"อนุสรณ์" ขอน้ำปลาให้ฝ่ายค้าน แซะอภิปรายจืด โรยเกลือไม่น่าจะพอ

นายอนุสรณ์ เอี่ยมสะอาด สส.แบบบัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย ระบุว่า ขอฝากไปยังสื่อทุกสำนักว่า หากจะโปรยข่าววันนี้ต้องบอกว่า "อนุสรณ์ร้องสภา ขอน้ำปลาให้ฝ่ายค้านด่วน" เพราะติดตามจากการนำเสนอข่าว ยุทธการโรยเกลือดูแล้วไม่น่าจะพอ เกลือมาวันนี้ไม่น่าจะทัน จึงต้องร้องขอน้ำปลาด่วน ซึ่งไม่ได้ประเมินด้วยตนเอง แต่ติดตามจากฟีดแบ็กการประเมินจากสื่อมวลชนหลายสำนัก พร้อมเปรียบเทียบกับการทำหน้าที่ของพรรคประชาธิปัตย์ที่อภิปรายเรื่อง สปก 4-01 ช่วงเป็นฝ่ายค้านมีความหนักแน่น เป็นเรื่องเป็นราวดูมีใบเสร็จ แต่เมื่อวานนี้ต้องใช้คำว่าเสียเวลาสภา ก่อนหน้านี้หลายคนอาจสงสัยว่าจะเอาอะไรมาอภิปราย 5 วัน 5 คืน แต่วันนี้เห็นชัดเจนแล้วว่าถ้าให้ 5 วัน 5 คืน จะจืดยิ่งกว่านี้ ซึ่งฝ่ายค้านแต่ละคนขอเวลา 65 นาที 80 นาที น้อยที่สุด 35 นาที​ พร้อมยกตัวอย่าง ถ้าไปดูคลิป วิธีการในการเลี้ยงกบหรือการปลูกฝรั่ง กิมจูจะมีเวอร์ชัน 30 นาที 15 นาที แต่ถ้าเป็นตนจะเลือกกด 1 นาทีพอ​ ซึ่งการอภิปราย ถ้าเก่งเอาข้อมูลมาเนื้อๆ เน้นๆ ไม่ต้องไปขี่ม้าเลียบค่าย ไม่ต้องมีวาทกรรมเยอะ

นายอนุสรณ์ ​กล่าวว่า​ ทีมพิทักษ์ข้อบังคับพรรคเพื่อไทย ไม่ต้องปรับแผน เราจะเห็นได้ว่าทีมพิทักษ์ใช้เวลาน้อยกว่าพรรคร่วมฝ่ายค้าน ในการประท้วง และในช่วงที่นายภราดร​ ปริศนานันทกุล​ รองประธานสภาผู้แทนราษฎรคนที่ 2 ลุกขึ้น เพื่อให้ผู้ประท้วงนั่งลงนั้น มีการนำเสนอว่า เกิดความโกลาหลวุ่นวายแต่ข้อเท็จจริง นายวิโรจน์​ ลักขณาอดิศร​ สส. บัญชีรายชื่อพรรคประชาชน ไปยืนจ้องหน้าอยู่หน้าบัลลังก์ ซึ่งคำวินิจฉัยของประธานถือเป็นที่สิ้นสุด ซึ่งเห็นได้ชัดว่าทีมพิทักษ์ข้อบังคับการประชุมสภาฯ ของพรรคเพื่อไทย จะลุกขึ้นเมื่อมีการผิดข้อบังคับ และหาว่าผิดข้อไหน เช่นข้อ 9 ประธานวางตัวเป็นกลางหรือไม่ ประธานต้องควบคุมการทำหน้าที่ ห้ามอภิปรายในลักษณะเสียดสี ให้ร้าย ส่วนข้อ 71 วรรค 2 ไปพาดพิงคนอื่นให้เสียหายหรือไม่

ดังนั้นการอภิปราย 1 วัน ชี้วัดว่า พรรคเพื่อไทยไม่จำเป็นต้องปรับแผนอะไร ทุกคนทำตามที่ได้ประกาศไว้ ซึ่งช่วงเวลาที่เหลือ เราคงไม่ไปประท้วง​ พร้อมยกตัวอย่างการอภิปรายของบางคนเนื้อหาหนักแน่น แต่ไม่ได้เสียดสีใส่ร้ายชัดเจนเราก็ปล่อยให้อภิปราย เพราะมั่นใจว่านายกรัฐมนตรี รวมถึงนายภูมิธรรม​ เวชยชัย​ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม รวมถึงรัฐมนตรีทุกคนสามารถตอบได้ทุกคำถาม และข้อบังคับการประชุมสภาไม่ได้เปิดโอกาสให้ สส.​พรรครัฐบาลชี้แจงแทน เพียงแต่จะดูว่าผิดข้อบังคับข้อใดบ้าง จะลุกขึ้นประท้วงในกรณีที่จำเป็นจริงๆเท่านั้น

นายอนุสรณ์ ยังย้ำว่า การอภิปรายเมื่อวานนี้จืดต้องขอน้ำปลา ใส่พริก และที่กล่าวหาว่านายกฯเลี่ยงภาษีหรือหนีภาษี เป็นการใช้คำรุนแรง ว่าไปทำธุรกิจที่ไม่เหมาะสมกับทุนเทาข้ามชาติ เป็นการใส่ร้ายโดยใส่จินตนาการ อภิปราย วนเวียนซ้ำซาก จนสมาชิกต้องทักท้วง แต่พอหนักขึ้น เช่น มีการใช้คำว่ากี้กี้ เป็นความพยายามฉวยจังหวะฉวยโอกาส ใส่ร้าย หรือด้อยค่าผู้อื่น และความพยายามที่จะอธิบายว่าเป็นเสียงของลูกสมุนของปีศาจ จึงต้องถามว่า ใครคือลูกสมุน และยังบอกว่าการทำหน้าที่ของพรรค ร่วมรัฐบาลที่พิทักษ์ข้อบังคับการประชุม เป็นการประท้วงตามงวดงานหรือสัญญาจ้างถือเป็นการเสียดสีใส่ร้ายหรือไม่ ด้อยค่าหรือไม่ วิญญู​ชนพึงตัดสินได้

ส่วนกรณี นายภูมิธรรม ​พาดพิงคำว่า​ กี้กี้​ นายอนุสรณ์ ระบุว่า ต้องให้ความเป็นธรรม เพราะมีโอกาสที่จะพบคำไม่เหมาะสม เพราะผู้อภิปรายมีคาแร็กเตอร์และพฤติกรรม ทำให้สงสัยได้​ เช่นคำว่าไม่รู้อะไร ทำให้เห็นว่า​ มีทัศนคติวิธีคิดแบบนี้​ จึงทำให้สงสัยได้ และต้องให้ความเป็นธรรมกับนายภูมิธรรม และเมื่อพิมพ์ค้นหาคำว่ากี้กี้ จะมีผลลัพธ์ออกมาเจอถ้อยคำที่ไม่เหมาะสมจริงๆ

นายอนุสรณ์​ กล่าวว่า​ การอภิปรายเมื่อวานนายกรัฐมนตรี ไม่มีใครช่วย​ แต่ยอมรับบางเรื่องการบริหารราชการแผ่นดินกับข้าราชการระบบราชการทำงานเป็นทีม​ มีกระบวนการมีส่วนร่วมนายกรัฐมนตรี เป็นผู้รับผิดชอบ การมอบหมายสั่งงาน สั่งการประเมินผลไม่ได้หมายความว่านายกรัฐมนตรี ต้องทำทุกอย่างด้วยตัวเอง เรื่องทุกเรื่องที่รัฐมนตรีทำนายกฯ รับทราบและทำตามนโยบาย และวันนี้ขอยืนยันเช่นเดิมว่า การประท้วงต้องระมัดระวังรัดกุมตามแนวทางเดิมไม่ให้ผิดข้อบังคับ​ ส่วนนายกรัฐมนตรี ยังเหลือเวลาในการชี้แจง แต่จะไม่ใช้เวลามาก

อย่างไรก็ตาม นายอนุสรณ์ ย้ำว่า เป็นความเห็นส่วนตัวและรับฟังจากหัวหน้าพรรคการเมืองบางพรรค และผู้มีประสบการณ์​ พร้อมยืนยันว่าเสียงจากพรรคร่วมรัฐบาล มาครบมาเต็มแน่นอนส่วนจะมีเพิ่มหรือไม่ต้องรอติดตาม

โดย nutda_t

25 มี.ค. 2568

182 views

EP อื่นๆ