UN ชี้โลก “ล้มเหลว” เป้าหมายจำกัดอุณหภูมิ 1.5 องศาฯ ย้ำวิกฤตใกล้ตัวกว่าที่คิด

องค์การสหประชาชาติ ออกมาเตือนถึงสัญญาณที่นักวิทยาศาสตร์กังวลมาโดยตลอดว่า โลกของเราได้ล้มเหลวในการบรรลุเป้าหมายที่จะจำกัดอุณหภูมิโลกไม่ให้สูงขึ้นเกิน 1.5 องศาเซลเซียส และเรากำลังจะทะลุขีดจำกัดนี้ภายในอีกไม่ถึง 10 ปีข้างหน้า


รายงานช่องว่างการปล่อยก๊าซเรือนกระจก (Emission Gap Report) ฉบับล่าสุดของโครงการสิ่งแวดล้อมแห่งสหประชาชาติ หรือ UNEP ได้ระบุข้อความอย่างชัดเจนว่า การดำเนินการที่ล่าช้าของนานาชาติ ทำให้การป้องกันไม่ให้อุณหภูมิโลกสูงเกินเป้าหมาย “ไม่สามารถทำได้อีกต่อไป” ซึ่งนี่ถือเป็นความจริงที่น่าตกใจอย่างยิ่ง


แอนน์ โอลฮอฟฟ์ ผู้เขียนหลักของรายงานกล่าวว่า การลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกอย่างจริงจังในตอนนี้อาจช่วยชะลอเวลาที่อุณหภูมิจะพุ่งเกินเป้าหมายออกไปได้ "แต่ไม่สามารถหลีกเลี่ยงมันได้อย่างสิ้นเชิงอีกต่อไป"


แม้ว่าข้อตกลงปารีสตั้งเป้าหมายเอาไว้ว่าจะจำกัดอุณหภูมิเฉลี่ยของโลกให้เพิ่มขึ้นไม่เกิน 2 องศาเซลเซียส และพยายามจำกัดให้อยู่ที่ 1.5 องศาเซลเซียส เมื่อเทียบกับยุคก่อนอุตสาหกรรม แต่สถานการณ์ในปัจจุบัน อุณหภูมิโลกอาจจะพุ่งสูงถึง 2.5 องศาเซลเซียส และที่น่ากังวลกว่านั้น คือหากเรายังคงใช้นโยบายแบบที่เป็นอยู่ทุกวันนี้ โลกอาจร้อนขึ้นถึง 2.8 องศาเซลเซียส เลยทีเดียว


ตัวเลขเหล่านี้ไม่ใช่แค่ตัวเลขบนกระดาษ แต่มันหมายถึง คลื่นความร้อนที่รุนแรงขึ้น ที่ประชากรโลกมากกว่าสองเท่าต้องเผชิญ, ภัยแล้งและไฟป่าที่ยาวนานและควบคุมได้ยากขึ้น, และที่อุณหภูมิสูงขึ้น 2 องศาเซลเซียส แนวปะการังเกือบทั้งหมดของโลก หรือ 99% อาจถูกทำลายหายไปตลอดกาล


แม้จะมีความคืบหน้าอยู่บ้างจากเมื่อ 10 ปีก่อนที่โลกเคยถูกคาดการณ์ว่าจะร้อนขึ้นถึง 4 องศา แต่สถานการณ์ปัจจุบันก็ยังน่าเป็นห่วง เพราะการปล่อยก๊าซเรือนกระจกยังคงพุ่งสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง รายงานฉบับนี้จึงเป็นการส่งสัญญาณเตือนครั้งใหญ่ไปยังการประชุมสุดยอดด้านสภาพภูมิอากาศ COP30 ที่กำลังจะมาถึง เพื่อกดดันให้ผู้นำทั่วโลกต้องมีมาตรการที่จริงจังและเร่งด่วนกว่านี้ ก่อนที่ทุกอย่างจะสายเกินไป