คลิปเต็มรายการ
‘สาวแต่งหนุ่มจีน-เอเจนซี่’ เถียงกันยับ ชีวิตไม่ตรงปก 2 ทนาย งัดข้อกฎหมายสู้ ค้ามนุษย์หรือไม่
โดย JitrarutP
18 ก.ย. 2567
319 views
วันที่ 18 ก.ย. 67 รายการโหนกระแสพูดคุยกับ แบ๋ม และ แพม ผู้เสียหาย, ฝ้าย เอเจนซี่, ทนายไพศาล เรืองฤทธิ์ และ ทนายแก้ว ดร.มนต์ชัย จงไกรรัตนกุล ถึงกรณีที่ อ้างถูกเอเจนซี่หลอกให้ไปแต่งงานกับชายชาวจีน ชีวิตไม่ตรงปก หวังครอบครัวที่ไทยได้สุขสบาย แต่กลับพบความเป็นอยู่กับสามีที่ยากลำบาก ตัดสินใจหนีกลับประเทศ
โดย แบ๋ม ผู้เสียหาย เล่าว่า ตนรู้จักกับเอเจนซี่จากการแนะนำของคนที่อยู่แถวบ้าน ซึ่งในตอนแรกก็ไม่ได้สนใจแต่ก็อยากมีชีวิตที่ดีขึ้นทำให้ตัดสินใจที่จะติดต่อ ฝ้าย ที่เป็น เอเจนซี่ หลังจากนั้นเขาก็แนะนำผู้ชายคนจีนให้รู้จัก พอได้คุยกันไปแล้วรู้สึกถูกใจ แม้ว่าจะพูดภาษาจีนไม่ได้เลย แต่อยากให้ชีวิตครอบครัวอยู่สุขสบาย ทางฝ้ายก็เป็นคนจัดการทำเรื่องเอกสาร และค่าตั๋วทุกอย่างให้ พอไปถึงที่บ้านของคนจีนแล้วสภาพความเป็นอยู่ที่นั่นไม่น่าอยู่แถมยังไม่สะดวกสบาย ไม่มีห้องน้ำ เรื่องที่เคยบอกว่ามีคอนโดพอไปถึง ก็ไม่ใช่บ้านหลังนั้นเป็นบ้านแบบบ้านฟาร์ม
เคยบอกกับสามีคนจีนแล้วว่าถ้าไม่ทำห้องน้ำก็ทำห้องอาบน้ำให้ก็ได้ แต่เขาก็ไม่ทำให้ และเรื่องที่รับไม่ดีอีกคือ สามีไม่ยอมอาบน้ำ นานๆ ทีถึงจะอาบ และเรื่องเงินสินสอด ตนได้มาจากเอเจนซี่ประมาณ 1 แสนบาท ก่อนที่จะหนีกลับไทยเคยพูดเปรยเอาไว้ว่าอยากทำงานหาเงินส่งไปให้ครอบครัว ทางสามีก็บอกว่า ทำไมต้องทำงานเพราะว่าก็ให้เงินไปแล้วประมาณ 8 แสนบาท ตนเห็นแบบนั้นจึงตัดสินใจหนีออกมาเพราะไม่ได้เงินและไม่รู้ว่ามีเงินจำนวนนี้อยู่เลย ตอนนั้นตนกับสามีจนทะเบียนกันแล้วยังไม่ได้หย่า
การตัดสินใจหนีครั้งนี้ไม่ได้บอกใครเพราะว่าเคยคุยกับ เอเจนซี่แล้ว เขาก็หายไปเลยไม่ช่วย พอหนีออกมาได้แล้วที่บ้านก็โดนคนของเอเจนซี่ไปขู่ทวงเงินจะให้ทำสัญญา ตนทนไม่ได้จึงมาร้องเรียน และวันนี้ตนอยากจะได้ใบหย่าแต่ต้องหย่าที่ไทยเท่านั้นเพราะกลัวว่าถ้ากลับไปหย่าที่จีนแล้วจะไม่ได้กลับมาที่ไทยอีก พร้อมยอมรับว่าตนมีลูกอยู่แล้ว เอเจนซี่แนะนำว่าห้ามบอกกับชาวจีนว่าตนมีลูกอยู่แล้ว เพราะคนจีนไม่ชอบ
แพม อีกหนึ่งผู้เสียหาย เล่าว่า ที่ได้ไปแต่งงานกับสามีคนจีนเพราะเพื่อนติดต่อกับเอเจนซี่ให้ พอลองคุยกับผู้ชายก็ถูกคอถึงตัดสินใจให้ครอบครัวมาคุยกันเพื่อที่จะไปอยู่ที่จีน และเอเจนซี่ก็มารับพาไปที่บ้านฝ่ายชาย วันต่อมาก็ไปจดทะเบียนสมรสเลย ได้สินสอดจากเอเจนซี่ 1 แสนบาท และของจากสามีเป็นมือถือและแหวน ไม่ได้รู้เรื่องเงินที่ทางเอเจนซี่ขอเพิ่มจากสามีเลย
และได้ใช้ชีวิตด้วยกันกับสามีประมาณ 3 เดือน เขาเริ่มทำร้ายร่างกายตน เพราะไม่ยอมมีสัมพันธ์ด้วย และเวลาเกิดเรื่องกับสามีจะมีเอเจนซี่คอยช่วยให้ แต่บางครั้งสามีของเอเจนซี่ก็มาทำร้ายตน บอกเรื่องนี้ไปกับเอเจนซี่แล้วทางเอเจนซี่บอกว่า เรื่องนี่ถ้าถามแล้วตนผิดจะโดนค่าปรับ 5 แสนบาท แต่ตอนนั้นสามีพูดขอโอกาสจึงยอมใจอ่อนอยู่ด้วย แต่ก็ยังมีการตบตีอยู่ทำให้ เอเจนซี่จะพาไปพักด้วยกัน ตนเฝ้ารอมาหลายวันทางเอเจนซี่ก็ไม่มารับจึงหนีออกมา
ฝ้าย เอเจนซี่ เล่ามุมของตนเองว่า ตนเป็นเพียงแค่นายหน้าช่วยผู้ชายจีนหาภรรยาแบบเพื่อนต่อเพื่อนเท่านั้น แต่จะได้เงินก็ต่อเมื่อมีงานแต่งเกิดขึ้น และเงินค่าสินสอดที่ให้ผู้หญิงที่ไปแต่งงานเป็นไปตามข้อตกลงทุกอย่างแต่เงินที่เพิ่มเข้ามานั้น เป็นส่วนที่ตนไปขอเพิ่มให้แต่ยังได้บอกกับคู่กรณี
ที่ยังไม่ได้ให้เงินกับทั้งสองคนก็เพราะทั้งสองหนีกลับไปก่อนจึงไม่ได้ให้และส่งคืนสามีคนจีนของทั้งสองไปแล้ว และเรื่องที่เรียกค่าเสียหายกับคู่กรณี เพราะฝ่ายคนจีนเป็นคนเสนอมาว่าจะให้ชดใช้เงินทุกอย่างที่จ่ายให้ พร้อมจะให้ไปหย่า และยืนยันว่าไม่ได้หลอกลวงใครเพราะมันเป็นความสมัครใจและคนจีนต้องการสร้างครอบครัว ส่วนเรื่องที่ แบ๋ม มีลูกอยู่แล้ว ตนแค่แนะนำว่าเป็นห่วง เพราะคนจีนไม่ชอบคนที่มีลูก เลยแนะนำ แต่ไม่ได้บังคับ ต่อให้อีกฝ่ายจะพูดตนก็บังคับไม่ได้
ในช่วงต่อออนไลน์ของรายการ ทนายแก้ว ดร.มนต์ชัย จงไกรรัตนกุล ได้ให้ความเห็นว่า ต้องเริ่มตรงที่ ผู้เสียหาย ถูกบังคับข่มขู่หรือไม่ พ.ร.บ.ค้ามนุษย์ กำหนดต้องครบ 3 ข้อ การกระทำ วิธีทำ วัตถุประสงค์ ต้องครบองค์ประกอบ เงิน 8 แสน เป็นสถานการณ์ต่อรอง ถ้าสมมติเอเจนซี่ปกปิด ไม่ตรงปก แสวงหาทุจริต เป็นการฉ้อโกงแน่นอน แต่กรณีนี้ผู้เสียหายทราบดีว่า การแต่งงานจะต้องไปแล้วเป็นภรรยา เข้าใจดีว่าต้องหลับนอน ส่วนพฤติกรรมผู้ชายแต่ละคนนั้นต่างกัน เอเจนซี่ควบคุมทุกอย่างไม่ได้ ความเห็นของคน พ.ร.บ.ค้ามนุษย์ จะต้องเกิดจากการบังคับขู่เข็ญทำร้าย
ด้าน ทนายไพศาล เรืองฤทธิ์ ได้ให้ความตรงข้ามว่า กรณีที่เอเจนซี่อ้างว่าเป็นการชักชวนแบบเพื่อนต่อเพื่อนให้ไปแต่งงานกับชายจีนนั้น กฎหมายไทยไม่รอบรับ เป็นความผิดค้ามนุษย์ เป็นธุระจัดหา เอเจนซี่บอกกับผู้เสียหายว่าไม่ต้องบอกนะว่ามีลูกอยู่แล้ว เมื่อผู้เสียหายจะกลับก็บังคับให้อยู่ต่อ
ตนมองว่าเป็นการแสวงหาผลประโยชน์โดยมิชอบ ทุจริต บังคับ ข่มขู่ หลอกลวง ปกปิด ข้อเท็จจริงที่ควรแจ้ง ปกปิดเรื่องเงิน 8 แสน เข้าข่ายทุจริต ธุรกิจคล้ายเอเจนซี่ ฝ้ายพูดหมดว่าได้เงินเท่านั้นเท่านี้ องค์ประกอบครบ ความเห็นของตนเข้าข่ายผิดฐานค้ามนุษย์ เพราะถ้าดีจริงผู้เสียหายคงไม่หนีออกมา