“ทรัมป์-แฮร์ริส” ลุยหาเสียงดุเดือด 2 วันสุดท้ายก่อนเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ
การเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ กำลังจะเปิดฉากขึ้นในวันอังคารที่ 5 พฤศจิกายนนี้ ตามเวลาท้องถิ่น ซึ่งตรงกับวันพุธที่ 6 พฤศจิกายน ตามเวลาในไทย ทำให้ตอนนี้ ผู้ท้าชิงจาก 2 พรรคลุยหาเสียงกันอย่างเต็มที่ โดยเฉพาะในรัฐสมรภูมิ 7 รัฐ
โดยเมื่อวานนี้ ทรัมป์ได้ลงพื้นที่หาเสียงถึง 3 รัฐภายในวันเดียว คือ เพนซิลเวเนีย, นอร์ทแคโรไลนา, และจอร์เจีย โดยที่รัฐเพนซิลเวเนีย ทรัมป์ได้ขอให้ผู้มีสิทธิ์เลือกตั้งออกไปลงคะแนนเพื่อเลือกเขาเป็นประธานาธิบดีของ “ประเทศที่ล้มเหลว” ขณะเดียวกัน ก็ยังใช้คำพูดที่รุนแรงในการปราศรัยโดยเน้นไปที่ประเด็นด้านเศรษฐกิจ, การอพยพเข้าเมือง, และการวิจารณ์คู่แข่ง
นอกจากนี้ ทรัมป์ยังกล่าวอ้างแบบไม่มีหลักฐานว่ามีการโกงการเลือกตั้งเกิดขึ้นด้วย หลังเจ้าหน้าที่การเลือกตั้งประกาศว่าการนับคะแนนที่เพนซิลเวเนียอาจต้องใช้เวลานานหลายวันเหมือนปี 2563 เพื่อความถูกต้อง แต่ทรัมป์บอกว่าการใช้เวลานับคะแนนหลายวันทำให้เกิดความเป็นไปได้ว่าระบบจะถูกควบคุม พร้อมกับเรียกร้องให้มีการประกาศภายในวันเลือกตั้งเลย
อย่างไรก็ดี ฝ่ายตรงข้ามได้ออกมาตอบโต้ บอกว่าทรัมป์กำลังพยายามใช้การปราศรัยสร้างบรรยากาศแห่งความน่าสงสัย เพื่อเป็นชนวนสำหรับการท้าทายผลการเลือกตั้ง
ทรัมป์ยังพูดถึงเหตุการณ์ที่เขาเคยถูกยิงเฉี่ยวหู เมื่อเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา ที่เมืองบัตเลอร์ รัฐเพนซิลเวเนียด้วย และบ่นกับผู้สนับสนุนเกี่ยวกับช่องโหว่ในกระจกกันกระสุนที่ล้อมรอบตัวเขาบนเวทีปราศรัย พร้อมพูดติดตลกว่าหากใครจะลอบสังหารเขา ผู้นั้นคงต้องยิงทะลุกองทัพสื่อมวลชนมาก่อน
หลังจากนั้น ทรัมป์ได้เดินทางไปหาเสียงต่อที่เมืองคินส์ตัน รัฐนอร์ทแคโรไลนา โดยได้กล่าวโจมตี นายมิตช์ แมคคอนเนลล์ วุฒิสมาชิกจากพรรครีพับลิกันที่รู้จักกันมานานและกำลังจะก้าวลงจากตำแหน่งในเดือนมกราคมว่ามันคงเป็นวันที่เจ็บปวดมากแน่ ๆ ที่นายแมคคอนเนลล์จะต้องรับรองตำแหน่งให้กับเขา
แม้จะมาจากพรรคเดียวกัน แต่แมคคอนเนลล์และทรัมป์เป็นไม้เบื่อไม้เมากันมานาน แมคคอนเนลล์เคยเรียกทรัมป์ว่า “คนโง่” และ “น่ารังเกียจ” ขณะที่ทรัมป์ก็โจมตีแมคคอนเนลล์หลังแพ้การเลือกตั้งเมื่อปี 2563
ต่อมาทรัมป์ได้ไปหาเสียงเวทีสุดท้ายที่เมืองแมคอน รัฐจอร์เจีย โดยเริ่มเปิดฉากการปราศรัยด้วยการตำหนิแฮร์ริสที่เป็นต้นเหตุให้ผู้อพยพหลั่งไหลเข้ามาในประเทศ และทำให้เกิดอาชญากรรมรุนแรง นอกจากนี้ เขายังเตือนว่าจะเกิดเศรษฐกิจตกตกต่ำครั้งใหญ่ (Great Depression) อีกครั้ง เหมือนกับปี 1929 หากแฮร์ริสชนะเลือกตั้ง
ส่วนทางด้านรองประธานาธิบดีแฮร์ริส ผู้สมัครชิงตำแหน่งประธานาธิบดีจากพรรคเดโมแครต ได้เดินสายหาเสียงที่โบสถ์คนผิวดำและปราศรัยต่อหน้าชาวอเมริกันเชื้อสายอาหรับในรัฐมิชิแกน
แฮร์ริสได้กล่าวต่อผู้มาร่วมพิธีที่โบสถ์เกรทเตอร์ เอ็มมานูเอลในเมืองดีทรอยต์ว่า ในอีก 2 วันข้างหน้า ประชาชนมีอำนาจในการตัดสินชะตากรรมของประเทศชาติเพื่อคนรุ่นต่อ ๆ ไป เพราะตอนนี้ การสวดมนต์และพูดอย่างเดียวนั้นไม่เพียงพอ
ต่อมาในการปราศรัยที่เมืองอีสต์แลนชิง รัฐมิชิแกน แฮร์ริสได้กล่าวต่อชาวอเมริกันเชื้อสายอาหรับที่มีจำนวนกว่า 2 แสนคนในรัฐนี้ โดยได้พูดถึงพลเรือนที่ตกเป็นเหยื่อจากความขัดแย้งระหว่างอิสราเอลกับฮามาสในฉนวนกาซา และระหว่างอิสราเอลกับฮิซบอลเลาะห์ในเลบานอน
แฮร์ริสกล่าวว่า ปีนี้เป็นปีที่ยากลำบากมาก เมื่อเห็นความสูญเสียและความเสียหายอย่างใหญ่หลวงในกาซา รวมถึงการเสียชีวิตของพลเรือนและการพลัดถิ่นฐานในเลบานอน มันเป็นเรื่องที่น่าสะเทือนใจอย่างยิ่ง และว่าถ้าหากเธอได้เป็นประธานาธิบดี เธอจะใช้ทุกอำนาจที่มีเพื่อยุติสงครามในกาซา
อย่างไรก็ตาม ชาวอเมริกันเชื้อสายอาหรับและมุสลิมจำนวนมาก รวมถึงกลุ่มนักเคลื่อนไหวต่อต้านสงครามประณามรัฐบาลสหรัฐฯ อย่างหนักที่ให้การสนับสนุนอิสราเอล ขณะที่รองประธานาธิบดีแฮร์ริส ต้องเผชิญกับความไม่ไว้วางใจจากประชาชนบางกลุ่มที่รู้สึกผิดหวังที่เธอไม่ได้พยายามมากพอในการยุติสงครามในกาซา และลดการสนับสนุนอิสราเอล
โดย paranee_s