คลิปเต็มรายการ

หนุ่ม LGBTQ+ แฉพฤติกรรม “CEO เก๊” นัดมามีสัมพันธ์ โดนซ้อมจนเลือดนองหน้า-ขู่เอาเงิน

โดย JitrarutP

24 พ.ค. 2567

237 views

รายการโหนกระแสวันนี้ พูดคุยกับผู้เสียหายที่ไปร้องกับ สายไหมต้องรอด หลังเล่นแอปฯ นัดมีสัมพันธ์กับผู้ชายคนหนึ่ง ซึ่งเป็น Bisexual คนๆ นี้จะนัดมีสัมพันธ์กับทั้งผู้ชาย และผู้หญิง คนที่ไปห้องเขาตามนัด จะถูกทำร้ายร่างกายจนอ่วมเลือดเต็มหน้า ซึ่งอาจจะเป็นเพราะพฤติกรรมผิดปกติทางจิตของผู้ก่อเหตุ ที่มีการเสพยาเสพติดด้วย

นายเอ ผู้เสียหายคนแรก เล่าว่า เจอผู้ก่อเหตุคนนี้ผ่านทางแอปฯ หาคู่นอนแอปดัง ซึ่งเป็นที่นิยมในหมู่ LGBTQ+ (ชายรักชาย) ดูหน้าตาในโปรไฟล์ที่ขึ้นมาในแอปฯ ก็ดูเป็นคนหน้าตาโอเค หุ่นดี มีการพูดคุยนัดแนะ จนไปเจอกันเพื่อมีสัมพันธ์กัน ห้องพักคอนโดของเขาย่านรามคำแหง

เมื่อไปถึง ตนไปชาเล็กน้อย โทรหาเขา เขาบอกว่าเดี๋ยวจะโยนคีย์การ์ดลงมาให้ ให้ตนเอาคีย์การ์ดสแกนลิฟต์ขึ้นไปหาเขาที่ชั้น 4 ตอนนั้นไม่ได้คิดอะไร คิดว่าเขาน่าจะติดธุระ เลยใช้วิธีโยนคีย์การ์ดลงมา

ตนเข้าลิฟต์ไปแล้วลืมเอาคีย์การ์ดแตะ ก็เลยไปโผล่ผิดชั้น หาห้องไม่เจอ เพราะไปโผล่ที่ชั้น 10 แทน จนโทรหาเขาถึงรู้ว่าไปผิดห้อง

พอไปถึงห้องของเขาจริงๆ ที่ชั้น 4 เราคืนคีย์การ์ดให้เขาทันที ยืนยันว่าคืนให้กับมือเขาเลย เขาก็พูดว่า “มาช้านะ” เราก็ขอโทษเขาไป ที่มาช้า และไปผิดชั้น เขายังบอกว่า “ไปว่ายน้ำมาระหว่างรอ และตอนนี้ผมก็ High ด้วย” ซึ่งคำว่า High ก็คืออาการเคลิ้มลอยหลังเสพยาเสพติด

ตอนนั้นตนรู้สึกกังวลแล้ว ไม่คิดว่าเขาจะเล่นยา เขาสั่งให้เราเล้าโลม ช่วงแรกๆ ยังไม่ดุ ก็บอกให้ทำดีๆ ให้ทำช้าๆ ถ้าทำไม่ดีจะตบแล้วนะ พอสักพักเขาก็ตบที่บ้องหูเรา 1 ครั้ง เราก็ตกใจ ว่าตบเราทำไม

เขาบอกว่าตบแล้วจะได้ทำดีๆ ไง เราก็ตกใจ เขาก็สั่งให้เล้าโลมต่อ แต่ก็ยังมาโดนต่อยหน้าอีกครั้ง จนเราบอกว่าแบบนี้ไม่ได้แล้ว ไม่อยากอยู่แล้วจะกลับแล้ว เขาก็บอกว่าจะกลับก็ได้ แต่คีย์การ์ดกูอยู่ไหน เราบอกว่าเราคืนไปแล้ว แต่เขาบอกว่าไม่มี เราก็ยังช่วยเขาตามหาคีย์การ์ดในห้อง แต่หาเท่าไรก็ไม่เจอ

เขาสั่งให้เราไปนั่งเฉยๆ แล้วตัวเขาตามหาคีย์การ์ด แต่พอหาไม่เจอ ก็เหมือนเขามีอารมณ์กลับมาอีก แล้วย้อนกลับมานัวเนียกับเรา สั่งให้เราเล้าโลมที่หน้าอกเขาอีกรอบ แล้วจากนั้นก็ต่อยหน้าเราอีกเหมือนเดิม ซ้ำๆ อยู่แบบนี้เป็นสิบรอบ จนเลือดเราเต็มหน้า แต่ก็ต้องจำยอมทำตามที่เขาสั่ง เพราะเรากลัว ยิ่งถูกทำร้ายก็ยิ่งกลัว แม้เลือดออกเต็มหน้า เขาก็ยังสั่งให้เราเล้าโลม

ที่เรารู้ว่าเขาเป็น CEO คลินิกความงาม ก็จากการที่เขาบอก เพราะมีบางช่วงที่เขามานั่งคุยเหมือนคนปกติ เขาสั่งสอนเราว่า เราหน้าตาไม่ตรงปก แต่หน้าตาเราดีขึ้นได้นะ ให้เราไปทำหน้า ไปรักษาสิว เราจะดูดีขึ้นได้ มีสั่งให้เราทาครีมที่หน้าอกให้ พอเราทาไม่ถูกใจ ก็ถูกต่อยอีก แล้วยังขู่อีกว่าเขามีปืนนะ จะลองไหม เราคิดตลอดว่าเราจะหนียังไงดี ทำยังไงถึงจะหนีได้

ผู้เสียหายอยู่ในนั้นตั้งแต่ 4 ทุ่ม จนถึงเที่ยงอีกวัน โดยที่ไม่ได้มีสัมพันธ์ทางเพศกันเลย เช้าตอนที่ตื่นมา เลือดที่หน้าเราไปเลอะที่นอนเขา เขาเรียกค่าเสียหายเรา 5,000 บาท เป็นค่าที่ทำผ้าปูที่นอนเขาเลอะ เราก็เลยอาศัยจังหวะที่เขาไปอาบน้ำ รีบติดต่อเพื่อนให้มารับ พอเขารู้ว่าเพื่อนจะมารับเรา เขาก็เลยรีบไปส่งเราข้างล่าง แล้วบอกว่าไม่เอาเงิน 5 พันแล้ว

พอรอดชีวิตมาได้ ก็เลยร้องไปทาง RedSkull จนนำไปสู่การร้องเรียนกับ สายไหมต้องรอด จนเรื่องนี้เปิดเผยออกมา เมื่อกลายเป็นข่าว ปรากฏว่าเขาออกมาโพสต์ตอบโต้ กล่าวหาว่าเราโกหกทั้งหมด

ส่วนคุณบี ผู้เสียหายอีกคน บอกว่า เคยนัดเจอมีสัมพันธ์กันมาก่อน ในครั้งแรกทุกอย่างปกติดีมาก เขาเป็นคนที่โอเค ดูแลดี แต่หลังจากนั้นมาก็ไม่ได้คุยกันต่อ จนผ่านมาประมาณ 2 ปี ก็มาปัดเจอเขาอีกในแอปฯ ได้กลับมาคุยกัน และได้นัดมามีความสัมพันธ์อีกครั้ง

ในตอนนั้น เขาบอกว่าเขากำลัง High อยากจะ High กับเขาไหม แล้วเขาก็ฉีดยาเสพติดเข้าเส้นเลือดให้เรา ก่อนที่มีสัมพันธ์กัน โดยระหว่างที่ทำกิจกรรมต่างๆ ก็โดนเหมือนกับคุณเอ คือถูกบังคับให้เล้าโลมที่หน้าอก ไม่พอใจก็ต่อย ตอนมีสัมพันธ์กัน ถ้าก้มลงแล้วองศาไม่ได้ ไม่ถูกใจ ก็ถูกตบ ถูกต่อย จนเลือดนอง ตื่นมาก็เลือดเลอะเต็มที่นอน

ปรากฏว่าผู้ก่อเหตุเรียกเอาเงินจากบี ให้ซื้อที่นอนใหม่ให้เขา เราต้องไปหาเงินมาโอนจ่ายค่าที่นอน 11,000 บาท ถึงจะออกจากห้องนั้นมาได้ แล้วไปลงบันทึกประจำวันเอาไว้

ส่วนกรณีการที่ชายคนนี้ไปแอบอ้างว่าเป็น CEO เป็นหุ้นส่วนร่วมกับคลินิกเสริมความงามแห่งหนึ่ง ล่าสุด คุณหมอกุ๊ก พญ.ประภัสรา โฟนอินเข้ามาชี้แจงว่า ผู้ชายคนนี้ จริงๆ แล้วเป็นคนที่ขอมาทำจมูกที่คลินิก แลกกับการทำโปรดักชันโปรโมตคลินิกให้ หลังจากนั้นเขาจะพาเพื่อนมาใช้บริการบ่อยๆ โดยที่ตัวเขามาด้วย และมีการแอบถ่ายบรรยากาศในคลินิกไปลงใน ไอจีสตอรีของเขา ทำให้คนเข้าใจว่าตัวเขาเป็นผู้บริหารของคลินิก

เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นเมื่อปี 2565 ซึ่งทางคลินิกได้แจ้งความไป จนเขายอมลบสตอรีต่างๆ ซึ่งทางคลินิกไม่ได้เอาเรื่องอะไร แต่มีอยู่รูปหนึ่งที่เขาเซฟจากทางคลินิก เป็นคลิปที่ทางคลินิกตรวจมาตรฐานช่วงโควิด เขาเอารูปไปลง ให้คนอื่นเข้าใจว่าตัวเองมีส่วนเกี่ยวข้องกับทางคลินิก

พฤติกรรมของชายคนนี้ชอบมาตีสนิทกับเจ้าหน้าที่ในคลินิก บางทีก็บอกว่าผ่านมาเฉยๆ เลยแวะมาทักทาย ทำตัวสนิทสนมกับคนในคลินิก สุดท้ายมารู้ว่าเขาทำแบบนี้เพื่อไปแอบอ้าง แล้วพอทางคลินิกไปแจ้งความฐานแอบอ้าง ผ่านเวลาไปเขาก็ติดต่อมาบอกว่า การที่เราไปแจ้งความเขา เป็นการทำให้เขาเสื่อมเสียชื่อเสียง เสื่อมเสียโอกาส จะให้ทนายมาดำเนินคดีกับทางคลินิก ซึ่งสุดท้ายเขาก็ไม่ได้ทำอะไร

ผ่านมาถึงปี 66 เขาก็ยังพยายามมาขอโทษ ในสิ่งที่ทำไป บอกว่าเขาเด็กเกินไปในตอนที่มีปัญหากับคลินิก อยากมาขอโทษ และอยากกลับมาสนิท แต่ทางคลินิกไม่อยากยุ่งเกี่ยวด้วย

สุดท้ายทนายแก้วบอกว่า เท่าที่ฟังเรื่องราวมา พฤติกรรมนี้ผิดกฎหมายหลายข้อ ทั้งในเรื่องการข่มขืน การกรรโชกทรัพย์ ทำร้ายร่างกายต่างๆ ถ้าผู้เสียหายคนอื่นๆ เจอเหตุการณ์ลักษณะนี้ ให้ออกมาแจ้งความเอาผิดเขา เพราะปล่อยไว้อาจจะมีคนต้องเจอแบบนี้อีก

คุณอาจสนใจ

Related News