คู่หูโรฮิงญาเดินเท้า 5 วัน หนีตายจากแคมป์พักเมียนมา ข้ามเข้าไทย เผยมีอีกกว่า 200 คน

ชาวโรฮิงญา 2 คน เดินเท้านาน 5 วัน หนีตายจากแคมป์พักเขตคุ้มครองชนกลุ่มน้อย ข้ามแดนเข้าพื้นที่ จ.ชุมพร เผยมีอีกกว่า 200 คน รอนายหน้าค้ามนุษย์ พาหนีข้ามแดนเข้าไทยไปประเทศที่สาม

วันที่ 26 มี.ค. 2568 ผู้สื่อข่าวได้รับแจ้งจากสายข่าวในพื้นที่ชายแดนไทย-เมียนมา บริเวณตำบลรับร่อ อ.ท่าแซะ จ.ชุมพร ว่าได้มีชาติพันธุชาวโรฮิงญา 2 คน ได้หนีออกจากแคมป์พักในเขตคุ้มครองของกองกำลังชนกลุ่มน้อย ในพื้นที่ชายแดนฝั่งประเทศเมียนมา ข้ามแดนเข้ามายังฝั่งประเทศไทย ตามช่องทางธรรมชาติ ผ่านเข้ามาในหมู่บ้านชายแดน บ้านสันตินิมิตร หมู่ที่ 10 ตำบลรับร่อ อ.ท่าแซะ จ.ชุมพร เมื่อวันที่ 24 มี.ค.ที่ผ่านมา

หลังจากนั้นได้มีราษฎรไทย พบเห็นและได้แจ้งให้ นายอำนวยชัย ดิพิมาย ผู้ใหญ่บ้าน หมู่ที่ 10 ตำบลรับร่อ อ.ท่าแซะ จ.ชุมพร และผู้เกี่ยวข้องในท้องที่ ทหาร และหน่วยงานความมั่นคงรับทราบ พร้อมกับแจ้งตำรวจ สภ.ท่าแซะ นำตัวชาวโรฮิงญาทั้ง 2 คน ไปดำเนินคดีตามกฎหมาย

จากการตรวจสอบขณะนี้ชาวโรฮิงญาทั้ง 2 คน ยังถูกคุมขังอยู่ที่ สภ.ท่าแซะ เพื่อสอบสวนและส่งฟ้องศาลในข้อหาหลบหนีเข้าเมืองโดยผิดกฎหมาย

เบื้องต้นจากการสอบสวนทราบชื่อ นายบาเมาะ ซอพี อายุ 33 ปี และ นายซอลิมเจาะ อายุ 20 ปี ทั้งสองคนเป็นชาติพันธุ์ชาวโรฮิงญา สัญชาติเมียนมา ให้การว่าตนเองทั้งสองคนเริ่มแรกได้เดินทางมาจากรัฐยะไข่ โดยนั่งเรือมาขึ้นฝั่งที่ อ.ปกเปี้ยน และมาพักคอยที่แคมป์ของกองกำลังทหารกะเหรี่ยง ซึ่งอยู่ห่างจากแนวชายแดนไทย ด้าน ตำบลรับร่อ อ.ท่าแซะ จ.ชุมพร ประมาณ 60 กม.และยังมีชาวโรฮิงญาอีกกว่า 200 คน รอนายหน้าแก๊งค้ามนุษย์นำพาลักลอบข้ามแดน ซึ่งจะต้องมีการจ่ายเงินให้กับ นายอาจี สัญชาติชาวเมียนมา คนละ 45,000-50,000 บาท เพื่อนำพาลักลอบข้ามชายแดนประเทศไทย ด้านจังหวัดชุมพรและระนอง ไปต่อยังประเทศมาเลเซียและประเทศที่สาม

ชาวโรฮิงญา ทั้ง 2 คนบอกว่า สาเหตุที่ต้องหนีออกจากแคมป์พักของกองกำลังติดอาวุธชนกลุ่มน้อย เพราะยากจนไม่มีเงินจ่ายค่าหัวให้กับแก๊งนายหน้าค้ามนุษย์ และทนอยู่อย่างอดอยากหิวโซไม่ไหว จึงชวนกันหลบหนีฝ่าป่าดงและเทือกเขานาน 5 วัน ข้ามแดนเข้ามายังประเทศไทยดังกล่าว

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ก่อนหน้านี้ คณะทำงานทางลับของ กอ.รมน.ภาค 4 และเจ้าหน้าที่สำนักสอบสวน 4 สำนักงานผู้ตรวจการแผ่นดิน ลงตรวจสอบพื้นที่ตามร้องเรียน พบว่าบริเวณชายแดนไทย-เมียนมา มีกองกำลังชนกลุ่มน้อยอยู่ 2 กลุ่ม เป็นกองกำลังกะเหรี่ยง KTLA ตั้งฐานอยู่ใกล้กับชายแดนไทย ด้านตำบลรับร่อ อ.ท่าแซะ จ.ชุมพร และกองกำลังกะเหรี่ยง KNU ตั้งฐานอยู่ช่วงรอยต่อระหว่าง อ.ท่าแซะ จ.ชุมพร - อ.กระบุรี จ.ระนอง

จากการตรวจสอบในเชิงลึกพบว่าบริเวณชายแดนด้าน ตำบลรับร่อ อ.ท่าแซะ จ.ชุมพร มีการปรับไถทำถนนเส้นทางลับเชื่อมต่อข้ามแดนระหว่างประเทศไทยกับประเทศเพื่อนบ้าน มากกว่า 10 จุด โดยมีกลุ่มอิทธิพลจากกองกำลังชนกลุ่มน้อยติดอาวุธและกลุ่มอิทธิพลคนไทย และเจ้าหน้าที่รัฐบางคน บางกลุ่มในพื้นที่ ร่วมกันทำสิ่งผิดกฎหมาย มีตั้งแต่จัดสรรที่ดินฝั่งประเทศเพื่อนบ้านนับพันไร่ หลอกขายให้กับคนไทยราคาไร่ละ 50,000-60,000 บาท มีคนไทยมากกว่า 100 คน เข้าไปอยู่อาศัยทำการเกษตร มีการลักลอบขนสินค้าทางการเกษตร โดยไม่ผ่านพิธีการทางศุลกากร ลักลอบค้ามนุษย์ขนแรงงานต่างด้าวเข้าประเทศ ลักลอบนำพาชาวโรฮิงญาออกจากแคมป์พัก ข้ามชายแดนเข้าประเทศไทย ไปยังประเทศที่ 3 รวมทั้งยาเสพติด อาวุธสงคราม และสิ่งผิดกฎหมายอื่นๆ

จากกรณีดังกล่าว หลังสื่อมวลชนนำเสนอข่าวตีแผ่อย่างต่อเนื่อง จนล่าสุด แคมป์พักชาวโรฮิงญา ที่อยู่ห่างจากชายแดนไทยประมาณ 3-5 กม. ที่อยู่ในเขตคุ้มครองของกองกำลังชนกลุ่มน้อย ต้องย้ายถอยออกไปไกลจากชายแดนไทยประมาณ 60 กม.ดังกล่าว

โดยชาวโรฮิงญาทั้งหมดในแคมป์พัก เขตคุ้มครองกองกำลังติดอาวุธชนกลุ่มน้อย หากใครมีญาติที่มีฐานะดี ก็จะได้รับการว่าจ้างให้ลักลอบนำพาข้ามแดนไปยังประเทศที่ 3 ส่วนชาวโรฮิงญาที่ยากจน ก็จะถูกกักกันอยู่ที่แคมป์ต่อไป ไว้เป็นเครื่องมือข้ออ้างบังหน้าเรื่องการช่วยเหลือด้านมนุษยชน ของพวกแก๊งค้ามนุษย์ต่อไป



โดย chutikan_o

26 มี.ค. 2568

206 views

EP อื่นๆ