บันเทิง

ต้นสังกัดเก่า ‘สไปรท์’ ลดค่าเสียหายฟ้องละเมิดสัญญา 50% เหลือ 7 ล้าน หลังไกล่เกลี่ยไม่สำเร็จ

โดย nattachat_c

18 มิ.ย. 2567

19 views

วานนี้ (17 มิ.ย. 67) เวลา 12.00 น. ทนายเจมส์ นิติธร แก้วโต พา นายกาวี พวงสมบัติ อายุ 43 ปี และ นางสาวศิรินทรา สุขโชค อายุ 40 ปี พ่อและแม่ของ น้องสไปรท์ - ศุกลวัฒน์ พวงสมบัติ นักร้องยอดกตัญญู หนุ่มแร็ปเปอร์ชื่อดัง เดินทางไปที่ศาลจังหวัดฉะเชิงเทรา เพื่อนัดเจรจาไกล่เกลี่ยนัดแรก หลังจากต้นสังกัดเก่าของน้อง ฟ้องเรียกค่าเสียหายจำนวน 14 ล้านบาท จากยอดวิวกว่า 420,000,000 วิว จนติดอันดับ 89 ในชาร์ต Billboard Global ส่วนตัวน้องสไปรท์ ไม่ได้เดินทางมาด้วย เพราะไปทั่วคอนเสิรต์กับต้นสังกัดใหม่ ที่ประเทศสหรัฐอเมริกา เป็นเวลา 14 วัน


ทนายเจมส์ เปิดเผยว่า กรณีที่ตนสังกัดเก่า อ้างว่าน้องสไปรท์ทำผิดสัญญา จากกรณีไปร้องเพลงโชว์ผลงานเพลงตามสถานที่ต่าง ๆ โดยไม่ได้ขออนุญาตค่ายเก่า  


แต่จากการสืบทราบส่วนตัว ทราบว่ามีการบอกเลิกสัญญากันแล้วทางเฟซบุ๊ก ซึ่งทั้ง 2 ฝ่าย ต่างยกเลิกสัญญากันแล้ว แต่ตนเองก็ไม่แน่ใจว่า ทำไมถึงได้กลับมาฟ้องกันอีก  


โดยที่เดินทางมาศาลจังหวัดฉะเชิงเทรา มี 2 ประเด็น อย่างแรกคือการไกล่เกลี่ยกัน  อย่างที่ 2 คือการนัดชี้ 2 สถาน


โดยเรื่องการไกล่เกลี่ย หลังจากพูดคุยกัน ฝั่งต้นสังกัดเก่าเรียก 14 ล้านบาท โดยได้พยายามอธิบายเหตุผลที่เรียกเงินจำนวนนี้  ซึ่งตนเองก็เข้าใจได้  แต่เหตุผลของตนคือ เงินรายได้ทั้งหมดที่น้องได้มาผ่านช่อง ไม่ได้ผ่านตัวน้อง ถ้าอยากฟ้องร้องต้องฟ้องเจ้าของช่อง ถ้าอยากฟ้องน้องต้องฟ้องในกรณีที่น้องมีรายได้ผ่านมาจากช่อง ในกรณีที่มีสัญญาผูกมัดกันอยู่ จะกี่เปอร์เซ็นต์ก็ว่ากันไปตามสัญญา


พอคุยกันได้สักระยะ จาก 14 ล้าน ต้นสังกัดเก่ายอมลดให้ 50 เปอร์เซ็นต์ ก็คือ 7 ล้านบาท ซึ่งตนเองได้ปรึกษาพ่อและแม่ของน้องแล้ว ก็ยังรู้สึกว่าไม่เป็นธรรม เพราะในวันที่พ่อแม่ผลักดันน้องจนมีชื่อเสียงโด่งดัง ไม่เคยมีใครเข้ามาช่วยเหลือ  แต่อย่างน้อยน้องและพ่อแม่ยังสำนึกในบุญคุณที่หยิบยื่นโอกาสในครั้งแรกให้ แต่จำนวนเงินอาจจะไม่ได้เยอะขนาดนี้


ซึ่งหลังจากไกล่เกลี่ยไม่สำเร็จ จึงเป็นการชี้ 2 สถาน โดยโจทก์ฟ้องว่าอย่างไร จำเลยฟ้องว่าอย่างไร ศาลก็จะกำหนดเป็นข้อพิพาท ซึ่งเรื่องดังกล่าวมีเพียงแค่ประเด็นเดียว จึงไม่สลับซับซ้อน ศาลจึงสั่งให้สืบพยานจำนวน 2 นัด เข้าสู่ขั้นตอนกระบวนการของศาลต่อไป โดยทางโจทก์สืบ 5 ปาก ทางฝั่งตนเองสืบ 4 ปาก  


ด้านพ่อของน้องสไปรท์ เปิดเผยว่า ตนเองมองว่าไม่เป็นธรรมถึงแม้จะลดลงมาเหลือ 50 เปอร์เซ็นต์ คือ 7 ล้านบาท จริง ๆ แล้วรายได้ของน้องที่ได้มาทั้งหมด ไม่ได้เข้ากระเป๋าน้อง หรือพ่อแม่เลย  แต่เข้าที่ช่อง หรือต้นสังกัดใหม่ ที่น้องไปประกวด น้องได้แค่ค่าน้ำมันที่น้องไปเข้าประกวดแค่นั้นเอง


ที่ผ่านมาน้องผลักดันตนเองมาโดยตลอด 100% ไม่เคยมีใครมาช่วยเหลือ ซึ่งเรื่องต้นสังกัดเก่า ซึ่งเป็นนิติบุคคลที่ฟ้องร้องนั้น เกิดขึ้นตั้งแต่ปี 2561 หลังน้องได้ไปออกรายการหนึ่ง (ซูเปอร์เทน) ร้องเพลง กะเลิฟคือเก่า จนเริ่มมีชื่อเสียงมียอดคนดูเพลงนี้ประมาณ 60 ล้านวิว ต้นสังกัดเก่าของน้องที่อยู่จังหวัดนครสวรรค์ ได้ติดต่อมาทางเฟซบุ๊กของน้อง แจ้งความประสงค์อยากให้น้องไปร้องเพลงกับหลานของเขา โดยจะให้เงินจำนวน 5,000 บาท ซึ่งตนเองมองว่ามากไป จึงรับไว้แค่ 3,000 บาท ก่อนจะนัดอัดเสียงที่ห้องอัดแถวดอนเมือง กทม. และจากนั้นไม่นาน ก็มีการนัดพูดคุย และเซ็นสัญญากัน ที่จังหวัดสระแก้ว ระยะเวลา 6 ปี  


จากนั้น ตนเองก็เริ่มพาน้องออกงานตามที่ต้นสังกัดแจ้งมา โดยแต่ละงานได้เพียงแค่ค่าน้ำมันรถ 1,000 -2,000 บาท มาโดยตลอด  แม้จะเดินทางไปจังหวัดไหนก็ตาม


กระทั่งกลางปี 62 น้องสไปรท์จะเปิดภาคเรียน และต้องเรียนหนังสือ ประกอบกับปัญหาเรื่องเงินของครอบครัวที่ไม่ได้มีอะไรมากมาย คงจะผลักดันลูกต่อไปไม่ไหว เพราะครอบครัวต้องแบกรับภาระค่าเดินทาง ค่ากิน ค่าโรงแรมเองทั้งหมด มีแต่รายรับ คือ ค่าน้ำมันรถที่ต้นสังกัดเก่าให้เพียง 1,000 -2,000 บาท เท่านั้น ตนเองเหลือแหวนทองวงสุดท้าย จึงได้คุยกับลูกและครอบครัวว่าเราคงต้องหยุด จึงติดต่อไปเพื่อขอยกเลิกสัญญา แต่ทางต้นสังกัดเก่าบ่ายเบี่ยงมาโดยตลอด อ้างว่าอยู่ต่างประเทศ หรือติดงาน ยังไม่สะดวกในการมาเซ็นยกเลิกสัญญาให้น้อง ตนเองจึงพิมพ์เป็นลายลักษณ์อักษร เอาไว้ในข้อความเฟซบุ๊ก เพื่อแสดงเจตนารมณ์  


ตอนนั้น ที่บ้านยังลำบาก น้ำท่วมบ้าน สถานการณ์โควิด แต่ก็ไม่เคยได้รับการติดต่อจากต้นสังกัดเดิม ว่าจะมาให้การช่วยเหลืออย่างไร จนน้องได้มีโอกาสกลับมาทำเพลงใหม่ ด้วยผลงาน เพลงทน มียอดวิวสูงถึง 420,000,000 วิว ติดอันดับ 89 ในชาร์ต Billboard Globa ทำให้มีชื่อเสียง ตนเองก็ไม่เข้าใจว่า ต้นสังกัดเก่าต้องการฟ้องร้องน้องเพื่ออะไร และเหตุผลอะไร

-----------------------------





คุณอาจสนใจ

Related News