เปิดบทสัมภาษณ์ฉบับเต็ม ‘เศรษฐา เดอะเซลส์แมน’ นายกฯ ไทย บนนิตยสารไทม์

เปิดบทสัมภาษณ์ฉบับเต็ม “เศรษฐา ทวีสิน” บนนิตยสารไทม์ พร้อมพาดหัวใหญ่ “เดอะเซลส์แมน” จากซีอีโอบริษัทอสังหาริมทรัพย์ สู่ นายกรัฐมนตรีของไทย ภายใต้ความกดดัน หลังพรรคเพื่อไทยต้องจัดตั้งรัฐบาลกับฝ่ายที่เคยเป็นพันธมิตรกับกองทัพ ซึ่งเคยทำรัฐประหารและขัดขวางการปฏิรูปครั้งใหญ่

หน้าปกนิตยสารฉบับนี้มีภาพถ่ายของนายกฯ เศรษฐาในท่ากอดอก ดูขึงขัง โดยข้าง ๆ มีคำโปรยว่า “เดอะ เซลส์แมน นายกรัฐมนตรีเศรษฐา ทวีสินของไทย กำลังเปิดรับการลงทุนให้เข้ามาในประเทศ ที่ยังไม่รู้สึกถึงการเปลี่ยนแปลงหลังจากการเลือกตั้ง”

ในบทความนี้ นิตยสาร Time ยังตั้งคำถามนำก่อนเข้าบทความด้วยว่า นายกรัฐมนตรีคนใหม่ของไทยที่กำลังเปิดรับโอกาสทางธุรกิจมาสู่ประเทศนั้น แต่เขาจะสามารถเยียวยาประเทศได้หรือไม่ (Thailand’s New Prime Minister Is Getting Down to Business. But He Heal His Nation?)

นอกจากการขึ้นปกนิตยสาร นายกรัฐมนตรีเศรษฐายังให้สัมภาษณ์แบบ Exclusive กับTIME ในหลาย ๆ ประเด็นด้วย โดยเฉพาะเรื่องเศรษฐกิจของไทยที่ตอนนี้ซบเซาอย่างหนักจนตามหลังประเทศเพื่อนบ้านหลาย ๆ ประเทศในภูมิภาคอาเซียน เช่น ฟิลิปปินส์, อินโดนีเซีย, และเวียดนาม



เว็บไซต์ของ TIME ระบุว่า นับตั้งแต่เข้ามาดำรงตำแหน่ง นายกฯ เศรษฐา ได้ออกเดินทางไปเยือนต่างประเทศมากกว่า 10 ประเทศ เพื่อชักชวนชาวต่างชาติให้มาลงทุนในไทย ไม่ว่าจะเป็น จีน, ญี่ปุ่น, สหรัฐอเมริกา, และสวิตเซอร์แลนด์

นายกฯ เศรษฐา บอกอย่างตรงไปตรงมากับ TIME ว่าตอนนี้ ประเทศไทยกำลังประสบวิกฤตการณ์ทางเศรษฐกิจ แต่รัฐบาลของเขาพยายามแก้ไขวิกฤตนี้ ด้วยการออกนโยบายต่าง ๆ เช่น การลดภาษีเชื้อเพลง และ พักชำระหนี้เกษตรกร 3 ปี ซึ่งนายกฯ เศรษฐายังพูดถึงนโยบายกระเป๋าตังค์ดิจิทัล 10,000 บาท และประกาศว่าจะยกระดับบทบาทของประเทศไทยในเวทีโลกด้วย

อย่างไรก็ตาม TIME บอกว่า หนทางดังกล่าวยังคงมืดมน เพราะพรรคเพื่อไทยไปจัดตั้งรัฐบาลกับฝ่ายที่เคยเป็นพันธมิตรกับกองทัพซึ่งเคยทำรัฐประหารและขัดขวางการปฏิรูปครั้งใหญ่ และเมื่อพิจารณาจากภาวะเศรษฐกิจที่ย่ำแย่กับเส้นทางสู่อำนาจที่ขัดแย้ง TIME บอกว่า นายกเศรษฐาฯ จึงตกอยู่ภายใต้แรงกดดันอย่างหนักที่จะสร้างผลงานให้เป็นรูปธรรม



ในประเด็นนี้ นายกฯ เศรษฐาตอบกลับ TIME ว่าความกดดันไม่ได้มาจากการเป็นที่ 2 แต่มาจากความต้องการในการแก้ไขปัญหาความยากจน และยกระดับชีวิตของคนไทย

TIME บอกว่า นอกจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรีแล้ว นายเศรษฐา ยังควบตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังด้วย แต่จนถึงตอนนี้ ประเทศไทยยังไม่ผ่านร่างงบประมาณประจำปีเลย ขณะที่นโยบายกระเป๋าตังค์ดิจิทัล ก็ทำให้ตัวเขาเกิดความขัดแย้งกับธนาคารแห่งประเทศไทยด้วย

นอกจากนี้ TIME ยังเผยแพร่ประวัติชีวิตของนายกฯ เศรษฐา ที่ผันตัวจากผู้บริหารของบริษัทอสังหาริมทรัพย์มาเป็นนายกรัฐมนตรีของไทย

ช่วงหนึ่งของบทความ TIME บอกว่านายกฯ เศรษฐา เป็นนายกรัฐมนตรีคนที่ 2 ในประวัติศาสตร์ของไทย ที่สร้างห้องนอนในทำเนียบรัฐบาล ทำให้เขาสามารถมาทำงานโดยที่ไม่ต้องเดินทางผ่านการจราจรที่แออัดของกรุงเทพ ซึ่ง นายกฯ เศรษฐากล่าวว่า การทำแบบนี้ทำให้เขาสามารถจัดการประชุมได้ทั้งเช้าและดึก และไม่ต้องไปกีดขวางการจราจรด้วยขบวนรถ

นายกฯ เศรษฐา ยังพูดถึงสงครามระหว่างอิสราเอลกับกลุ่มฮามาสที่เกิดขึ้นมาตั้งแต่วันที่ 7 ตุลาคมปีที่แล้วและทำให้แรงงานไทยในอิสราเอลเสียชีวิต 39 คน และถูกจับเป็นตัวประกัน 32 คนด้วย โดยบอกว่า ตั้งแต่เกิดเหตุ รัฐบาลของเขาได้เจรจาเพื่อปล่อยตัวประกันคนไทยออกมา ข่าวค่อย ๆ ถูกนำเสนอออกมาอย่างช้า ๆ แต่สิ่งที่ทำให้เขาตกใจมากที่สุด คือยอดผู้เสียชีวิตที่เพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ

ส่วนประเด็นความสัมพันธ์กับต่างประเทศ TIME บอกว่า นายกฯ เศรษฐาได้เดินทางไปพบปะกับประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ของจีน เมื่อตุลาคมที่ผ่านมา เพื่อดึงดูดการลงทุนโดยเฉพาะการก่อสร้างโครงการแลนด์-บริดจ์ มูลค่า 3,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ (ราว 107,000 ล้านบาท) ซึ่งนายกฯ เศรษฐาได้กล่าวชื่นชมประธานาธิบดีสีว่า ประธานาธิบดีสีมีแสงออร่าของผู้นำของโลกเปล่งประกายออกมา นายกเศรษฐาคิดว่า ประธานาธิบดีสีต้องการติดต่อค้าขาย ไม่ได้ต้องสร้างปัญหาหรือสงครามใด ๆ

TIME ยังถามความคิดเห็นของนายกฯ เศรษฐาเกี่ยวกับการเสียชีวิตของนายอเล็กเซ นาวาลนี ผู้นำฝ่ายค้านคนสำคัญของรัสเซียที่เสียชีวิตในเรือนจำในเขตขั้วโลกเหนือ ซึ่งประธานาธิบดีโจ ไบเดนบอกว่า เหตุการณ์นี้แสดงให้เห็นถึงความโหดร้ายของปูตินด้วย นายกฯ เศรษฐา พูดประมาณว่า ตอนนี้ ยังไม่มีหลักฐานที่พิสูจน์ว่าเหตุการณ์ดังกล่าวเป็นฝีมือของปูติน แต่หากเป็นเหตุอาชญากรรมจริง มันก็เป็นสิ่งที่เกิดขึ้นในดินแดนของรัสเซีย และเขาไม่สามารถเข้าไปก้าวก่ายอธิปไตยของประเทศอื่นได้

นอกจากนี้ นายกเศรษฐายังแสดงความเสียใจเล็กน้อยกับ TIME ที่เทย์เลอร์ สวิฟต์ นักร้องชื่อดัง ไม่มาเปิดคอนเสิร์ต ดิ อิราส์ ทัวร์ (The Eras Tour) ในประเทศไทย แต่เลือกสิงคโปร์ประเทศเดียวในอาเซียน

บางช่วงบางตอนTime ยังได้กล่าวถึงคำพูดของนายชูวิทย์ โกมลวิศิษฐ์ ซึ่งไทม์บอกว่า เป็นนักรณรงค์ต่อต้านการคอร์รัปชั่น ที่เคยบอกว่า เศรษฐาเป็นเพียงหุ่นเชิดของอดีตนายกรัฐมนตรีทักษิณ ชินวัตร และกลุ่มอำนาจที่มีความเชื่อมโยงเกี่ยวข้องกัน และว่า ทักษิณสามารถสั่งรีโมท คอนโทรล ว่าจะไปซ้าย หรือขวา ขณะที่นายกฯ เศรษฐา ก็ได้ปฏิเสธ

ขณะที่คำพูดปิดท้ายบทความของนายกฯเศรษฐาที่น่าคิดก็คือ “จาก CEO ของบริษัท มาสู่ CEO ของประเทศ ที่มีประชาชนมากมายเป็นผู้ถือหุ้น แต่สิ่งที่ไม่ต่างกับห้องประชุมบอร์ด ก็คือ ที่อำนาจไม่เคยแบ่งได้อย่างเท่าเทียม”


โดย JitrarutP

13 มี.ค. 2567

105 views

EP อื่นๆ