'โรม' คาใจ 'ทักษิณ' ปิ๊กเชียงใหม่ ป่วยจริง หรือรัฐบาลหลอกปชช. รับ 'โทนี' มีอิทธิพลทางการเมือง

'โรม' คาใจ 'ทักษิณ' ปิ๊กเชียงใหม่ ป่วยจริง หรือรัฐบาลหลอกประชาชน รับ 'โทนี' มีอิทธิพลทางการเมืองจริง อภิปรายสภาฯเทียบกับ 'เศรษฐา' ปฏิกิริยาต่าง ไม่รู้ใครนายกฯตัวจริง ผิดหวัง-กังขา กกต.เล่นเทคนิคกฎหมาย ส่งก้าวไกลขึ้นเขียง เร็วกว่าภูมิใจไทย


นายรังสิมันต์ โรม  สส. บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล กล่าวถึงการลงพื้นที่ จ.เชียงใหม่ ของ นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ซึ่งอาจมีนัยยะทางการเมืองในช่วงที่ใกล้จะมีการเลือกตั้งนายก อบจ. หรือไม่ โดยมองว่า หลายฝ่ายก็มองความเป็นไปได้ ว่าสุดท้ายนายทักษิณต้องการทวงคืนพื้นที่ ก็คงต้องรอดูรายละเอียดมากกว่านี้ แต่อาจจะเป็นการอยากกลับบ้านหรือไม่ก็ได้ แต่สิ่งที่ต้องมองมากกว่านี้ที่สังคมเข้าใจคือเรื่องสุขภาพ เพราะที่ผ่านมาประชาชนรับรู้ว่าสุขภาพแย่มาก แต่อยู่ๆก็สามารถเดินทางไป จ.เชียงใหม่ ได้ ตนคิดว่าเรื่องนี้ทำให้เกิดความคาใจว่า ตกลงแล้วรัฐบาลหลอกเราหรือไม่ เพราะถ้ารัฐบาลไม่ตรงไปตรงมากับประชาชน เชื่อว่าเป็นรัฐบาลที่ใช้ไม่ได้ ดังนั้นถ้านายทักษิณไม่ได้ป่วยจริง และรัฐบาลหลอก ก็ต้องรับผิดชอบต่อประชาชน


ส่วนในทางการเมืองก็ต้องยอมรับว่า นายทักษิณมีอิทธิพลต่อการเมืองไทย เป็นเรื่องจริงที่ปฏิเสธไม่ได้ พวกเราเคยอภิปรายถึงนายทักษิณ ถึงนายเศรษฐา ทวีสิน ในสภา ได้เห็นปฏิกิริยาที่แตกต่างกันคนละเรื่อง จึงเริ่มไม่แน่ใจว่าตกลงใครคือนายกรัฐมนตรี ใครไม่ใช่ ซึ่งหลังจากนี้เชื่อว่านายทักษิณก็จะมีบทบาทสำคัญ ส่วนจะเป็นในการเลือกตั้งนายก อบจ. หรือเลือกตั้งระดับอื่น เป็นสิ่งที่ต้องพิจารณาและวางยุทธศาสตร์ทางการเมือง แต่สุดท้ายอาจจะเป็นแค่อยากกลับบ้านก็เป็นไปได้


นายรังสิมันต์ ยังกล่าวอีกว่า ตนอยากโฟกัสถึงความตรงไปตรงมา ความซื่อสัตย์ของรัฐบาลมากกว่า ไม่ต้องการเห็นรัฐบาลหลอกลวงประชาชน อยากเห็นรัฐบาลที่พูดความจริง ซึ่งหลายฝ่ายบอกว่านายทักษิณถูกกระทำมาก่อน ตนก็เห็นด้วย มีหลายข้อที่ไม่ได้รับความเป็นธรรม แต่การแก้ไขไม่ใช่การโกหก ต้องมาคุยด้วยกติกาในระบบ โดยสามารถแก้ไขได้


ส่วนจะนำเรื่องนี้มาอภิปรายทั่วไปตามมาตรา 152 หรือไม่นั้น นายรังสิมันต์ บอกว่า ยังอยู่ในกระบวนการสรุปหัวข้ออภิปราย จึงตอบไม่ได้ แต่จะพยายามหยิบยกเรื่องสำคัญขึ้นมา เนื่องจากครั้งนี้เป็นการอภิปรายทั่วไปไม่ลงมติ คงไม่นำไปสู่การถอดถอนนายกรัฐมนตรีหรือรัฐมนตรี แต่แน่นอนว่ามีภาระทางการเมืองที่รัฐบาลต้องตอบ และต้องยอมรับว่าถ้าดูจากสิ่งที่กำลังเกิดขึ้นในการจัดตั้งรัฐบาลเป็นต้นมา จนมาถึงกรณีของนายทักษิณ ที่ประชาชนไม่เชื่อว่ารัฐบาลพูดความจริง ผนวกกับเมื่อฟังคำตอบในเวทีการอภิปรายทั่วไปตามมาตรา 152 ก็จะยิ่งสร้างปัญหาความไม่เชื่อมั่นต่อรัฐบาล ขออย่าดูเบาผลลัพธ์ทางการเมือง ซึ่งเป็นเรื่องที่ต้องจับตาดู


นายรังสิมันต์ ยอมรับว่า เรามีเวลาน้อย เนื่องจากมีการอภิปรายร่าง พ.ร.บ.งบประมาณปี 2567 ต้องพูดตรงๆว่ารัฐบาลนี้ไม่เหมือนรัฐบาล พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา ที่สามารถนับต่อตั้งแต่ คสช. ได้ แต่ต้องดูการบริหารงานต่อเนื่องมาจากรัฐบาลพลเอกประยุทธ์ หากคิดว่ารัฐบาลตอบไม่ดี ก็จะเป็นปัญหาในอนาคตอย่างแน่นอน ยืนยันว่าการอภิปรายในครั้งนี้ไม่ใช่หมัดแย็บ แต่จะเป็นคำถามสำคัญ แม้พรรคก้าวไกลจะต้องเผชิญกับความท้าทายในเรื่องอื่นก็ตาม ยอมรับว่ามีหลายเรื่องที่ทำให้เราหลุดโฟกัส เช่น การที่ กกต.ส่งเรื่องยุบพรรคไปที่ศาลรัฐธรรมนูญ


ส่วนการตั้งข้อสังเกตว่าพรรคก้าวไกลมักจะแตะไปที่กระบวนการยุติธรรม ในกรณีของนายทักษิณ ซึ่งไม่เหมือนกับยุครัฐบาลพลเอกประยุทธ์ ที่พุ่งไปที่ตัวบุคคลมากกว่า นายรังสิมันต์ ชี้แจงว่า ไม่ใช่ว่าไม่แตะนายทักษิณ เราอภิปรายถึงกระบวนการที่เกี่ยวข้องหลายครั้ง แต่ที่โฟกัสกระบวนการเพราะยั่งยืนที่สุด และต้องยอมรับว่า นายทักษิณกับพลเอกประยุทธ์ เป็นคนละกรณีกัน เพราะพลเอกประยุทธ์ยึดอำนาจมาและสืบทอดอำนาจ แต่กรณีนายทักษิณที่สามารถกลับเข้าประเทศได้ มองว่าเป็นขบวนการที่ไม่ควรเกิดขึ้น เพราะไม่สามารถทำให้เกิดขึ้นกับทุกคนได้ สุดท้ายสังคมจะมองเป็นอภิสิทธิ์ชน ซึ่งการที่สังคมไทยถูกทำให้รู้สึกว่ามีคนบางกลุ่มได้อภิสิทธิ์บางอย่างเหนือกว่าคนอื่น สังคมจะอยู่ได้อย่างไร และไม่มีทางไว้ใจกัน สุดท้ายใครอยากได้อภิสิทธิ์นี้แบบนี้ ก็ต้องมีเส้นสาย มีเครือข่ายเข้าถึงศูนย์กลางอำนาจ เป็นสิ่งที่ไม่อยากให้เกิดขึ้น


ส่วนถ้ามีการยุบพรรคก้าวไกล สส.ทั้ง 148 คน จะยังคงจับมือไปด้วยกันหรือไม่นั้น นายรังสิมันต์ กล่าวว่า ตอนนี้ยังอยู่ในกระบวนการเตรียมรับมือทุกรูปแบบ อยากโฟกัสต่อสู้เรื่องการยุบพรรคก่อน และพยายามชี้ให้เห็นถึงองค์กรที่มีอำนาจได้เข้าใจว่าการยุบพรรคไม่ได้ช่วยอะไร การยุบพรรคไม่ได้ทำให้การเมืองดีขึ้น แต่การยุบพรรคทำให้การเมืองไทยอยู่กับที่ ล้าหลัง เรามีบทเรียนมาแล้วหลายครั้ง อยากชวนให้ทุกคนคิด ไม่ใช่แค่การยุบพรรค แต่ต้องให้ความเป็นธรรมกับเราด้วย อย่างกรณีการยื่นยุบพรรคก้าวไกล กกต.ควรต้องถามเราก่อน ให้สิทธิ์ในการโต้แย้งชี้แจง แต่อยู่ๆมารวบรัดตัดความ สุดท้ายสังคมไทยจะอยู่อย่างไร ท้ายที่สุดแล้วทำไมกรณีของพรรคก้าวไกลกับพรรคภูมิใจไทยจึงต่างกัน คนจึงมองว่าทำไมก้าวไกลถูกปองร้าย แต่เรื่องนี้ไม่ใช่เฉพาะพรรคก้าวไกล แต่รวมถึงฝ่ายค้านทั้งหมด เพราะโลกจะมองว่านี่คือกระบวนการทำลายฝ่ายค้านหรือไม่ จึงอยากให้มองถึงผลดีผลเสียถึงความพยายามยุบพรรคก้าวไกล และขอยืนยันว่าสิ่งที่เราได้ทำในการเสนอกฎหมายและนโยบายหาเสียงเลือกตั้ง ได้ยื่น กกต. และได้รับการรับรองเป็นนโยบายของพรรค ถ้าในกฎหมายบอกว่าห้ามแก้มาตรา 112 เราก็คงไม่ทำ แต่กฎหมายไม่ได้มีเขียนแบบนี้ เราจึงพยายามใช้กลไกของสภา พรรคการเมืองไหนไม่เห็นด้วยก็ไปโหวตในสภา แต่พอใช้มาตรา 49 เรื่องของการล้มล้างการปกครอง ก็ยิ่งสร้างความไม่แน่นอนของระบบการเลือกตั้ง


ส่วนกรณีคณะกรรมมาธิการศึกษาแนวทางการจัดทำกฎหมายนิรโทษกรรม จะกรณีของ นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร หรือไม่ นายรังสิมันต์ กล่าวว่า ตอนนี้ยังไม่ได้พูดถึงกรณีนี้ แต่กำลังหารือว่าจะดำเนินการอย่างไร เพื่อวางกรอบการนิรโทษกรรม ซึ่งก็มีหลายแนวคิดเช่นการแยกกลุ่ม แยกประเภท หรือรวมเป็นแพ็กเกจเดียวกัน แต่สิ่งสำคัญต้องถามตัวเรา ว่าตกลงแล้วมีกรรมาธิการฯ ชุดนี้ไปทำไม ถ้าในที่สุดไม่สามารถแก้นิรโทษกรรม และมีคนบางกลุ่มถูกดำเนินคดีด้วยข้อหาทางการเมือง ส่วนจะรวมไปถึงกรณียุบพรรคก้าวไกลหรือไม่ มองว่าเป็นคนละกรณี เพราะไม่สามารถไปรวมถึงเรื่องที่ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัย


ส่วนเมื่อวานนี้ ประธาน กกต. ระบุว่าหลักฐานสำคัญในการยื่นยุบพรรคก้าวไกล คือคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ นายรังสิมันต์ ระบุว่า คำวินิจฉัยกรณีการล้มล้างการปกครอง ส่วนหนึ่งเป็นการใช้ตามมาตรา 49 แต่ไม่ได้วินิจฉัยให้ยุบหรืออะไร ซึ่งขั้นตอนที่ทำนั้นแยกส่วนกัน และ กกต. ก็ต้องรับฟังเหมือนกันว่าสุดท้ายแล้วเหตุที่วินิจฉัยออกมาจะนำไปสู่เหตุการณ์ยุบพรรคหรือไม่ ซึ่งเป็นคนละกรณีกัน เพราะถ้าเป็นกรณีเดียวกันกับการล้มล้างการปกครองแล้วต้องยุบพรรค ทำไมไม่ใส่ในมาตราเดียวกัน ทำไมไม่ใช้อำนาจหน้าที่เดียวกัน ทำไมต้องแบ่งกัน กกต.ต้องฟังแต่แรก ตนเข้าใจว่า กกต.ใช้อำนาจตามมาตรา 92

แต่เหตุใดไม่พิจารณาตามมาตรา 93  เพราะเปิดช่องสร้างความเป็นธรรมได้ แต่กลับไม่ทำ กรณีของพรรคก้าวไกลไปใช้อำนาจตามมาตรา 92 ส่งผลให้กรณีของพรรคก้าวไกลเร็วกว่ากรณีร้องยุบพรรคภูมิใจไทย ซึ่งเป็นเรื่องที่น่าผิดหวังและน่ากังขามาก

โดย parichat_p

14 มี.ค. 2567

54 views

EP อื่นๆ

10 เม.ย. 2567