"ศิริกัญญา" ชี้คดี "พิรงรอง" เข้าข่ายฟ้องปิดปาก สะเทือนกลไกตรวจสอบ เผยป.ป.ช.อยู่ระหว่างร่างกม.คุ้มครอง จนท.

ศาลตัดสินให้จำคุกอ.พิรงรอง 2 ปี แบบไม่รอลงอาญา หากยื่นประกันตัวไม่ได้ ก็จะหลุดจากการเป็นบอร์ดกสทช.ทันที การฟ้องคดีแบบนี้เข้าข่ายคดีประเภทที่เรียกว่าการฟ้องปิดปาก หรือ SLAPP (Strategic Lawsuit Against Public Participation) ซึ่งเป็นวิธีที่จะปิดปากไม่ให้คนวิพากษ์วิจารณ์ โดยปกติจะเป็นการฟ้องหมิ่นประมาท แต่ในกรณีนี้ เป็นการฟ้องเจ้าหน้าที่รัฐที่ทำหน้าที่เป็น regulator ว่าประพฤติมิชอบ โดยใช้อำนาจโดยมีอคติและไม่เป็นกลาง



เพื่อกลไกการตรวจสอบถ่วงดุลสามารถทำงานได้ เราจำเป็นต้องมีกลไกการคุ้มครองเจ้าหน้าที่รัฐที่ปฏิบัติหน้าที่ โดยขณะนี้ ปปช. กำลังทำร่างกฎหมายต่อต้านการฟ้องปิดปาก หรือ anti-slapp ที่จะคุ้มครองเจ้าหน้าที่รัฐที่ปฏิบัติหน้าที่อยู่ และขณะนี้กฎหมายอยู่ระหว่างการพิจารณาของกฤษฎีกา แต่กว่าที่กฎหมายจะมีผลบังคับใช้ เอกชนก็สามารถยับยั้งไม่ให้องค์กรอิสระสามารถทำงานได้อย่างเข้มแข็งได้สำเร็จไปแล้ว



น.ส.ศิริกัญญา ให้สัมภาษณ์เพิ่มเติม บอกว่า จากข้อมูลเอกสารข่าวจากทางศาลยังไม่มีรายละเอียดครบถ้วนต้องรอฟังข้อมูลจากนางพิรงรองว่าข้อต่อสู้เป็นอย่างไรบ้าง แต่สิ่งที่เกิดขึ้นทำให้กลไกตรวจสอบถ่วงดุลสั่นสะเทือน เนื่องจากเจ้าหน้าที่รัฐในฐานะกำกับดูแลถูกฟ้องฐานปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ



น.ส.ศิริกัญญา มองว่า สิ่งที่ต้องพิจารณาจริงๆ คือ เจตนาต้องการคุ้มครองผลประโยชน์ของผู้บริโภคหรือไม่ จึงอยากเรียกร้องว่าควรมีการแก้กฎหมายเพื่อสร้างกลไกคุ้มครองการปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าหน้าที่รัฐโดยเฉพาะหน่วยที่ทำหน้าที่กำกับดูแล ไม่ใช่เฉพาะ กสทช.


"หน่วยงานที่กำกับดูแลอีกมากมายที่กำลังอกสั่นขวัญแขวนไม่ว่าจะเป็น กกพ. ที่กำกับดูแลไฟฟ้าและพลังงาน กขค. ที่กำกับดูแลการแข่งขันทางค้าของประเทศ ซึ่งหลังจากที่ศาลตัดสินในวันนี้ทำให้เจ้าหน้าที่รัฐหวาดกลัวเมื่อปฏิบัติหน้าที่อาจจะถูกบริษัทเอกชนมาฟ้องร้องหรือไม่ ซึ่งอาจจะทำให้ไม่สามารถปฏิบัติหน้าที่ในการตรวจสอบถ่วงดุลได้อย่างเข้มแข็ง"



เมื่อถามย้ำว่ากรณีที่เกิดขึ้นกับนางพิรงรอง เป็นการฟ้องปิดปากใช่หรือไม่ น.ส.ศิริกัญญา บอกว่า ใช่ เข้ากรณีการฟ้องปิดปาก เพราะมีหลายกลไกที่บริษัทเอกชนสามารถร้องเรียนในกรณีที่ได้รับการปฏิบัติไม่เป็นธรรมจากหน่วยงานที่กรรมกับดูแล แต่บริษัทเอกชนกับใช้กลไกทางศาลอาญา ซึ่งมองว่าเป็นช่องทางที่ลัดขั้นตอน ทำให้หลังจากนี้นางพิรงรองจะไม่สามารถทำหน้าที่ใน กสทช.



น.ส.ศิริกัญญา ยังตั้งข้อสังเกตว่า กรณีนี้อาจทำให้เสียงในกสทช.เปลี่ยน คือ จากเดิม 7 คน จะเหลือ 6 คน คือ ฝ่ายประธานกรรมการ 3 คน และนางพิรงรอง 3 คน ทำให้การตัดสินใจอะไรต่างๆ ยากมากขึ้น และยังมีอีกหลายเรื่องใน กสทช. ต้องติดตาม นอกจากกรณีการควบรวมทรูและดีเทค เช่น การตั้งที่ปรึกษามาตรวจสอบค่าบริการว่าแพงกว่ากำหนดหลังมีการควบรวมหรือไม่



นอกจากนี้ยังมีเรื่องการควบรวมอินเตอร์เน็ตบ้านระหว่างเอไอเอสกับ 3BB ก็หวั่นจะซ้ำรอย ส่วนกรณีที่มีรายงานข่าวว่ามีคนใน กสทช. ขอให้นางพิรงรองลาออกดจากตำแหน่งเพื่อแลกกับการถอนฟ้อง นางสาวศิริกัญญา กล่าวว่า เท่าที่ได้ยินมาคอนเฟิร์มว่าเป็นเรื่องจริง และยิ่งกว่าคนใน เพราะทราบว่าเป็นคนในกระบวนการยุติธรรมที่เป็นคนยื่นข้อเสนอนี้ เพื่อต่อรองให้ถอนฟ้องแลกกับการลาออกจาก กสทช. ซึ่งไม่ใช่เรื่องปกติ และเรื่องที่ไม่คิดว่าน่าจะเกิดขึ้น คือรู้ผลกันล่วงหน้าแล้วว่าผลจะออกมาเป็นอย่างไร ถือเป็นเรื่องที่น่าประหลาดใจที่มีคนล่วงรู้มาก่อนว่าจะมีการตัดสินจำคุก 2 ปี ไม่รอลงอาญา



น.ส.ศิริกัญญา บอกว่า ครั้งแรกที่ได้ยินก็ไม่อยากจะเชื่อ คิดเพียงแค่ว่าเป็นปักมีดไว้ที่หลังนางพิรงรองไม่ให้เข้าร่วมประชุม ร่วมตัดสินใจในเรื่องที่เกี่ยวข้องกับเอกชนรายดังกล่าวได้ ไม่คิดว่าผลการตัดสินจะเป็นไปตามข่าวลือ



เมื่อถามว่า กสทช. คนอื่นๆ ควรที่จะออกมาแสดงจุดยืนต่อเรื่องนี้หรือไม่ นางสาวศิริกัญญา กล่าวว่า ก็อยากเห็นความเป็นปึกแผ่น ส่งเสียงให้กำลังใจ แต่ก็อย่างที่บอกของอย่างนี้ถ้าไม่เจอกับตัวคงไม่รู้ พอเจอแบบนี้เข้าไปก็มีความกังวล ตนจึงอยากให้กำลังใจ กสทช. ทุกคน อย่าเป็นกังวลมากเกินไป ขอให้ยืนหยัดทำหน้าที่บนหลักการที่ถูกต้องต่อไป



รับชมทางยูทูบที่ : https://youtu.be/j9zTAFOXfSQ

โดย panwilai_c

6 ก.พ. 2568

175 views

EP อื่นๆ