สังคม

อัยการสั่งฟ้อง 'ครูเทียม' ลวงเด็ก 16 ทำอนาจาร ลูกศิษย์คนสนิทเผย ยังไม่พร้อมชี้แจง

โดย nattachat_c

4 ม.ค. 2566

239 views

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ตำรวจ สภ.จักราช จ.นครราชสีมา พร้อมชุดปฏิบัติการ ไทแคค (TICAC) นำกำลังเข้าค้นบ้านของนาย ชุติเดช ทองอยู่ หรือครูเทียม อายุ 60 ปี ครูสอนเต้น และคอมเมนท์เตเตอร์ รายการทีวีชื่อดัง ที่ ตำบลยายแย้มวัฒนา อำเภอเฉลิมพระเกียรติ จังหวัดบุรีรัมย์ เมื่อวันที่ 24 กันยายน 2565 หลังเยาวชนชายวัย 16 ปี เข้าแจ้งความว่า ถูกครูเทียมหลอกมาล่วงละเมิดทางเพศที่บ้านหลังนี้


พันตำรวจเอก คเชนทร์ เสตะปุตตะ รองผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดนครราชสีมา ให้ข้อมูลกับทีมข่าวว่า ผู้เสียหายในคดีนี้เป็นเยาวชนชายอายุ 16 ปี รูปร่างหน้าตาดี และร่วมกิจกรรมวงดนตรีกับทางโรงเรียน ก่อนจะไปร่วมประกวดในรายการทีวีช่องหนึ่ง ทำให้ได้รู้จักกับครูเทียม


จากนั้นครูเทียมติดต่อพูดคุยผ่านเฟซบุ๊กมาตลอด และบางครั้งได้ชักชวนพูดคุยเกี่ยวกับเรื่องเพศ แต่ตัวเด็กยังไม่ได้เอะใจอะไรมาก เพราะครูเทียมได้พูดทำนองให้ความหวังว่า จะช่วยหางานให้ เพื่อจะได้มีเงิน


ต่อมาวันที่ 16 กันยายน ครูเทียมมารับผู้เสียหาย ที่บ้านพักที่ อ.จักราช เพื่อพาไปศึกษางานและจะหางานให้ทำ แล้วพาไปพักที่บ้านของครูเทียม ที่ตำบลยายแย้มวัฒนา อำเภอเฉลิมพระเกียรติ จังหวัดบุรีรัมย์  แต่ระหว่างทางก็ชักชวนพูดคุยเกี่ยวกับเรื่องเพศ


พอมาถึงบ้านพักครูเทียมก็ได้ล่อลวงกระทำอนาจาร โดยการกอดจูบ ใช้มือลูบจับอวัยวะเพศของผู้เสียหาย และพยายามซุกใบหน้าเข้าไปที่หว่างขา แต่ผู้เสียหายขัดขืน จึงไม่สามารถกระทำอะไรได้ และได้พาผู้เสียหายกลับมาส่งที่บ้าน


ต่อมา ผู้เสียหายได้แจ้งให้ผู้ปกครองรับทราบ และขอความช่วยเหลือจากเจ้าหน้าที่ตำรวจ โดยครอบครัวเด็กเข้ามาปรึกษาทำนองว่า เขาเป็นคนจน แต่ลูกถูกกระทำแบบนี้ จะมีช่องทางไหนที่ต่อสู้คดีกับคนมีชื่อเสียงได้บ้าง พร้อมบอกว่า สาเหตุที่ทำให้เยาวชนชายคนนี้หลงเชื่อและไว้ใจยอมไปด้วย เพราะครูเทียมยื่นขอเสนอว่า จะช่วยหางานเพื่อจะได้มีเงินมาดูแลครอบครัว คล้ายกับการขายฝันให้เด็ก


ทั้งนี้ จากการสอบปากคำครูเทียม ให้การกับพนักงานสอบสวนว่า “มีความสนิทสนมกับเด็ก และยอมรับว่ากอดเด็กจริง แต่กอดในลักษณะเอ็นดูแบบลูกหลาน ไม่ใช่การอนาจาร ตามที่ถูกกล่าวหา" หลังจากให้ปากคำแล้ว พนักงานสอบสวนก็นำตัวฝากขังที่ศาลจังหวัดบุรีรัมย์ และได้รับการปล่อยตัวชั่วคราว


ด้าน พลตำรวจเอก สุรเชษฐ์ หักพาล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ซึ่งลงมาติดตามความคืบหน้าคดีนี้ บอกว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจได้เข้าตรวจค้นบ้านพักของครูเทียม ในพื้นที่ จ.บุรีรัมย์ พร้อมตำรวจพิสูจน์หลักฐาน โดยเฉพาะที่เตียงนอน เพื่อเก็บหลักฐาน ขณะนั้นครูเทียมอยู่ที่บ้าน และยอมให้ตำรวจเข้าตรวจสอบในบ้านพัก


จากนั้นพนักงานสอบได้นำตัวครูเทียม มาสอบปากคำ และแจ้งข้อหา

  • “พรากผู้เยาว์อายุมากกว่า 15 ปี แต่ไม่เกิน 18 ปีไปเสียจากบิดา มารดา ผู้ปกครองหรือผู้ดูแล โดยปราศจากเหตุสมควรเพื่อการอนาจาร
  • พาผู้อื่นไปเพื่อการอนาจาร โดยใช้อุบายหลอกลวง ขู่เข็ญ ใช้กำลังประทุษร้าย ใช้อำนาจครอบงำผิดครองธรรม หรือใช้วิธีข่มขืนใจด้วยวิธีอื่นใด
  • กระทำอนาจารแก่บุคคลอายุกว่าสิบห้าปี โดยขู่เข็ญด้วยประการใดๆ โดยใช้กำลังประทุษร้าย โดยบุคคลนั้นอยู่ในภาวะที่ไม่สามารถขัดขืนได้ หรือทำให้บุคคลนั้นเข้าใจผิดว่าตนเป็นบุคคลอื่น”


โดย เมื่อวันที่ 23 ธันวาคม ที่ผ่านมา พนักงานสอบสวนสรุปสำนวนส่งฟ้องให้อัยการแล้ว อัยการมีความเห็นสั่งฟ้องครูเทียม โดยครูเทียมได้รับการปล่อยตัวชั่วคราว โดยศาลจังหวัดนครราชสีมา ได้ครูเทียมพร้อมคู่ความ ในวันที่ 7 กุมภาพันธ์ นี้


อย่างไรก็ตาม รอง ผบ.ตร. ยืนยันกับผู้ปกครองของผู้เสียหายว่า คดีนี้ตำรวจ พร้อมหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง จะให้การช่วยเหลืออย่างเต็มที่ ไม่มีอะไรมากดดัน แม้ฝ่ายผู้ต้องหาให้การปฏิเสธ และขอต่อสู้ในชั้นศาล แต่พนักงานสอบสวนมั่นใจว่าพยานหลักฐานครบถ้วน จะสามารถเอาผิดกับคอมเมนต์เตเตอร์ผู้มีชื่อเสียง ที่มีพฤติการณ์ล่อลวงเด็กไปกระทำอนาจารได้อย่างแน่นอน


ทั้งนี้ คดีดังกล่าวเป็นคดีที่ประชาชนและสื่อมวลชนให้ความสนใจ เนื่องจากมีความเกี่ยวข้องกับบุคคลมีชื่อเสียง จึงได้กำชับให้พนักงานสอบสวน ทำสำนวนให้ละเอียดรอบคอบครบถ้วน เพื่อให้สามารถดำเนินคดีกับผู้กระทำผิด ให้ได้รับการลงโทษ และฝากเตือนผู้ปกครองให้ระมัดระวัง ไม่ว่าทั้งเด็กชายหรือเด็กหญิง อาจตกเป็นเหยื่อถูกล่วงละเมิดจากบุคคลผู้มีชื่อเสียง หรือผู้น่าเชื่อถือได้ทุกเมื่อ


ขณะที่ ทีมข่าวพยายามติดต่อครูเทียม เพื่อสอบถามกรณีที่เกิดขึ้น แต่ไม่สามารถติดต่อได้ มีเพียงลูกศิษย์คนสนิท ให้ข้อมูลว่า ตอนนี้ครูเทียมยังไม่สะดวกชี้แจงกรณีข่าวดังกล่าว ซึ่งลูกศิษย์คนสนิทบางคนก็ยังไม่ทราบข่าว


แต่ที่ผ่านมา ครูเทียมก็ไม่ได้เครียด หรือหยุดรับงาน ยังรับงานในวงการบันเทิงตามปกติ โดยลูกศิษย์คนสนิทครูเทียมรายนี้บอกว่า ทางคดีครูเทียมก็จะต่อสู้ในชั้นศาลตามกฎหมาย และหากครูเทียมพร้อม ก็จะออกมาแถลงข่าวชี้แจงต่อสื่อมวลชน


ทั้งนี้ นายชุติเดช หรือครูเทียม อายุ 60 ปี ปัจจุบันประกอบอาชีพ คอมเมนท์เตเตอร์ 3 รายการ คือรายการชิงช้าสวรรค์, ไมค์ทองคำ, สงครามไมค์ และออกแบบท่าเต้นให้กับนักร้องและแดนซ์เซอร์ จากรายการทีวีชื่อดัง

-------------
วานนี้ (3 ม.ค. 65) ผู้สื่อข่าวได้เดินทางไปยังบ้านสวนของครูเทียม ตั้งอยู่ที่บ้านเขาดิน ต.ยายแย้มวัฒนา อ.เฉลิมพระเกียรติ จ.บุรีรัมย์ ที่ผู้เสียหายระบุว่า เป็นสถานที่ที่ถูกกระทำอนาจาร ซึ่งครูเทียมได้เช่าต่อจากชาวบ้าน เนื้อที่ประมาณ 3 ไร่ ภายในบริเวณมีบ้านพัก 1 หลัง ศาลาริมสระน้ำ 1 หลัง และศาลานั่งเล่นอีก 1 หลัง พบว่าประตูรั้วถูกล็อกกุญแจเอาไว้ ไม่มีใครอยู่


ผู้สื่อข่าวจึงได้ไปสอบถามชาวบ้านที่อาศัยอยู่ละแวกใกล้เคียง ให้ข้อมูลว่า ครูเทียมได้มาเช่าพื้นที่ดังกล่าวได้ประมาณ 1 ปีเศษแล้ว ก็เห็นมีการเลี้ยงวัว สุนัข ปลูกต้นไม้ และได้ยินว่าจะทำเป็นสถานที่สอนเต้น    


ที่ผ่านมา ก็จะเห็นครูเทียมเดินทางมาที่บ้านสวน เฉลี่ยเดือนละ 1 ครั้ง และตอนที่ครูเทียมมาอยู่ที่นี่ บางครั้งก็จะมีเด็กผู้ชายอายุประมาณ 18 – 19 ปี ซึ่งก็น่าจะเป็นลูกศิษย์ที่เรียนเต้นกับครูเทียม แวะเวียนมาอยู่เรื่อยๆ แต่ชาวบ้านก็ไม่ได้ไปยุ่งวุ่นวาย ต่างคนก็ต่างอยู่


โดย นายชาย และนางหนู สองสามีภรรยา ที่อาศัยอยู่ใกล้บ้านสวนครูเทียม บอกว่า ตอนที่ครูเทียมมาเช่าที่อยู่ที่นี่ ก็เป็นคนอัธยาศัยดี พูดคุยเป็นกันเอง ไม่ได้ถือตัวอะไร บางครั้งมีอะไรก็จะแบ่งปันชาวบ้านด้วย


ส่วนเรื่องที่มีผู้ปกครองเด็กชายไปแจ้งความเอาผิดว่า ลูกถูกกระทำอนาจารนั้น ส่วนตัวก็ไม่อยากเชื่อว่าจะทำจริง หากดูจากภาพลักษณ์ของครูเทียมเพราะเป็นคนที่น่าเชื่อถือ


แต่เมื่อประมาณ 3-4 เดือนก่อน ก็เคยเห็นเจ้าหน้าที่ตำรวจมาที่บ้านหลังดังกล่าว แต่ไม่รู้ว่ามาจากที่ไหนบ้าง รถประมาณ 30 คัน มาจอดปิดล้อมบ้านสวน และเข้าตรวจค้นที่บ้านสวนของครูเทียม แต่ตอนนั้นครูเทียมไม่ได้อยู่ ซึ่งชาวบ้านก็ตกใจว่าเกิดอะไรขึ้นแต่ก็ไม่มีใครกล้าถาม แต่พอมารู้ก็ตกใจ และไม่อยากเชื่อว่าจะเป็นเรื่องจริง แต่หากเป็นเรื่องจริงก็ ไม่ขอออกความเห็นอะไร เพราะเป็นเรื่องส่วนตัว


จากนั้นผู้สื่อข่าวได้เดินทางไปยัง สภ.ถาวร ซึ่งเป็นตำรวจในพื้นที่ ให้ข้อมูลว่า ในพื้นที่รับผิดชอบ ไม่ได้มีผู้เสียหายมาแจ้งความร้องทุกข์เกี่ยวกับกรณีดังกล่าวแต่อย่างใด


แต่เมื่อเดือน ก.ย. มีเจ้าหน้าที่ตำรวจจากส่วนกลางประสานมา เพื่อนำหมายศาลเข้าตรวจค้นบ้านสวนครูเทียมจริง เพื่อหาหลักฐานเกี่ยวกับการกระทำผิด เช่น สื่อลากมกอนาจารต่างๆ กรณีที่มีผู้ปกครองแจ้งความร้องทุกข์กระทำอนาจารที่ สภ.จักราช ซึ่งการดำเนินคดีต่างๆ ก็อยู่ที่ สภ.จักราช

-------------

ประวัติ ครูเทียม แห่งรายการชิงช้าสวรรค์ มีชื่อจริงว่า ชุติเดช ทองอยู่ ปัจจุบันอายุ 60 ปี เป็นคนจังหวัดบุรีรัมย์ มีอาชีพเป็นครูสอนเต้นแถวหน้าของเมืองไทย เป็นนักปั้นมือทองแห่งวงการแดนเซอร์ หรือวงการหางเครื่องไทย ที่ทำให้ศิลปินหลายท่านโด่งดังมาแล้วมากมาย ไม่ว่าจะเป็น บานเย็น รากแก่น, เอกชัย ศรีวิชัย, นกน้อย อุไรพร และ ต่าย อรทัย เป็นต้น


ซึ่งกว่าจะมาเป็นครูเทียมที่โด่งดังในวันนี้ ชีวิตผ่านความลำบากมามาก ครูเทียมเคยเปิดเผยออกสื่อว่าเป็นลูกเมียน้อย คุณพ่อเป็นคหบดี มีรถขับ แต่หลังจากคุณพ่อเสีย แม่เลยต้องหอบลูก 6 คน มาอยู่บ้านนอก มาขี่หลังควาย มีชีวิตลำบาก จากที่คุณพ่อเคยพาไปแจกของเด็กยากไร้ ครูเทียมต้องกลายเป็นคนไปนั่งรับแจกซะเอง


อายุ 14 ปี ช่วงปิดเทอม ครูเทียมนั่งรถเข้ากรุงเทพฯ เพื่อมาทำงานก่อสร้าง หาเงิน จนวันหนึ่งได้ไปสมัครงานในวงดนตรีลูกทุ่งของ ศรเพชร ศรสุพรรณ ตอนแรกเขาให้เป็นคนแบกหามของทุกอย่าง แต่ด้วยความจนก็ไม่ถอยหลัง ยอมทำทุกอย่าง จนเห็นหางเครื่องเต้น เราก็ว่าเราทำได้ เต้นตาม พี่ที่สอนเต้นเขาก็เห็น จนมีโอกาสทอง คนขาด เขาก็ถามว่าไหวไหม จนได้เต้นคู่กับ เมียศรเพชร ศรสุพรรณ จนกลายเป็นข่าวลือว่าครูเทียมแอบตีท้ายครัวศรเพชร แต่หลังจากนั้นไม่นาน เมื่อครูเทียมเดินทางไปเป็นครูสอนเต้นที่เชียงใหม่ ครูเทียมก็ได้ปลดล็อกตัวเองว่าเป็น LGBTQ+ อย่างเต็มตัว


ด้วยความสามารถในการจัดโชว์เต้นของครูเทียม ทำให้ได้ร่วมงานกับ แม่ผึ้ง พุ่มพวง ดวงจันทร์ เป็นเวลา 1 ปีเต็มๆ โดยครูเทียมนั้นเป็นคนจัดโชว์ให้กับแม่ผึ้งเป็นคนสุดท้าย


หลังจากที่แม่ผึ้งเสียชีวิตครูเทียมก็ไม่ร่วมงานกับใครอีกเลยเป็นระยะเวลานาน กระทั่งได้มาทำบริษัทเพลง และต้องดูแลนักร้อง ซึ่งก็มีลูกศิษย์หลายคนที่เดินหันหลังให้ครูเทียมเมื่อมีชื่อเสียง


ตลอดในช่วงชีวิตการทำงานในวงการลูกทุ่ง ชื่อของ ครูเทียม เคยตกเป็นข่าวหลายครั้ง ถึงความฝีปากกล้า วิจารณ์อย่างร้อนแรง อาทิ


ปี พ.ศ. 2560 มีการเผยคลิป “ครูเทียม” ออกมาวิจารณ์เหล่าผู้บริหารของโรงเรียนปักธงชัยประชานิรมิต กลางเวทีท่ามกลางคนดูมากมาย หลังไม่พอใจที่นักเรียนไม่ได้รับการสนับสนุนไปทำการแข่งขันดนตรี จนต้องนั่งรถกระบะไปกัน ทั้งที่ โรงเรียนมีฝีมือเป็นอันดับต้น ๆ ของประเทศ และยังพาดพิงถึงวงอื่นที่เล่นงานในตัวเมือง สงสัยว่าทำไมเจ้าของงานไม่จ้างโรงเรียนปักธงชัยประชานิรมิต แต่กลับไปจ้างวงดนตรีกระจอกงอกง่อยแทน


เดือนธันวาคม ปี 2564 ครูเทียมถูกวิจารณ์ขึ้นอีกครั้ง หลังคอมเมนต์การแสดงของวงตักสิลานคร จาก จ.มหาสารคาม ว่าการแสดง การคัดเลือกตัวแสดงไม่เข้ากัน โดยเฉพาะนางไหและตัวกั๊บแก๊บคู่กันว่า นางไหหรือนางโอ่ง จนถูกผู้คนวิพากษ์วิจารณ์ว่า เป็นครูบาอาจารย์แต่ทำไมแสดงความคิดเห็นที่ส่อไปในแนวการเหยียดหยามรูปร่างของผู้อื่น จนมีการติด แฮชแท็ก #เซฟนางไหตักสิลานคร โดยภายหลังครูเทียม ได้ออกมาตอบดรามาที่เกิดขึ้นว่า ได้ขอโทษนางไหแล้ว ไม่ได้เจตนาจะว่าอะไรน้องเลย แค่หยอกเท่านั้น


ซึ่งดรามานี้ ทำให้มีคนขุดคลิปในอดีตเมื่อ 10 ปีที่แล้ว มาลงในแอปพลิเคชั่นดัง TikTok ซึ่งเป็นคลิปที่ครูเทียมก็เคยวิจารณ์ นักร้องสาว จ๊ะ นงผณี มหาดไทย ซึ่งตอนนั้นเป็นสมัยที่เพลงคันหู กำลังโด่งดัง ด้วยถ้อยคำที่รุนแรงเช่นเดียวกัน จนจ๊ะถึงกับหน้าเสีย


ซึ่งเรื่องดังกล่าวนั้น ทางด้านสาวจ๊ะ ได้บอกว่า “อะไรผ่านมาแล้วก็ผ่านไป เรื่องนี้ผ่านมา 10 กว่าปีแล้ว มันนานมาก และที่สำคัญ ณ ตอนนั้น จ๊ะก็ควรโดนด่าจริงๆ จ๊ะเต้นแรง จ๊ะก็โดนด่าแรง ครูวิจารณ์แรง ครูก็โดนวิจารณ์แรงกลับ มันคือกรรมใครกรรมมัน เราทำอะไรไว้ ก็ต้องยอมรับในสิ่งที่จะตามมาให้ได้”


และข่าวฉาวที่เกิดขึ้นล่าสุด เมื่อวันที่ 3 ม.ค. 2566 ชื่อของ ครูเทียม ได้กลับมาเป็นที่สนใจอีกครั้ง หลังเมื่อวันที่ 20 ก.ย. 2565 ผู้ปกครองพาบุตรชาย อายุ 16 ปี เข้าแจ้งความต่อพนักงานสอบสวน สภ.จักราช ว่าถูก นายชุติเดช ทองอยู่ หรือครูเทียม พาไปกระทำอนาจารในห้องพักพื้นที่ ต.ยายแย้มวัฒนา อ.เฉลิมพระเกียรติ จ.บุรีรัมย์ จนถูกดำเนินคดีถึง 3 ข้อหาด้วยกัน


นอกจากนี้ ยังพบข้อมูลว่า เมื่อปี พ.ศ. 2557 ครูเทียม เคยออกมาชี้แจงถึงเรื่องการเปิดค่ายเพลงเพื่อหวังกินเด็ก ผ่านรายการ คนดังนั่งเคลียร์ ดำเนินรายการโดย อ.ยิ่งศักดิ์ จงเลิศเจษฎาวงศ์ เอาไว้ว่า ได้เข้าบริหารเพียง 1 ปี เป็นช่วงสุดท้ายของบริษัททำเพลงลูกทุ่ง เปิดตัวศิลปินในค่ายอย่างฮือฮามาก


ซึ่งหลายๆ คนจะบอกว่า เรากินเด็กหล่อๆ แต่เราต้องเอาน้องๆ ที่หน้าตาดีมาเพื่อเปิดตัวให้มีเสน่ห์จากหน้าก่อน ก็อยากจะปั้นนักร้องผู้หญิง แต่มันยุ่งยากกว่าการปั้นผู้ชายมาก และอันที่จริงเราอยู่ใกล้เด็กๆ ในบริษัทแต่ละคนมากๆ เราจะเหม็นหน้ากันเองแล้ว กินไม่ลงหรอก

-------------



รับชมผ่านยูทูบได้ที่ : https://youtu.be/Dfoz042OosM

คุณอาจสนใจ

Related News