ทัวร์ลงกรมฝนหลวง โปรยเมล็ดพันธุ์ลงป่าแก่งกระจาน ป่าสมบูรณ์อยู่แล้ว หวั่นระบบนิเวศพังเหมือนปลาหมอคางดำ

ทัวร์ลง “กรมฝนหลวง” โปรยเมล็ดพันธุ์ชนิดตะแบก จำนวน 100 กิโลกรัม ลง “ป่าแก่งกระจาน” ชาวเน็ตสงสัยทำเพื่ออะไร ชี้ ป่าสมบูรณ์อยู่แล้วแค่มนุษย์ไม่เข้าไปยุ่ง หวั่นทำระบบนิเวศพังเหมือนเคสปลาหมอคางดำ

กลายเป็นประเด็นที่พูดถึงในโลกออนไลน์ เมื่อ กรมฝนหลวงและการบินเกษตร ได้โพสต์ข้อความผ่านทางเฟซบุ๊ก หลังเจ้าหน้าที่โครงการโปรยเมล็ดพันธุ์พืชทางอากาศ ได้ขึ้นเครื่องบินโปรยเมล็ดพันธุ์ชนิดตะแบก จำนวน 100 กิโลกรัม ลงไปที่อุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน อ.แก่งกระจาน จ.เพชรบุรี





ซึ่งหลังจากโพสต์ดังกล่าวเผยแพร่ไปในโลกออนไลน์ ก็มีชาวเน็ตเข้ามาแสดงความคิดเห็นเป็นจำนวนมาก หลายคอมเมนต์ชื่นชมการทำงานของเจ้าหน้าที่ ขณะที่อีกหลายคอมเมนต์ได้มีการตั้งคำถามถึงจุดประสงค์ของโครงการดังกล่าวคืออะไร เช่น

“มีเหตุผลอะไรที่ต้องทำแบบนี้ครับ ระบบนิเวศที่สมบูรณ์อยู่แล้วไม่ควรเข้าไปแทรกแซง ธรรมชาติมีการปรับตัวและฟื้นตัวเองได้ ลองคิดดูว่าปลาชะโดเป็นปลาพื้นถิ่นของที่หนึ่ง ถ้าหวังดีเอาไปปล่อยอีแหล่งน้ำที่ไม่มีตัวควบคุมชะโดอาจกินสัตว์เล็กๆ หมดหรืออาจะเอาเชื้อโรคไปแพร่”

“มันมีความจำเป็นอะไรถึงต้องไปทำอย่างนั้นครับ ? ”

“ป่าไม่ต้องปลูก แค่มนุษย์ไม่เข้าไปยุ่ง นิเวศก็ค่อยๆ ฟื้นกลับมา ***ถ้าต้นไม้ที่นำไปปลูกไม่ได้เป็นไม้ในถิ่นนิเวศเดิม ปัญหาที่ตามมาก็จะคล้ายคลึงกับเรื่องปลาหมอคางดำ!! ”

“ไม่มีการตรวจสอบเลยหรือครับ โครงการนี้ผ่านออกมาได้ยังไง ป่าแก่งกระจานเป็นพื้นที่ธรรมชาติที่สมบูรณ์ที่สุดแห่งหนึ่งของประเทศ การกระทำของหน่วยงานคุณคือการรบกวน ทำลายความบริสุทธิ์ของชนิดพรรณพืช และไม่มีความจำเป็นใดๆ ทั้งสิ้นต้องไปทำในป่าที่สมบูรณ์อยู่แล้ว”

“ทำเพื่ออะไรครับ”

“ควรชะลอโครงการนี้ออกไปก่อนที่ระบบนิเวศของอุทยานแห่งชาติจะเสียหายจากโครงการนี้ แล้วควรขอคำแนะนำเรื่องการฟื้นระบบนิเวศจากนักวิชาการของกรมป่าไม้และกรมอุทยานฯ ก่อนครับ”



“เอางบจากการโปรย ไปจ้างคนเฝ้าป่าดีกว่าครับ ถ้าป่ามันยังสมบูรณ์ ก็แค่รักษามันไว้ อย่าไปยุ่งกับมัน”

“ป่าแก่งกระจานสมบูรณ์มากๆ อยู่แล้วนี่ครับ มีนักท่องเที่ยวเจอเสือดำ เสือดาว หมีหมา ค่าง ชะนี นกเงือก และสัตว์ชนิดต่างๆได้บ่อยมาก บางชนิดก็เห็นได้ง่ายมาก.. ดูจากภาพถ่ายในโพสต์ก็เห็นป่าทึบ.. ผมเห็นภาพแล้วก็สงสัยว่าจะโปรยเมล็ดพืช (ต่างถิ่น ?) ลงไปทำไม ? ”

“วิธีที่สุดยอดแห่งการฟื้นฟูป่า คือไม่ต้องไปยุ่งกับมันครับ”




-เคยติดตามผลอัตราการงอกและการรอดตายหรือไม่

-ในป่าธรรมชาติที่สมบูรณ์ ไม่ง่ายที่เมล็ดจะงอกได้เนื่องจากแสงไม่เพียงพอ

-ปัจจุบันภาวะโลกร้อนส่งผลให้การออกดอกและผลของต้นไม้เปลี่ยนแปลงไป บางปีไม่ออกดอก ดังนั้น การทำโครงการลักษณะนี้โดยไม่มีงานวิจัยรองรับ ทำให้สูญเสียงบประมาณ และทรัพยากรเมล็ดซึ่งหายากขึ้นทุกวัน ไปโดยเปล่าประโยชน์”

“ไม่มีการตรวจสอบเลยหรือครับ โครงการนี้ผ่านออกมาได้ยังไง ป่าแก่งกระจานเป็นพื้นที่ธรรมชาติที่สมบูรณ์ที่สุดแห่งหนึ่งของประเทศ การกระทำของหน่วยงานคุณคือการรบกวน ทำลายความบริสุทธิ์ของชนิดพรรณพืช และไม่มีความจำเป็นใดๆ ทั้งสิ้นต้องไปทำในป่าที่สมบูรณ์อยู่แล้ว



1. พื้นที่ ป่า สมบูรณ์อยู่แล้ว ไม่มีเหตุผลที่จะโปรยเมล็ดพันธุ์

2. แม้ พื้นที่ป่า ถูกรบกวน ป่ามีศักยภาพในการฟื้นฟูตนเอง และการฟื้นฟูตนเอง จะทำให้เกิดความหลากหลายทางชีวภาพ และ พันธุกรรม มากกว่า มนุษย์เข้าไปยุ่ง โดยวิธี เลือกปฏิบัติในดิน มี seed bank ของพืช พื้นถิ่น อยู่จำนวนมาก ที่พร้อมงอกมาทดแทนและป่าอย่างแก่งกระจาน มี seed dispersal ที่เป็นนก สัตว์เลี้ยงลูกด้วยนม อยู่อย่างสมบูรณ์ ที่จะทำหน้าที่ปิดทองหลังพระนี้ อย่างถูกต้องเหมาะสม ทำอยู่แล้ว 24/7 365 วัน ไม่เบิกงบ ไม่เอาหน้าใดๆ

3. พื้นที่ดังกล่าว ไม่ใช่ พื้นที่ของตะแบกนา จึงเป็นพันธุ์ต่างถิ่น

4. แม้เอาพืช“พื้นถิ่น” มาโปรย อาจถูกชนิด แต่ พันธุกรรมย่อยผิด และที่สำคัญ จะทำให้ องค์ประกอบโครงสร้างของนิเวศ เปลี่ยน ส่งผลกระทบที่คาดไม่ถึงนิเวศป่า ที่จะหน้าที่ นิเวศบริการ ได้ดีที่สุด ไม่ใช่สถานที่ ที่มีต้นไม้หนาแน่นเฉยๆ แต่มีรายละเอียดทางโครงสร้างป่า ชนิด ความถี่ ทั้งสังคม พืช รา สัตว์ ที่เฉพาะการกระทำนี้ เหมือนคนที่อยากทำดี ช่วยรักษาคน

แต่ขาดความรู้ ความเข้าใจการรักษานั้น มักก่อผลร้ายมากกว่าผลดีคล้ายหมอเถื่อน ดังนั้น การจัดการ ใดๆ จำเป็นต้องใช้ วิทยาศาสตร์ นำ ครับ









โดย JitrarutP

20 ส.ค. 2567

485 views

EP อื่นๆ