‘เศรษฐา’ ขึ้นปกนิตยสารไทม์ พาดหัวใหญ่ นายกฯ ไทย เป็น “เดอะเซลส์แมน”

เดอะเซลส์แมน! “เศรษฐา” ขึ้นปกนิตยสารไทม์ พาดหัวใหญ่นายกฯ ไทย เป็น “เดอะเซลส์แมน” ผู้พยายามกระตุ้นเศรษฐกิจ หลังรู้สึกว่าการเลือกตั้งของเขายังไม่เปลี่ยนแปลงมากพอ

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นิตยสารไทม์ นิตยสารข่าวรายสัปดาห์ชื่อดังของสหรัฐอเมริกา ได้เผยแพร่ภาพ เศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี บนปกนิตยสาร พาดหัวใหญ่ว่า “THE SALESMAN”

พร้อมแคปชั่น TIME's new cover: Thailand's new Prime Minister is trying to boost the economy of a country that feels shortchanged by his election (นายกรัฐมนตรีคนใหม่ของประเทศไทยพยายามกระตุ้นเศรษฐกิจของประเทศที่รู้สึกว่าการเลือกตั้งของเขาไม่เปลี่ยนแปลง)



โดยนายเศรษฐา ได้ให้สัมภาษณ์แบบเอ็กซ์คลูซีฟกับนิตยาสารไทม์ ซึ่งระบุว่าไทยมีความเหลื่อมล้ำสูงโดยมีคนรวย 1% ถือครองความมั่งคั่ง 69 % ขณะที่  GDP ต่ำกว่า 2 ในช่วงทศวรรษที่ผ่านมา โดยดิอีโนมิสต์ เคยระบุว่า ประเทศไทยเป็นประเทศที่ล้าหลังอย่างแท้จริงในแง่ของการฟื้นตัวจากการแพร่ระบาด

นายเศรษฐา ยืนยันว่าเศรษฐกิจไทยอยู่ในภาวะวิกฤต และดำเนินหลายมาตรการเพื่อพลิกฟื้นเศรษฐกิจไม่ว่าจะเป็นการลดภาษีเชื้อเพลิง พักชำระหนี้ หรือการวางแผนที่จะเปิดกระเป๋าเงืน ดิจิทัล 10,000 บาท  พร้อมทั้งเร่งกระชับความสัมพันธ์กับจีนและอเมริกา โดยบอกว่าหวังจะเห็นประเทศไทยมาส่องแสง

เมื่อถามถึงความกดดันที่ไม่ได้ชนะเลือกตั้ง นายเศรษฐาได้บอกว่า “ความกดดันไม่ได้เกิดจากการเป็นรองแชมป์” เขากล่าวถึงการเลือกตั้ง “แรงกดดันมาจากความจำเป็นในการ แก้ไขความยากจน เพื่อปรับปรุงความเป็นอยู่ที่ดีของคนไทยทุกคน นั่นคือความกดดันที่ต้องเผชิญทุกวัน

และจากหลายกรณีนายเศรษฐาได้ระบุว่า “การเป็น CEO ของบริษัท คุณจะรู้ว่าคุณมีอำนาจจำกัดแต่สิ่งที่น่าประหลาดใจที่สุดคือการไม่มีอำนาจอย่างที่นายกรัฐมนตรีมี”

ขณะที่การกล่าวหาว่า นายทักษิณ ชินวัตร เป็นคนที่กดรีโมทตามที่ นายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ กล่าวอ้าง นายเศรษฐาตอบว่า “ผมดูแลอยู่”



ในบทความได้ระบุว่าที่ผ่านมา นายเศรษฐา ได้เดินไปหลายประเทศ เพื่อดึงนักลงทุนให้มาลงทุนในประเทศ และสร้างความสัมพันธ์กับผู้นำระดับโลก

ขณะที่บทความได้อ้าง ศ.ดันแคน แม็กคาร์โก  ผู้เชี่ยวชาญประเทศไทยจากมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีนันยางในสิงคโปร์ ที่ระบุว่า ขณะที่นายเศรษฐาได้เดินทางไปทั่วโลกเพื่อชักจูงนักลงทุน แต่ก็เป็นที่ทราบกันดีว่าประเทศนี้เป็นผู้ขายน้อยรายซึ่งถูกครอบงำโดยกลุ่มบริษัทขนาดใหญ่จำนวนหนึ่ง เช่นการขายเบียร์ปริมาณน้อยถูกห้ามในประเทศไทยภายใต้กฎหมายที่มีอายุหลายสิบปีซึ่งคุ้มครองบริษัทครอบครัวขนาดใหญ่สองแห่งที่ผูกขาดตลาดถึง 90% ของมูลค่า 8 พันล้านดอลลาร์ และเป็นเวลากว่าสองทศวรรษแล้วที่บริษัทแห่งหนึ่งซึ่งมีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับรัฐบาลได้รับสัมปทานปลอดภาษีสำหรับสนามบินหลักของกรุงเทพฯ เพียงแห่งเดียว ทำให้เกิดอาณาจักรครอบครัวที่มีมูลค่าหลายพันล้านดอลลาร์ตั้งแต่เริ่มต้น “บริษัทต่างชาติต้องการเข้าสู่ภาคโทรคมนาคม ภาคการค้าปลีก ภาคเครื่องดื่ม แต่ทุกคนรู้ดีว่าภาคส่วนเหล่านี้ถูกครอบครองไปแล้วเป็นส่วนใหญ่”

พร้อมทั้ง แม้ว่าแถลงการณ์ของพรรคเพื่อไทยให้คำมั่นที่จะลดอำนาจของกลุ่มบริษัท เพียงหนึ่งสัปดาห์หลังจากที่เขาได้รับการยืนยันว่าเป็นนายกรัฐมนตรี เศรษฐาได้เข้าร่วมงานเลี้ยงอาหารค่ำที่จัดโดยกลุ่มเจ้าของบริษัทที่ใหญ่ที่สุดของประเทศ



โดย JitrarutP

13 มี.ค. 2567

236 views

EP อื่นๆ

10 เม.ย. 2567