'มาริษ' โชว์วิสัยทัศน์การทูต ฟื้นเกียรติภูมิไทยในเวทีโลก ส่งเสริมการค้า ดันความร่วมมือเพื่อนบ้านสู่สันติสุข

รมว.กต.โชว์วิสัยทัศน์การทูตมืออาชีพ ฟื้นเกียรติภูมิ-บทบาทไทยบนเวทีโลก ส่งเสริมการค้า-ลงทุน ดันความร่วมมือเพื่อนบ้านแก้ปัญหา ส่งเสริมความร่วมมือระหว่างกัน หวังเห็นเมียนมายุติสู้รบ เกิดสันติสุข



นายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ แถลงนโยบายการต่างประเทศ ภายหลังเข้ารับตำแหน่ง ทำหน้าที่แทนนายปานปรีย์ พหิทธานุกร อดีตรองนายกรัฐมนตรีและอดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ที่ได้ลาออกไปก่อนหน้านี้ โดยได้ประกาศนโยบาย “Ignite Thailand และ Re-Ignite Thai Foreign Policy: ขับเคลื่อนวิสัยทัศน์ด้วยการทูตมืออาชีพ” มุ่งมั่นผลักดันการทูตไทยใน 3 มิติ ทั้งการฟื้นฟูภาพลักษณ์ของประเทศไทย เพื่อส่งเสริมความเชื่อมั่นของต่างชาติ หลังปัญหาการเมืองภายในที่ทำให้ประเทศไทยในช่วงที่ผ่านมา ทำให้ประเทศไทยเสียโอกาส เวลา และศักยภาพในการขับเคลื่อนการต่างประเทศ และยังทำให้ความสนใจของประชาคมโลกต่อประเทศไทยหายไป ดังนั้น จึงจำเป็นต้องเน้นบทบาทประเทศไทยให้เข้มข้นขึ้น และเป็นผู้เล่นสำคัญบนประชาคมโลก เพื่อสร้างบทบาท และเกียรติภูมิให้กลับมายังประเทศไทย เพื่อผลประโยชน์ของชาติ ทั้งการค้า การลงทุนและการท่องเที่ยว ผ่านกลไกการทูต และทีมไทยแลนด์





นอกจากนั้น ยังจะมุ่งเน้นผลักดันความร่วมมือระหว่างภาคเอกชนในการทำธุรกิจร่วมกันให้เป็นรูปธรรม เพื่อสร้างความอยู่ดีกินดีลงไปถึงระดับรากหญ้าของประเทศ ดึงดูดการลงทุนเข้ามาไทยประเทศ โดยประเทศไทย พร้อมสนับสนุนกรอบความร่วมมือทางเศรษฐกิจระหว่างประเทศในพื้นที่แม่โขง และความร่วมมืออื่น ๆ เช่น RCEP, BRICS และ OECD เพื่อรับมือกับความท้าทายรูปแบบใหม่ ๆ หลายรูปแบบและรอบด้าน และไทยพร้อมที่จะยกระดับเกียรติภูมิของประเทศ ด้วยการสมัครเป็นสมาชิกคณะมนตรีสิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติ หรือ UNHRC อีกด้วย



รวมถึงการเสริมสร้างความเข้มแข็งในความสัมพันธ์ระหว่างไทย และประเทศเพื่อนบ้าน เพื่อสร้างความมั่นคงตามแนวชายแดน ส่งเสริมการค้าการลงทุน ผลักดันการท่องเที่ยวระหว่างกัน รวมไปถึงการแก้ไขปัญหาฝุ่น PM2.5 ข้ามแดน พร้อมยังหวังจะได้เห็นความสัมพันธ์ระหว่างประชาชนไทยกับเพื่อนบ้าน มีความแน่นแฟ้น เพราะเป็นพื้นฐานปัจจัยที่ทำให้ความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ






ส่วนสถานการณ์ทางการเมือง และการสู้รบภายในเมียนมานั้น นายมาริษ ยอมรับว่า ได้ส่งผลต่อความมั่นคงตามแนวชายแดไทย จึงหวังเห็นการยุติการสู้รบ และเกิดสันติสุขขึ้นในเมียนมา เพราะจะช่วยลดผลกระทบด้านความมั่นคงของไทย และประเทศไทยให้ความสำคัญกับการร่วมมือกับเมียนมาในการแก้ไขปัญหายาเสพติด และแก๊งส์คอลเซ็นเตอร์ ธุรกิจสีเทาต่าง ๆ ดังนั้น จึงจำเป็นจะต้องพัฒนาความร่วมมือกับเมียนมาต่อไป และจะใช้บทบาทประเทศไทย ช่วยสร้างการเจรจาเพื่อสันติสุขให้เกิดขึ้น เพื่อแก้ไขปัญหาอย่างสมบูรณ์แบบ และยังพร้อมให้ความช่วยเหลือทางมนุษยธรรมกับเมียนมาโดยจะต้องเป็นสิ่งที่ทุกฝ่ายให้การยอมรับ

โดย nut_p

15 มิ.ย. 2567

55 views

EP อื่นๆ