รู้ด้วยว่าเอจดทะเบียนกับบีมแล้วคิดว่าเอโดนคุกคามจากผู้หญิงคนหนึ่งเท่านั้น ไม่ได้มีเจตนาที่จะคบชู้ ตนแค่เอ็นดูเหมือนน้องไม่คิดว่าจะเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้น พร้อมโต้ว่า บีมตั้งใจแต่งเรื่องเท็จเล่าออกสื่อ เพื่อมาขู่กรรโชกทรัพย์ สามีตัวเอง และเคยขู่มาแล้วหลายครั้งว่าจะเอาให้เสื่อมเสียชื่อเสียง จะทำให้ออกจากราชการเลย ถ้าไม่ยอมให้เงิน ส่วนที่ฝ่ายหญิงขอฟ้องหย่า 5 แสน ตนก็จะไม่ให้ และจะฟ้องกลับเหมือนกันข้อหาหมิ่นประมาท

ด้าน ทนายไพศาล เรืองฤทธิ์ และ ทนายแก้ว ดร. มนต์ชัย จงไกรรัตนกุล มีความเห็นว่า  การสืบชู้นั้นไม่จำเป็นว่าชู้จะต้องมีสัมพันธ์ทางกายกันอย่างเดียวแค่การกระทำที่แสดงออกมาก็สามารถชี้ได้ว่าคบชู้กันหรือไม่ ถ้าสมัครใจหย่าก็ไปคุยกัน ถ้าไม่ติดใจก็ไปสลักหลัง เวลาจะฟ้องกันต้องแยกเป็นกรรมๆ กันไป  พร้อมแนะเพิ่มว่าถ้าสามารถฟ้องหย่าได้ให้ทำการฟ้องแล้วให้ศาลออกคำสั่ง เรื่องค่าเลี้ยงดูบุตร และอยากให้ความเป็นธรรมกับทั้งสองฝ่าย



คุณอาจสนใจ

Related News