หนุ่มพนักงานขนส่งหัวร้อน ใช้ด้ามมีดฟาดศีรษะชายวัย 54 บาดเจ็บต่อหน้าลูก
จากกรณีเพจอยากดังเดี๋ยวจัดให้ โพสต์คลิป สองพ่อลูก ถูกหนุ่มหัวร้อนขับรถกระบะบรรทุก ลงมือทำร้ายใช้ด้ามมีดตีเข้าที่ศีรษะ ชกต่อยเข้าที่ใบหน้า เหตุฉุนจอดรถขวางหน้าร้านสะดวกซื้อ ในตลาดแห่งหนึ่ง ม.2 ต.คอกกระบือ อ.เมือง จ.สมุทรสาคร ต่อหน้าลูกชายวัย 11 ขวบที่ป่วยเป็นโรคหัวใจร้องขออย่าทำร้ายพ่อ แต่ก็ไม่หยุดแถมเตะเสยเข้าที่ปลายคางจังหวะที่พ่อลูกจะพากันขับรถกลับจนรถล้ม บาดเจ็บสาหัส แจ้งความที่ สภ.บางน้ำจืดย่อย จ.สมุทรสาคร แต่ไม่มีความคืบหน้าของคดี
ล่าสุดนายกัณฐัศว์ พงศ์ไพบูลย์เวชย์ หรือ กัน จอมพลัง เดินทางมาที่ สภ.บางน้ำจืด ช่วยนายเอ (นามสมมุติ) อายุ 54 ปี ผู้เสียหาย และลูกชายวัย 11 ขวบ เพื่อติดตามความคืบหน้าของคดี หลังก่อนหน้านี้ผู้ก่อเหตุรับปากจะเข้ามอบตัวแต่ไม่กลับไม่มาตามนัด
นายเอ เล่าว่า ในวันที่ 8 ธันวาคม เวลาประมาณ 22.30 น. ตัวเองกำลังจะพาลูกชายออกไปกินข้าวบริเวณหน้าร้านสะดวกซื้อ ในตลาดแห่งหนึ่ง ม.2 ต.คอกกระบือ อ.เมือง จ.สมุทรสาคร ระหว่างที่ขับรถจักรยานยนต์ก็ได้ขับต่อท้ายรถคันก่อเหตุ ซึ่งเป็นรถหกล้อที่ใช้สำหรับส่งของ จังหวะที่ใกล้จะถึงร้านอาหารรถผู้ก่อเหตุก็ทำท่าเหมือนจะถอยหลัง ซึ่งตัวเองอยู่ต่อท้ายถ้าถอยมารถจะเหยียบตัวเองและลูกอย่างแน่นอน จากนั้นจึงเดินไปถามว่าทำไมถึงขับรถแบบนี้ขับแบบนี้เกือบจะเหยียบลูกแล้ว ผู้ก่อเหตุก็เปิดกระจก และพูดว่า “ทำไมมึงมีอะไร” ด้วยท่าทีโมโห
ส่วนตัวเห็นท่าไม่ดีจึงเดินกลับไปที่ลูกชาย พร้อมหยิบมีดจากตะกร้าหน้ารถ หน้ารถมาไว้ข้างตัวแต่ไม่ได้หยิบออกมาให้เห็นอย่างชัดเจน เพราะต้องการป้องกันความปลอดภัยของตนและลูก เมื่อฝั่งนั้นเห็นว่าตนมีมีดก็ถามว่า “มึงมีมีดใช่ไหม กูก็มีเหมือนกัน” ก่อนที่ผู้ก่อเหตุจะเดินตรงมาหาตัวเองและลูก
ซึ่งพอเห็นผู้ก่อเหตุมีท่าทีเช่นนั้นจึงได้กล่าวขอโทษกับผู้ก่อเหตุก่อน เพราะตัวเองไม่อยากจะมีเรื่องเนื่องจากเป็นห่วงลูกชายอยู่ด้วย ซึ่งจังหวะที่กำลังจะออกจากที่เกิดเหตุ ขี่รถจักรยานยนต์ผู้ก่อเหตุก็ลงมาจากรถรอบแรกแล้วก็รัวหมัดใส่ตัวเอง จากนั้นก็เดินกลับขึ้นรถไปอีกครั้ง และเดินลงมาต่อยวนอยู่แบบนี้ประมาณ 3 รอบ จนครั้งสุดท้ายครั้งที่สี่ กำลังจะพาลูกชายกลับบ้านไม่กินข้าวแล้ว แต่ผู้ก่อเหตุได้เดินมาแล้วเตะเสยคางทำให้รถล้มทั้งพ่อ และลูก จนได้รับบาดเจ็บบริเวณห่างคิ้วมีเลือดไหลเต็มหน้า
นายเอ ยังบอกอีกว่าระหว่างที่ผู้ก่อเหตุเดินมารัวหมัดใส่ตัวเอง ลูกชายก็ร้อง และพยายามบอกว่า ให้หยุดทำร้ายพ่อ แต่ผู้ก่อเหตุไม่ฟังยังพยายามรัวหมัดอยู่เรื่อย ๆ ซึ่งนายเอ ยืนยันว่าตอนที่ไปถามว่าทำไมขับรถแบบนี้พูดด้วยท่าทีปกติไม่ได้มีอารมณ์โมโหร้ายหรือใส่อารมณ์ มีแต่ฝั่งผู้ก่อเหตุที่ทำร้ายตัวเองและด่าทอไม่หยุด
ขณะที่กัน จอมพลัง บอกว่า ส่วนตัวหลังจากได้เห็นคลิปที่ผู้เสียหายถูกผู้ก่อเหตุทำร้ายต่อหน้าลูกชาย ยอมรับรู้สึกหดหู่ใจ เพราะคิดว่าเด็กไม่ควรได้รับรู้และเห็นเหตุการณ์แบบนี้ ตัวเองจึงได้ติดต่อไปยังผู้เสียหายเพื่อมาช่วยติดตามความคืบหน้าของคดี เนื่องจากผู้ก่อเหตุยังไม่ได้เข้ามอบตัวกลับเจ้าหน้าที่ตำรวจ ซึ่งจากพฤติกรรมการก่อเหตุถือว่าไม่มีความเกรงกลัวกฎหมาย ซึ่งในตอนเกิดเหตุลูกชายของผู้เสียหายก็ได้ร้องขอไม่ให้ทำร้ายร่างกายพ่อ แต่ก็ไม่ยอมหยุด ซึ่งหากจะอ้างว่ากระทำโดยบันดาลโทสะคงฟังไม่ขึ้น เพราะมีการขึ้นลงรถมาทำร้ายถึงสี่ครั้ง
นอกจากนี้ กัน จอมพลังยังบอกอีกว่าผู้ก่อเหตุคนนี้เคยมีการก่อเหตุพฤติกรรมคล้ายกันในพื้นที่ สน. ลาดพร้าว มาแล้วเมื่อประมาณ 8 เดือนที่แล้ว แต่ก็ยังไม่ได้รับโทษตามกฎหมาย ซ้ำยังก่อเหตุอีกครั้ง ส่วนตัวอยากฝากไปถึงบริษัทขนส่งที่ว่าจ้างผู้ก่อเหตุรายนี้ ควรมีบทลงโทษกับพนักงานของบริษัท เพราะการขนส่งผู้ก่อเหตุจะต้องเดินทางไปหลายพื้นที่ไปก่อเหตุแบบนี้ถือว่าเป็นภัยสังคม
ล่าสุดเมื่อเวลา 11.20 น. นายสมพงษ์ อายุ 28 ปี ชาว จ.สุรินทร์ เป็นผู้ก่อเหตุ ได้เดินทางมาที่ สภ. บางน้ำจืดย่อยโดยนั่งแท็กซี่ เข้ามาพบพนักงานสอบสวนด้วยตนเอง เพื่อให้มารับทราบข้อกล่าวหา ทำร้ายร่างกายผู้อื่นจนได้รับบาดเจ็บ
ซึ่งสื่อมวลชนได้มีการพยายามถามคำถามต่างๆ ด้านผู้ก่อเหตุ เปิดเผยในมุมของตนว่าทางฝั่งผู้เสียหายก็มีมีดเช่นเดียวกัน พอตนเห็นมีดตนก็ทำไป เพราะต้องการป้องกันตัว เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่าแล้วเห็นหรือไม่ว่ามีเด็กนั่งอยู่กับพ่อ ผู้ก่อเหตุตอบว่าก็อยากจะขอโทษเรื่องนี้ แต่เรื่องราวทั้งหมดอยากจะให้ดูต้นคลิปจริงๆ อย่าเพิ่งตัดสินคลิปที่เห็นเพียงเท่านั้น
เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่าแล้วเด็กพยายามร้องขอให้หยุดทำไมถึงไม่หยุด ผู้ก่อเหตุ ไม่ได้ตอบคำถามในประเด็นนี้ตอบเพียงแค่ว่าอยากให้ดูคลิปเหตุการณ์ทั้งหมดเพียงอย่างเดียว
ต่อมาภายหลังจากนายสมพงษ์ อายุ 28 ปี ผู้ก่อเหตุ เดินทางเข้ามอบตัวต่อพนักงานสอบสวน สภ.สมุทรสาคร (สาขาบางน้ำจืดย่อย) เสร็จสิ้นนายสมพงษ์ เปิดเผยกับสื่อมวลชนว่า ตัวเองถูกฝั่งคู่กรณีพูดจาด่าทอใส่ก่อน พร้อมกับมีการพยายามจะใช้อาวุธมีดที่เหน็บอยู่ที่เอวจะเข้ามาทำร้าย บวกกับฝั่งคู่กรณีมีอาการคล้ายคนเมาสุรา ซึ่งตอนนั้นตัวเองเห็นทีท่าไม่ดี จึงได้ไปหยิบมีดที่อยู่ในรถเพื่อมาใช้ป้องกันตัว แต่ในส่วนเรื่องเด็กตัวเองอยากขอโทษที่ทำต่อหน้าเด็ก สาเหตุมาจากความโมโห ยอมรับว่ารู้สึกผิด นักข่าวถามต่อถึงกรณีที่เคยเกิดเหตุก่อนหน้านี้
นายสมพงษ์ บอกอีกว่า เหตุการณ์ดังกล่าวก็คล้ายกับเหตุการณ์เมื่อ 9 เดือนที่แล้ว ที่ตัวเองได้ไปทำร้ายร่างกายคู่กรณี โดยคู่กรณีตอนนั้นได้ขี่ตามท้ายรถตัวเองมา จากนั้นก็ได้ขึ้นแซงแล้วก็ทำท่าทีไม่พอใจพร้อมกับแจกของลับ ด้วยความโมโห บันดาลโทสะ จึงได้ลงไปทำร้ายโดยใช้ด้ามมีดฟาดเข้าที่บริเวณศีรษะ ซึ่งเหตุการณ์ดังกล่าวตัวเองก็ยอมรับผิด และได้ไปขึ้นศาลถึง 2 ครั้ง ยืนยันไม่เคยหาเรื่องใครก่อน ทั้งนี้ส่วนตัวยอมรับว่า ทำงานมาก็เหนื่อยแล้วรับไม่ได้กับการที่ถูกใครให้ของลับ
นายสมพงษ์ยังกล่าวอีกว่า ส่วนเหตุการณ์ล่าสุดถ้าฝั่งคู่กรณีรักลูกตัวเองจริง คงไม่ถือมีดปี่เข้ามาเหมือนท่าทีจะทำร้ายตัวเอง ยืนยันว่าตนจะหาหลักฐานมาสู้คดี แต่เบื้องต้นมีแม่ค้าที่อยู่ในที่เกิดเหตุ ได้ออกมาแสดงความคิดเห็นในเฟซบุ๊กว่า เหตุการณ์ดังกล่าวว่าตนไม่ได้เป็นคนเข้าไปทำร้ายก่อนจริงๆ
ด้าน พ.ต.อ.ธีระเดช อธิภัคกุล รอง ผบก.ภ.จว.สมุทรสาคร เปิดเผยว่าเบื้องต้นได้มีการดำเนินคดีแจ้งข้อกล่าวหาทำร้ายร่างกายผู้อื่นจนได้รับบาดเจ็บ อีกทั้งจากการสอบปากคำเบื้องต้น ผู้ก่อเหตุ ยอมรับว่าลงมือทำร้ายร่างกายผู้เสียหายจริงอีกทั้งบอกว่าได้เสพกัญชาและยาบ้าในวันที่ 5 ธันวาคมที่ผ่านมาด้วย
พนักงานสอบสวนจึงได้มีการตรวจปัสสาวะเพื่อหาสารเสพติด เบื้องต้นพบว่า ผู้ก่อเหตุมีสารเสพติดในร่างกายหรือฉี่สีม่วง จากนั้นจึงได้ส่งตัวไปตรวจหาสารเสพติดในร่างกายที่โรงพยาบาลอีกครั้ง หากตรวจพบก็จะดำเนินคดีข้อหาเสพยาด้วย รวมถึงคดีที่ไปก่อเหตุทำร้ายร่างกายผู้อื่นในพื้นที่ สน.ลาดพร้าว ก็จะประสานขอสำนวนมาพิจารณาในการดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
ขณะที่ทีมข่าวได้พูดคุยกับแม่ค้าในตลาดที่เกิดเหตุ อายุ 46 ปี ซึ่งเป็นผู้เห็นเหตุการณ์ เล่าว่า ในคืนวันเกิดเหตุตัวเองเห็นเหตุการณ์จังหวะที่หนุ่มขับรถบรรทุกตบบริเวณใบหน้าของชายผู้เสียหายที่ขี่รถจักรยานยนต์ แต่ก็ไม่ทราบว่าทั้งคู่มีเรื่องทะเลาะอะไรกันมาก่อน แต่ระหว่างนั้นก็เห็นพ่อค้าแม่ค้า และชาวบ้านเข้ามาห้ามปราบทั้งคู่ พร้อมบอกว่าให้เอาเด็กออกมาก่อน แต่สองฝ่ายก็ไม่ยอมแยกย้ายกันไปทั้งที่ฝ่ายผู้เสียหายก็มีลูกติดตัวมาด้วย แต่เบื้องต้นก็ไม่เห็นว่าเด็กร้องไห้หรืออะไร ซึ่งทั้งคู่มีการโต้เถียงกันตลอดเวลา โดยชายผู้เสียหายคาดว่ามีอาการมึนเมาสุราด้วย ส่วนผู้ก่อเหตุก็หัวร้อน กระทั่งมีการทำร้ายกันตามที่ภาพปรากฏ แต่ตัวเองก็ไม่กล้าเข้าไปดูเหตุการณ์ใกล้ ได้แต่สังเกตอยู่ที่ร้านของตัวเองเท่านั้น จึงจับใจความไม่ได้ว่าเขามีเรื่องทะเลาะอะไรกัน
ส่วนที่ผ่านมาตัวเองก็เคยเห็นพ่อลูกผู้เสียหายขี่รถจักรยานยนต์มาซื้ออาหารในตลาดเป็นประจำ ซึ่งจากการสังเกตบางครั้งก็จะเห็นผู้เป็นพ่อมีอาการมึนเมาสุรามาบ้าง แต่ก็ไม่เคยมีเรื่องทะเลาะกับใครเพราะคาดว่าเป็นคนอาศัยอยู่ในพื้นที่
โดย paranee_s