‘โรม’ ชำแหละ ‘ตั๋วเพื่อไทย’ สงสัย ‘พัดธงทิว’ เหมาะนั่ง ผกก.อย่างไร จี้ ‘เศรษฐา’ คลายข้อสงสัย

‘โรม’ ร่ายยาวชำแหละ ‘ตั๋วเพื่อไทย’ บอกผู้กำกับสมหวังในอุปถัมป์ของนายกฯ รับไม่ได้ ตร.น้ำดีลาออก เซ่นระบบคุณธรรมให้องค์กร สงสัย ‘พัดธงทิว’ เหมาะสมอย่างไรกับการเป็นผู้กำกับ จี้ ‘เศรษฐา’ ตอบคลายข้อสงสัย


วันนี้ (5 ธ.ค. 2566) นายรังสิมันต์ โรม สส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล ทวิตภาพกราฟฟิก พร้อมข้อความผ่าน x ในหัวข้อ ตั๋วเพื่อไทย ผู้กำกับสมหวัง ในความอุปถัมป์ของนายก ระบุว่า หลังจากที่ผมได้เห็นข่าวตำรวจต้องลาออกจากราชการ เพราะเหตุเดิมๆ อย่างได้รับการแต่งตั้งโยกย้ายที่ไม่เป็นธรรม ข่าวตำรวจนามสกุลดังเติบโตอย่างรวดเร็ว โดยที่ไม่สามารถชี้แจงให้สังคมทราบได้ว่ามีผลงานเด่นอะไร ผมจึงมีคำถามสำคัญว่าสังคมตำรวจจะหลุดพ้นจากบ่วงกรรมเช่นนี้ได้อย่างไร?


ตามคำสั่งแต่งตั้งโยกย้ายข้าราชการตำรวจระดับตั้งแต่สารวัตร จนถึงรองผู้บังคับการ (รวมถึงระดับผู้กำกับด้วย) ในสังกัดสำนักงานตรวจคนเข้าเมืองที่ 304/2566 ลงวันที่ 29 พฤศจิกายน 2566 ตามบัญชีแนบท้ายที่กำหนดว่าตำรวจรายไหนจะได้รับการย้ายไปประจำการที่ไหนบ้าง ก่อนที่จะมีการประกาศคำสั่งดังกล่าวอย่างเป็นทางการ ก็มีตำรวจระดับผู้กำกับขอลาออกจากราชการ เพราะรับไม่ได้กับผลการแต่งตั้งโยกย้ายที่เกิดขึ้น ด้วยเหตุผลว่า “ต้องการดำรงระบบคุณธรรมให้องค์กร หวังว่าในยุคต่อๆ ไป คนที่ตั้งใจทำงาน เสียสละ มีผลงาน จะได้รับพิจารณาอย่างเป็นธรรม”


การมีตำรวจต้องลาออก เพื่อดำรงระบบคุณธรรมให้องค์กร ผมถือว่าเป็นตำรวจอีกหนึ่งราย ที่ต้องสังเวยหน้าที่การงานให้กับระบบตั๋ว ผมทราบดีว่าตำรวจท่านนี้ สามารถร้องเรียนต่อคณะกรรมการพิทักษ์ระบบคุณธรรมข้าราชการตำรวจ (ก.พ.ค.ตร.) ได้ ตามมาตรา 87 พรบ.ตำรวจ 2565 แต่กระบวนการเช่นนี้กลับไม่ได้เกิดขึ้น ซึ่งก็อาจจะเป็นเพราะตำรวจท่านนี้ไม่เชื่อว่าจะได้รับความเป็นธรรม ตามกลไกใน พ.ร.บ.ตำรวจ ดังนั้น คนธรรมดาอย่างผม อย่างพี่น้องประชาชน จะสามารถเชื่อถือในกลไกการทำงานของตำรวจได้เพียงไร เพราะตำรวจด้วยกันเอง ยังไม่เชื่อว่ากลไกเหล่านี้จะสร้างความเป็นธรรมให้แก่ตนเองได้เลย


นอกจากนี้ เมื่อในการแต่งตั้งตามคำสั่งดังกล่าว (304/2566) ชื่อของ พ.ต.อ.พัดธงทิว ดามาพงศ์ ได้รับการแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่ง ผกก.ด่าน ตม.ทอ.ภูเก็ต บก.ตม.2 ทั้งที่เพิ่งได้รับการแต่งตั้งโยกย้ายวาระประจำปี 2565 ให้ดำรงตำแหน่งเป็น ผกก.ฝอ.2 บก.อก.สตม. ตามคำสั่งที่ 52/2566 เมื่อวันที่ 23 มกราคม 2566 ที่ผ่านมานี้ การที่โดนแต่งตั้งให้ย้ายตำแหน่งไปมาภายในระยะเวลาไม่ถึงปีเช่นนี้ ก็ต้องเป็นคนที่มีความสามารถโดดเด่น ถ้าไม่เป็นเช่นนั้น ก็ต้องเป็นคนที่มีตั๋ว ได้รับการอุปถัมป์อย่างโดดเด่น ไม่อย่างใดก็อย่างหนึ่ง


ดังนั้น ผมเห็นว่าสำนักงานตำรวจแห่งชาติต้องมีคำตอบว่า บรรดาการแต่งตั้งที่เกิดขึ้นตามคำสั่งนี้ ไม่ว่าจะเป็นตำแหน่ง ผกก.ตม.จว.ภูเก็ต บก.ตม.6 ต้องการผู้กำกับที่มีความสามารถแบบไหนมารับตำแหน่งนี้ พ.ต.อ.ธเนศ สุขชัย ที่ถูกสั่งย้ายจนต้องลาออกไป ไม่มีความเหมาะสมในตำแหน่งนี้อย่างไร และผู้กำกับคนใหม่ มีความเหมาะสมมากกว่าผู้กำกับคนเดิมอย่างไร ซึ่งเป็นคำถามเดียวกันกับ พ.ต.อ.พัดธงทิว ดามาพงศ์ ว่ามีความเหมาะสมอย่างไรกับการเป็นผู้กำกับ ด่านตรวจคนเข้าเมือง ท่าอากาศยานภูเก็ต รวมทั้งเป็นคำถามเดียวกับผู้กำกับรายอื่นๆ อีกเช่นกันว่า ผู้กำกับท่านนั้นมีความรู้ความสามารถในตำแหน่งที่ได้ไปทำหน้าที่อย่างไรบ้าง เรื่องนี้ต้องชี้แจงให้สังคมได้ทราบครับ


การที่ปล่อยให้เรื่องนี้เงียบไป เพราะเป็นคนละตำแหน่งกับผู้กำกับที่ลาออก โดยที่ไม่มีการชี้แจงอะไรจากตำรวจ นั่นหมายถึงว่าการแต่งตั้งในครั้งนี้ ยังคงมีการใช้ตั๋วในการแทรกแซงการแต่งตั้งโยกย้ายอยู่ใช่หรือไม่? “ผู้กำกับธเนศ” คือ “ผู้กำกับไม่สมหวัง” แต่ “ผู้กำกับพัดธงทิว” คือ “ผู้กำกับสมหวัง” ตามที่นายกได้บอกกับสื่อมวลชนใช่หรือไม่?

ระบบอุปถัมป์ใหม่ภายใต้นายกเศรษฐา อย่าง “ตั๋วเพื่อไทย” และ “ผู้กำกับสมหวัง” แม้ว่าท่านนายกฯจะแก้ตัวว่า ไม่สามารถแทรกแซงการแต่งตั้งโยกย้ายได้ เพราะเป็นอำนาจของผู้บัญชาการ ตาม ม.66 แต่เมื่อข้อเท็จจริงเป็นเช่นนี้ คำถามสำคัญที่ท่านนายกไม่เคยตอบสักครั้ง คือระบบตั๋วในรัฐบาลเศรษฐา จะยังมีอยู่หรือไม่ “ผู้กำกับสมหวัง” ที่คนของพรรคเพื่อไทยมาขอตำแหน่งกับท่านนายกฯ สรุปแล้วมีใครบ้าง การที่ไม่มีใครได้ตรวจสอบเรื่องนี้ทั้งที่เป็นเรื่องสำคัญ สรุปแล้วคนที่มาขอตำแหน่งผู้กำกับนี้ เป็นผู้ใหญ่ในพรรคเพื่อไทยใช่หรือไม่ จึงไม่มีใครกล้าปริปากพูดอะไรให้สังคมทราบ


ผมยังยืนยันว่าหากเราใช้ระบบการแต่งตั้งโยกย้ายเช่นนี้ต่อไป เราจะไม่สามารถจัดการเรื่องตั๋วได้อย่างแน่นอน ระบบอุปถัมป์ที่พรรคเพื่อไทยเกลียดชังหนักหนา ผมไม่อยากคิดว่า การออกมาประณามระบบอุปถัมป์ภายใต้ระบอบประยุทธ์ตอนเป็นฝ่ายค้าน เพราะมันไม่ได้อุปถัมป์คนของพรรคเพื่อไทยเพียงเท่านั้น ผมจึงหวังว่าการแต่งตั้งโยกย้ายตำแหน่งรองสารวัตรลงมาที่กำลังจะเกิดขึ้น (ซึ่งต้องทำให้แล้วเสร็จภายในวันที่ 31 มกราคม 2567) จะไม่มี “รองสารวัตรสมหวัง” ในการอุปถัมป์ของนายกขึ้นอีก เพราะการแต่งตั้งตำแหน่งรองสารวัตรที่เกิดขึ้น หากทำให้ปราศจากข้อครหา ให้การแต่งตั้งที่จะเกิดขึ้นมีความโปร่งใส จะเป็นก้าวแรกสู่การปฏิรูปตำรวจ และไม่ต้องมีตำรวจที่ต้องลาออกสังเวยให้กับความไม่เป็นธรรมเช่นนี้อีก


5 ธ.ค. 2566

346 views

EP อื่นๆ