บัญชีม้าแก๊งคอลฯ อ้างเป็นตำรวจ หลอกเหยื่อสูญเงินล้าน เจอตำรวจจริงจับถึงบ้าน

บุกจับบัญชีม้าแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ปลอมเป็นตำรวจ สภ.เมืองสุรินทร์ วิดีโอคอลหลอกให้เหยื่อให้โอนเงินหลักล้านบาท เจอตำรวจจริงจับถึงบ้าน สารภาพฐานแก๊งอยู่ปอยเปต มีกลุ่มจีนเป็นคนจัดแจง

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อวันที่ 25 ธ.ค. 2567  ตำรวจชุดสืบนครบาลได้จับกุมตัว น.ส.พรทิพย์ อายุ 63 ปี ภูมิลำเนา ต.บ่อยาง อ.เมืองสงขลา จ.สงขลา ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญากรุงเทพใต้ ที่ จ.1052/2567 ลงวันที่ 1 พฤศจิกายน 2567 ซึ่งต้องหาว่ากระทำความผิดฐาน “ร่วมกันฉ้อโกงโดยแสดงตนเป็นคนอื่นและร่วมกันโดยทุจริตหรือโดยหลอกลวงนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่บิดเบือนหรือปลอมไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วนหรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จโดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่บุคคลหนึ่งบุคคลใด” จับกุมที่บ้านแห่งหนึ่งในซอยนวมินทร์ 74 แขวงรามอินทรา เขตคันนายาว กรุงเทพฯ

จากการตรวจสอบในฐานระบบ พบมีหมายจับติดตัวอีก 5 หมาย ดังนี้

1. หมายจับศาลแขวงสงขลา ที่ 41/2567 ลงวันที่ 4 มีนาคม 2567 ซึ่งต้องหาว่ากระทำความผิดฐาน “ออกเช็คเพื่อชำระหนี้ที่มีอยู่จริงและบังคับได้ตามกฎหมาย โดยเจตนาที่จะไม่ใช้เงินตามเช็คนั้น และในขณะที่ออกเช็คไม่มีเงินอยู่ในบัญชีอันจะพึงให้ใช้เงินได้ และถูกธนาคารปฏิเสธการจ่ายเงิน”

2. หมายจับศาลจังหวัดมหาสารคาร ที่ จ.263/2567 ลงวันที่ 12 กันยายน 2567 ซึ่งต้องหาว่ากระทำความผิดฐาน “ร่วมกันฉ้อโกงประชาชนโดยแสดงตนเป็นคนอื่น , ร่วมกันนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่บิดเบือนหรือปลอมฯ โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ผู้อื่นหรือประชาชน , ร่วมกันปลอมและใช้เอกสารราชการปลอม, ปลอมหรือเลียนแบบและใช้เครื่องหมายราชการโดยไม่ได้รับอนุญาต , เปิดหรือยินยอมให้บุคคลอื่นใช้บัญชีเงินฝากของตน โดยมิได้มีเจตนาใช้เพื่อตนฯ , ร่วมกันฟอกเงินและสมคบโดยการตกลงกันตั้งแต่สองคนขึ้นไป เพื่อกระทำความผิดฐานร่วมกันฟอกเงินและได้ร่วมกันฟอกเงินเพราะเหตุที่ได้มีการสมคบกัน”

3. หมายจับศาลแขวงสงขลา ที่ 423/2567 ลงวันที่ 7 พฤษภาคม 2567 ซึ่งต้องหาว่ากระทำความผิดฐาน “ความผิดต่อพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็ค (พฤติการณ์จงใจหลบหนี ไม่มาศาลตามนัด)”

4. หมายจับศาลแขวงสงขลา ที่ 528/2567 ลงวันที่ 12 มิถุนายน 2567 ซึ่งต้องหาว่ากระทำความผิดฐาน “ความผิดต่อพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็ค(ปฏิบัติตามคำพิพากษา)”

5. หมายจับศาลแขวงเชียงใหม่ ที่ 787/2567 ลงวันที่ 2 ตุลาคม 2567 ซึ่งต้องหาว่ากระทำความผิดฐาน “พ.ร.บ.ว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็ค”


สืบเนื่องมาจาก เมื่อวันที่ 4 ม.ค.2567 ขณะผู้เสียหายอยู่ที่ จังหวัดชุมพร ผู้เสียหายได้รับโทรศัพท์บอกว่า ผู้เสียหายตกเป็นผู้ต้องสงสัยในคดียาเสพติดและคดีฟอกเงิน โดยบอกว่า เรามีชื่อคุณ เบอร์โทรศัพท์ บัตรประชาชนและที่อยู่ และขอไอดีไลน์ไปโดยมีไลน์ชื่อ สภ.เมืองสุรินทร์ แอดมา และแจ้งให้ผู้เสียหายเดินทางมาสุรินทร์เลยไหม ผู้เสียหายตอบว่าไม่สะดวก ยินดีที่จะเดินทางไปแต่ไม่สะดวกวันนี้และไลน์ดังกล่าวส่งรูป หมายจับยาเสพติดโดยผู้เสียหายถามว่าเป็นใครทางไลน์ดังกล่าวได้ส่งรูปบัตรข้าราชการตำรวจให้ดู ทำให้ผู้เสียหายเชื่อว่าเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจจริง และมีการโอนสายไปให้อีกคนโดยมีการเปิดวิดีโอคอลงมีรูปบุคคลอ้างว่าเป็นตำรวจ

โดยมีการไล่ถามบัญชีธนาคารของผู้เสียหายว่ามีกี่บัญชี โดยไลน์ดังกล่าวได้ให้หมายจับและหมายอายัดของ สภ.เมืองสุรินทร์ให้ผู้เสียหายดูและมีรูปเล่มบัญชีธนาคารกสิกรไทยกับชื่อผู้เสียหายปรากฏในรูปที่มีการจับกุมยาเสพติด โดยไลน์ดังกล่าวอ้างว่าบัญชีผู้เสียหายเป็น 1 ใน 24 บัญชีที่เกี่ยวข้องกับยาเสพติดเป็นของผู้เสียหาย และให้ผู้เสียหายโอนเงินมาเพื่อตรวจสอบ ให้ผู้เสียหายโอนเงินมารวมกัน 2 ธนาคารของผู้เสียหายที่มี รวมเป็นเงิน 1,056,000 บาท    

เมื่อผู้เสียหายรวมเงินแล้วแจ้งให้ผู้เสียหายโอนเงินตรวจสอบโดยในไลน์ดังกล่าวได้เดินเข้าไปในห้องที่อ้างว่าเป็นผู้จัดการโดยมีการเปิดวิดีโอคอลให้ผู้เสียหายดูและบุคคลที่อ้างว่าเป็นผู้จัดการในไลน์ดังกล่าวแจ้งให้ผู้เสียหายโอนเงินจากบัญชีมาตรวจสอบ  อีกทั้ยังอ้างว่าแอปธนาคารได้ถูกอายัดแล้วเมื่อผู้เสียหายตรวจสอบแอปธนาคารไม่สามารถเปิดได้จริงจึงหลงเชื่อโอนเงิน โดยบุคคลดังกล่าวที่อ้างว่าเป็นผู้จัดการให้ผู้เสียหายโอนเงินเพื่อแสดงความบริสุทธิ์ใจ เพราะถ้าไม่โอนจะถูกจับและบริษัทจะเสียชื่อให้โอนเงินเพื่อแสดงความบริสุทธิ์โดยผู้เสียหายได้โอนจากบัญชี ไปธนาคาร cimb ชื่อบัญชี พรทิพย์ จำนวน 1,000,000 บาท  หลังจากนั้นแจ้งให้โอนเพิ่ม

ต่อมา ระหว่างทางเดินทางกลับบ้านที่กรุงเทพฯ ก็มีการโทรมาหลายสายแต่ผู้เสียหายไม่ได้รับ จนวันที่ 4 มกราคม 2567 เวลา21.00 น.ผู้เสียหายถึงบ้าน ผู้เสียหายทราบแน่ชัดว่าโดนหลอกจึงมาแจ้งความที่ สน.ทองหล่อ เพื่อดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป

ในชั้นจับกุม ผู้ต้องหาให้การรับสารภาพว่าตนได้เสิร์ชหางานทำในเฟซบุ๊ก ตนได้คุยกับนายกิจซึ่งได้พูดคุยเรื่องหางานทำที่บ่อนปอยเปต มีรายได้ดีแต่ก่อนที่จะไปทำงานต้องเปิดบัญชีธนาคาร 5 บัญชีโดยให้ค่าเปิดบัญชีๆ ละ 1,000 บาท รวมเป็นเงิน 5,000 บาท นายกิจอ้างว่าบัญชีที่ผู้ต้องหาเปิดนั้นจะรับโอนหุ้นให้กับนักธุรกิจฝั่งปอยเปต ต่อมานายกิจได้นัดให้ผู้ต้องหาไปเจอที่คิวรถตู้หมอชิตเพื่อเดินทางไปทำงานที่ปอยเปต

เมื่อไปถึงคิวรถตู้นายกิจมอบเงินจำนวน 5,000 บาทค่าบัญชีธนาคารดังกล่าวให้กับผู้ต้องหาก่อน จากนั้นนายกิจนั่งรถตู้ไปกับผู้ต้องหาเดินทางไปที่อรัญประเทศ เมื่อไปถึงอรัญประเทศ นายกิจบอกกับผู้ต้องหาเพียงว่าตนจะตามไปทีหลัง ให้ผู้ต้องหานั่งรถไปกับชายชาวไทยที่มารอรับที่คิวรถตู้ก่อน จากนั้นเมื่อไปถึงถนนทางลูกรัง ตนได้เดินทางเข้าบ้าน ลักษณะเป็นบ้านลักษณะก่ออิฐ เมื่อเดินเข้าไปในบ้าน ตนเดินต่อไปเรื่อยๆจนไปทะลุ กับประตูบ้านอีกฝั่ง หรือออกจากประตูบ้านหลังนั้น ก็กลายเป็นประเทศกัมพูชา และมีรถยนต์มารับตน บุคคลที่รับตนเป็นชายชาวจีนจำนวนหลายคน

กลุ่มชายชาวจีนพาตนเข้าไปในตึก 7 ชั้น และให้ตนดำเนินการสแกนใบหน้าในมือถือที่กลุ่มชาวจีนได้จัดไว้ให้ และตนได้เข้าไปอยู่ภายในห้องมีลักษณะคล้ายๆ เหมือนห้องขัง ตนได้อยู่ในตึกดังกล่าวเป็นเวลาหนึ่งเดือน ในแต่ละวันกลุ่มชายชาวจีนจะเรียกตนมาจากห้องที่ตนพักอยู่มาเพื่อสแกนหน้า วันเวลาผ่านไปหนึ่งเดือน กลุ่มชาวจีนได้เรียกตนว่าถึงเวลาที่ตนจะต้องกลับประเทศไทยแล้ว ตนจึงได้เดินทางกลับ แต่ก่อนที่ตนจะได้กลับ ตนได้แอบถ่ายรูปบันทึกเสียงของกลุ่มชาวจีนดังกล่าวไว้ แต่กลุ่มชายชาวจีนจับได้ว่าตนได้แอบถ่ายรูปและอัดเสียง  จึงถูกยึดโทรศัพท์ไม่ให้นำโทรศัพท์มือถือกลับมายังประเทศไทย หลังจากนั้นตนได้ค่ารถกลับบ้านอีก 2,000 บาท จากนั้นตนได้นั่งรถตู้กลับ เมื่อถึงประเทศไทยตนได้มาพักอาศัยอยู่กับพี่ชายย่านนวมินทร์ เพียงไม่นาน ตนจึงถูกเจ้าที่ตำรวจสืบนครบาลจับกุมในข้อหาบัญชีม้า





โดย JitrarutP

26 ธ.ค. 2567

452 views

EP อื่นๆ