แจ้ง 4 ข้อหา “บัญชีม้า” แก๊งคอลฯหลอก “ชาล็อต” เจ้าตัวปฏิเสธ ยอมรับเพียงรับจ้างเปิดบัญชี

พลตำรวจโทไตรรงค์ ผิวพรรณ ผู้บัญชาการสำนักงานพิสูจน์หลักฐานตำรวจ ในฐานะ รักษาราชการแทน ผู้บัญชาการกองบัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี แถลงผลการจับกุม นางสาวปาริฉัตต์ อายุ 40 ปี เจ้าของบัญชีม้า ที่กลุ่ม callcenter หลอกนางสาวชาล็อต ออสติน นางงาม ไปจำนวน 4 ล้านบาท และโอนเข้าบัญชีดังกล่าว



โดยตำรวจไปติดตามจับกุมผู้ต้องหาบัญชีม้า ได้ที่ บริเวณบ้านหนองไผ่ล้อม ต.หนองบัวใหญ่ อ.จัตุรัส จ.ชัยภูมิ และแจ้งข้อหา "ร่วมกันฉ้อโกงโดยแสดงตนเป็นบุคคลอื่น, ร่วมกันทำให้ผู้อื่นเกิดความกลัวหรือความตกใจ ด้วยการขู่เข็ญ, นำข้อมูลอันเป็นเท็จเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ ตามความผิดพ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ และเปิดหรือยินยอมให้บุคคลอื่นใช้บัญชีเงินฝากฯ



จากการสอบปากคำเบื้องต้น ผู้ต้องหาให้การปฏิเสธตลอดข้ากล่าวหา แต่ยอมรับในข้าหา “เปิดหรือยินยอมให้บุคคลอื่น ใช้บัญชีเงินฝากฯ” โดยอ้างว่า เมื่อวันที่ 5 ธันวาคม ที่ผ่านมา สามีของผู้ต้องหาได้บอกว่ามีงานพิเศษให้ทำ คือ การเปิดบัญชีธนาคารเพื่อรับรายได้ โดยมีตอบแทนให้บัญชีละ 3,500 บาท ซึ่งผู้ต้องหาอ้างว่าไม่ทราบมาก่อนว่าการรับจ้างเปิดบัญชีธนาคารนั้นมีความผิดจึงตกลงรับงานและแยกย้ายกันไปเปิดบัญชี



ต่อมา มีผู้ที่จ้างเปิดบัญชีได้เดินทางมาที่บ้านของผู้ต้องหาเพื่อถ่ายรูปสมุดบัญชีธนาคารที่เปิดใหม่ และแจ้งว่าผู้ต้องหาและสามีจะต้องเดินทางไปที่ประเทศกัมพูชา จำนวน 2 วัน



จากนั้นก็มีรถแท็กซี่มารับซึ่งในรถมีคนอื่นที่รับจ้างเปิดบัญชีเดินทางไปด้วย เดินทางจาก จ.นนทบุรี ไปยังตลาดโรงเกลือ อ.อรัญประเทศ จ.สระแก้ว และจากนั้นมีรถจักรยานยนต์รับไปส่งที่จุดข้ามแดนใกล้ตลาดโรงเกลือ และต้องเดินเท้าประมาณ 5-10 นาที ในการข้ามแดนโดยผ่านเส้นทางธรรมชาติที่มีมีลักษณะเป็นที่รกร้าง ต้องข้ามลำน้ำขนาดเล็ก โดยแพโฟมชักรอกข้ามลำน้ำและมีบุคคลประมาณ 2-3 คน พาข้ามแดน



เมื่อข้ามไปแล้วมีรถตุ๊กตุ๊กมารับไปส่งยังตึกแถวแห่งหนึ่ง พบว่ามีคนไทยประมาณ 15-20 คนอาศัยอยู่ด้วย และมีการสร้างห้องจำลองเป็น จนท. DSI เพื่อหลอกประชาชน และในอาคารดังกล่าวยังมีชาวจีนประมาณ 3-4 คนซึ่งคาดว่าเป็นผู้ควบคุมอาศัยอยู่ด้วย และมียามคอยสแกนนิ้วเปิด-ปิดประตูเข้าออกตลอดเวลา มีโต๊ะทำงานคอมพิวเตอร์



จากนั้นได้มีบอสชาวจีนสั่งลูกน้องให้ยึดบัตรประชาชน และสมุดบัญชีธนาคาร และโทรศัพท์มือถือ และให้บอกรหัส Mobile Banking ในการทำธุรกรรมแอพฯธนาคาร จากนั้นได้ส่งมอบให้แก่บอสชาวจีน



โดยตลอดเวลาที่อยู่อาคารดังกล่าว ทุกคนโดนขังอยู่ในห้องปิดม่านทึบ และจะถูกเรีนกตัวทีละคนไป สแกนหน้าผ่านแอปพลิเคชัน Mobile Banking ที่ได้ลงทะเบียนไว้ โดยสแกนวันละอย่างน้อย 1 รอบ หรือมากกว่านั้น และมีการแจกเงินค่าจ้างเป็นเงินสดกับผู้ที่ทำภารกิจสแกนเสร็จสิ้นแล้ว โดยผู้ต้องหาที่ถูกจับมีบัญชีธนาคาร 4 เล่ม จึงได้รับเงินจำนวน 14,000 บาท หลังรับเงินก็ถูกส่งตัวกลับประเทศไทยผ่านช่องทางเดิม และผู้ต้องหาได้กลับมาทำงานอาชีพแม่บ้าน
และใช้ชีวิตปกติ



จากการขยายผลเบื้องต้น ตำรวจพบเส้นทางการเงินที่นางสาวชาล็อต โอนไปจำนวน 4 ล้านบาท ถูกแปลงเป็นเงินดิจิทัลและโอนไปยังบัญชีปลายทางที่มีคนจีนเป็นเจ้าของ ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการขยายผล ส่วนสามีของผู้ต้องหา ภายหลังออกข่าวก็พบว่าได้หลบหนีไปจากที่พัก แต่จากการตรวจสอบยัง ไม่พบว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกับคดีนี้ เพราะยังไม่ปรากฏหลักฐานเชื่อมโยงเส้นทางการเงิน

โดย paranee_s

15 ธ.ค. 2567

468 views

EP อื่นๆ