บันเทิง

สรุปดรามา ‘แน็ก-กามิน’ สาดน้ำลายผ่านไลฟ์ งาน เงิน ผิดใจ จากรักรสหวาน กลายเป็นรสขม

โดย JitrarutP

9 ก.ย. 2567

3.8K views

สรุปดรามาอดีตคู่รัก “แน็ก ชาลี - กามิน” สาดน้ำลายกันผ่านไลฟ์ ทั้งเรื่องงาน เงิน สาเหตุที่ผิดใจไม่ลงตัว ต่างฝ่ายต่างชี้แจงในมุมตัวเอง จากรักรสหวาน กลายเป็นรสขม

จากซีรีส์รักหวานพลอตโรแมนติกคอมมาดี้ พลิกผันกลายเป็นมหากาพย์สาดโคลนใส่กัน เมื่อจู่ ๆ ก็มีข่าวเศร้าหักอกเหล่าแฟนคลับด้อม #แน็กกามิน ดังเป๊าะ เพราะคู่หวานที่ก่อนหน้านี้จับมือกันออกงานอีเวนต์ฉ่ำ รับทรัพย์หลักล้าน ต้องเดินมาถึงทางตัน ประกาศแยกย้ายกัน พร้อมกับที่ฝ่ายหญิง ‘จี กามิน’ หรือ ‘น้องขมิ้น’ Tiktoker สาวสวยชาวเกาหลีใต้ จะเก็บกระเป๋าบินกลับแผ่นดินเกิด ทำเอาเหล่า fc ฉุนจัดไล่ตะเพิดไม่ให้มาเมืองไทยอีก ซ้ำยังเกิดข่าวลือสารพัดว่าฝ่ายหญิงเป็นคนเรื่องเยอะ ต้องการล่าม คนดูแลถือกระเป๋าให้ รักสบายใช้เงินมากทั้งค่าโรงแรม ค่าตั๋วเครื่องบินเฟิร์สคลาส มาไทยเพื่อกอบโกยเงินแล้วชิ่งกลับประเทศ แอบซุกแฟนหนุ่ม ตั้งท้อง ไปถึงขั้นเป็นสาเหตุที่ทำให้บ้านแน็กไฟไหม้เพื่อขโมย กลายเป็นเรื่องใหญ่ไฟลามทุ่งเม้าท์กันให้แซดในโลกออนไลน์



ซึ่ง แน็ก ชาลี ก็ได้ออกมาไลฟ์ TikTok พูดถึงประเด็นรักร้าวว่า "สองอาทิตย์กับกี่วันไม่รู้ที่ตัวผมยังไม่ได้คุยอะไรกันเลย ก็นั่นแหละตามที่มันเป็นก็คือแยกย้ายจริงๆ ก็ให้เขาได้ตามหลายๆ สิ่งที่เขาต้องการกันไป" เป็นการคอนเฟิร์มว่าคู่รักสายฮาขวัญใจชาวเน็ตได้แยกทางกันแล้วจริง ๆ เพื่อให้ต่างคนต่างได้เดินทางที่ตัวเองต้องการ



และก็ไม่ต้องรอนาน ขบวนรถทัวร์ที่สตาร์ทเครื่องฮึ่ม ๆ รออยู่ตั้งแต่ตอนดรามาครั้งก่อนนู้น เรื่องกามินบินกลับเกาหลี แล้วไม่ตอบแชท ปล่อยให้แน็กรอข้ามวันข้ามคืน ก็เคลื่อนตัวมาจอดที่หน้าไอจีของกามินอีกครั้ง แฟนคลับของแน็กเข้ามาถล่มในช่องคอมเมนต์ของกามินด้วยถ้อยคำที่รุนแรงทันที บางคนก็กล่าวหาว่า เธอเป็นคนหลอกลวง แกล้งแสดงว่ารักแน็ก บอกว่าเธอมีชื่อเสียงอย่างทุกวันนี้ได้เพราะแน็ก ไปจนถึงขั้นไล่ให้อย่ามาเหยียบประเทศไทยอีก เช่น ถ้าไม่มีชาลี ใครจะรู้จักคุณคะ, มีวันนี้ด้วยตนเอง100% ???? จากคนดู10คนเนี่ยนะ ถ้าชาลีไม่support ก็ยังเป็น nobodyอยู่นะ, หลอกไปได้กี่ล้านครับ, ยิ่งกว่าคอลเซ็นเตอร์ หลอกกันทั้งบริษัท, อย่าหน้าด้านขนทีมงานตัวเอง เข้ามาทำโปรเจ็กต์ที่ประเทศไทยอีก, คนตอแหละ อย่ามาเหยียบประเทศไทยอีก เป็นต้น 




ต่อมา กามิน ก็ได้ออกมาชี้แจงประเด็นดรามาและข้อกล่าวหาต่าง ๆ โดยมีล่ามแปลให้ ซึ่งเธอปฏิเสธข่าวลือทั้งหมด ที่กล่าวหาว่า เธอมีแฟนคนอื่นนอกจากแน็ก เธอไม่ได้ตั้งครรภ์ การที่เธอเดินทางมาทำงานที่ประเทศไทยไม่ใช่เพราะเรื่องเงิน แต่เป็นเพราะความรักที่มีต่อแน็กเท่านั้น เธอไม่ได้เป็นคนทำไฟไหม้บ้านแน็ก ไม่เคยคิดหอบเงินหนี ข้อกล่าวหาดังกล่าว ทำให้เธอเจ็บปวดและถูกมองว่าเป็นอาชญากร ถ้าเธอทำอย่างนั้นจริง เธอจะยอมมอบตัวและติดคุกเอง

ทั้งนี้ เพจเฟซบุ๊ก อรรถรสได้สรุปใจความสำคัญไว้ว่า "กามินออกมาชี้แจงแล้วจ้า "ที่กลับเกาหลีกะทันหันเพราะเป็นการตัดสินใจของ แน็ก ชาลี และที่มาทำงานที่ไทย เพราะความรักล้วนๆ" โดยสรุปได้ประมาณนี้"

- สาเหตุที่กลับเกาหลี กะทันหันเพราะเป็นการตัดสินใจของ แน็ก ชาลี และ กามิน ก็เคารพและทำการตัดสินใจของเขา

- รู้สึกเสียใจและอยากขอโทษ กับคนที่รู้สึกผิดหวังกับกามินนะคะ เรื่องทุกอย่างมันจบตั้งแต่วันที่ 18 สิงหาคมแล้ว

- ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา กามินก็อยู่คนเดียวมาตลอด และกามินก็เพิ่งจะมาอยู่กับครอบครัว พอใช้เวลากับครอบครัวก็ถึงกล้ากลับมาหาทุกคนในวันนี้

- อย่างเดือนเมษายนที่มีประเด็นดราม่าเกิดขึ้น ก็ไม่ได้ออกมาพูดหรือโต้แย้งอะไร

- หลังจากที่เกิดดราม่ามันก็เป็นบาดแผลในใจ แล้วพอได้ยินว่าให้กลับเกาหลีอย่างนี้ก็ยิ่งเจ็บปวด

- กามินยืนยันว่าตนไม่เคยมีผู้ชายที่ไหนเลย และก็ไม่เคยไปเจอใครที่ไหน ตอนที่อยู่ไทยก็อยู่แต่คู้บอนกับแน็ค ชาลีนั่นแหละ

- เรื่องตั้งครรภ์ก็ไม่จริงเลย

- ที่มีข่าวว่ากามิน เป็นคนทำไฟไหม้ แต่จริงๆแล้ว คือกามินเป็นคนไปเจอสถานที่เกิดเหตุ ซึ่งถ้าทำจริง ป่านนี้ก็คงโดนจับไปแล้ว

- และที่มาไทยไม่ได้มาทำงานอย่างเดียว เพราะก่อนมาไทย เราก็ทำงานที่เกาหลีอยู่แล้ว และหาเงินที่เกาหลีได้ แต่มาด้วยความรักล้วนๆ เรื่องความรักชาลีล้วนๆ เลยมาที่ไทย ก็เลยอยากให้ทุกคนให้เกียรติกันหน่อย อย่าทำให้รู้สึกแย่ไปมากกว่านี้เลย

- เรื่องที่บอกว่าไม่มีการติดต่อตลอด 2 อาทิตย์ แล้วทำเหมือนว่ากามิน หอบเงินหนีไปอะไรอย่างนี้ ถ้ากามินทำแบบนั้นจริง มันทำให้เขาเหมือนเป็นอาชญากร ซึ่งถ้าเกิดเขาทำแบบนั้นเขาก็จะต้องติดคุก หรือไม่ ก็ถ้าเกิดเขาทำอย่างนั้นจริงเขายอมที่จะมอบตัว

- เรื่องที่มีข่าวว่าผิดสัญญาแล้วต้องมีการจ่ายค่าปรับแต่ว่ากามิน ไม่ได้จ่ายแล้วให้ทางชาลีเป็นคนจ่าย เรื่องนี้ถือว่าไม่จริง เพราะว่าสัญญาทุกตัวมีการสิ้นสุดตามระยะสั้นและยาวไปแล้ว และจบด้วยดี ไม่มีฝ่ายไหนต้องออกมารับผิดชอบ



ล่าสุด กลางดึกของวันที่ 8 ก.ย. 67 แน็ก ชาลี ก็ได้ไลฟ์ผ่าน TikTok เคลียร์ประเด็นต่าง ๆ ตั้งแต่เที่ยงคืนยันเช้า ปฏิเสธเรื่องที่ดูแลกามินไม่ดี พาเธอมาลำบาก เพราะเขาเองเป็นคนพาเธอมาทำงานที่ไทย ทำให้ชีวิตเธอดีขึ้น จากที่เคยต้องกินแต่ซีเรียล ก็ได้ทำงานที่ได้เงินชม.ละหลักแสนหลักล้าน มีบ้าน มีโรงแรมให้อยู่ มีรถคอยรับส่งตลอดเวลา ไม่เคยกักขัง หรือห้ามกามินออกไปเที่ยว เคยจองเรือยอร์ชหรูไว้ให้ แต่ก็ต้องยกเลิก เพราะกามินบอกว่าเมาเรือ เรื่องขโมยของ กามินไม่เคยทำ และตนก็ไม่เคยพูด

กามินบอกรักแน็กทุกครั้งที่ไลฟ์ บอกรักทุกวัน แต่พอสื่อถามเรื่องสถานะ ก็บอกว่ายังไม่เป็นอะไรกัน เรื่องที่ตนไม่ยอมตามไปง้อที่เกาหลี ก็เพราะกามินเป็นคนห้ามไม่ให้ไป แล้วตนจะไปได้อย่างไร เรื่องเงินที่บริษัทหักไปจากค่าจ้าง 25% ก็ถือว่าเป็นค่าอาหาร ค่าล่าม ค่าแต่งหน้า ที่เป็นเรื่องปกติที่บริษัทจะหักจากนักแสดงทุกคน ซึ่งตนพักในจำนวนที่น้อยมาก ๆ แล้ว คือ 25 % และอยากให้ทุกอย่างจบหลังจากจบไลฟ์นี้ ให้ไปใช้ชีวิตอย่างมีความสุข เพราะเดี๋ยวเรื่องเหล่านี้มันก็จะผ่านไป



ทั้งนี้ เพจเฟซบุ๊ก อรรถรส ได้สรุปใจความสำคัญไว้ว่า

“บทสรุปคร่าวๆ หลังจากที่แน็ก ชาลีออกมาไลฟ์แบบยันหว่างงงง

-    เขาไปพิมพ์บอกว่า ฉันอยู่อย่างลำบาก เหมือนถูกกักขังไว้ ผมไม่ได้ผูกเชือกขังเขาไว้ ผมมีบ้านให้เขาที่นี่ มีห้องส่วนตัวด้วย ในไลฟ์คุณบอกเองว่าไม่ชอบเที่ยว

-    เขาบอกว่า เขากินซีเรียลกับนม ต้องกินมาม่า เขาต้องหาเงินเพื่อเรียนต่อ ชีวิตคุณลำบากมาก จนทำให้ผมอยากช่วยเหลือ ตอนนั้นเขายังไม่ได้มีกระแสอะไรมากที่จะเรียกเงินได้มากมาย ผมแค่รู้สึกว่าผมคุยกับคนคนหนึ่ง แล้วอาเขามาทำงานทำให้ชีวิตเขาดีขึ้นดี

-    ผมอยากบอกว่า คนที่กำลังดูเขาอยู่เนี่ยถ้าคุณเผลอไปดูช่องอื่น หรือไม่ใช่ช่องเพื่อนเขาที่เขาสนับสนุนอยู่ รู้เปล่าว่าคุณโดนด่ายันพ่อแม่ได้เลยนะ

-    ผมยอมรับผิดที่ผมไปปรับเปลี่ยนให้เขาดูเป็นคนดีในสายตาพวกคุณ เนื่องจากผมคิดว่า ผู้หญิงคนนี้ต้องมาอยู่ในชีวิตผม

-    ผมทำให้คุณได้มาทำงานที่ประเทศไทย ได้เงินชั่วโมงตั้งแต่สี่แสน-ล้าน ไม่พอใจเหรอ อันนี้คือความลำบากเหรอ มีบ้าน มีรร.ให้อยู่ (พอดีมีคนมาว่าชาลีว่าพาเขามาลำบาก)

-    ผมรักมากนะครับ และเป็นความรักที่ดีมากๆ และตัวเขาเองก็รักผม น่าจะนะครับ เพราะแค่เขาบอกรักผม ผมก็คิดว่าเขารัก

-    แต่ว่าตอนที่เขามาไลฟ์กับผม บอกรักทุกครั้ง บอกรักทุกวัน แต่พอไปสัมภาษณ์กับสื่อถามสถานะ แต่บอกว่ายังไม่เป็นไรกัน

-    ในส่วนเรื่องขโมยของ แน็กชาลียืนยันว่าไม่มี และตนก็ไม่เคยพูด

-    เรื่องที่ไม่ได้ไปเกาหลี เพราะทางเขาไม่อนุญาตให้ผมไป แล้วคุณจะไปอยู่ไหม ถ้าเขาไม่ให้เราไป ไม่พอไม่บอกด้วยว่าไปทำอะไร

-    ที่มาอยู่ไทยแล้วมาบอกว่า ผมห้ามไม่ให้คุณไปเที่ยวไหนก็ไม่จริง เบสชวนคุณไปเที่ยวกลางคืน คุณก็ไม่เป็นเอง

-    มีทริปเที่ยวหนึ่งที่แน็กจองเรือยอร์ชไปเที่ยวกันทั้งครอบครัว แต่ก็ต้องยกเลิก เพราะเขาบอกว่า เมาเรือ แต่ทั้งคุณมีเคยมีรูปเที่ยวทะเล นั่งเรือ

-    มีประเด็นเรื่องค่าคอมมิชชั่น ที่กามินบอกว่า ก.ค ฉันได้รับโบนัสจากค่าคอม 5 แสน แต่ฉันเป็นคนที่เลือกจะไม่รับ แน็กเลยบอกว่าจริงๆค่าคอมมิชชั่นจะไม่ได้ และไม่พอก่อนที่จะไลฟ์ มีการมาถามว่า "ค่าสติ๊กเกอร์" (ในช่องแน็ก เขาจะได้ด้วยไหม) ซึ่งแน็กยินดีให้ ให้ค่า Afillate ด้วย เพราะเห็นว่าเป็นคนรักกัน

-    ตอนที่คุณมาทำงานกับผม สิ่งที่คุณขอคือ ขอคนที่ดูแลคุณได้ พูดภาษาเกาหลีได้ และสามารถอยู่กับคุณได้ตลอด คอยมาถือของให้คุณ เหมือนนักแสดงเกาหลี

-    ส่วนเรื่องแบกกระเป๋า 10 ใบขึ้นรถแท็กซี่เอง ซึ่งจริงๆมันไม่ใช่ เพราะว่าอาเธอร์และรวมถึงแม่ ก็ยังไปช่วยกันแบกกระเป๋าและร่ำลา แต่ผมขอโทษที่ไม่ได้ออกไป

-    จริงๆเลิกกันสักพักแล้ว และจะกลับเกาหลีหลายรอบแล้ว แต่ผมบอกว่าค่าปรับต้องหารครึ่ง เลยพยายามยื้อให้รับงานให้หมดสัญญาก่อน เพราะไม่อยากเสียค่าปรับ แต่แน็กไม่อยากโกหก เลยจบความสัมพันธ์

-    ตอนแรกเข้าใจว่ากามินเขาหึงหวงไม่ให้ พีเค กับคนอื่น เพื่อนมาบ้านก็มีปัญหา แต่มันไม่ใช่ มันเป็นเรื่องผลประโยชน์

-    ผมดูแลไม่ดีเอง ไม่เทคแคร์ เลยอาจทำให้เขามีความรู้สึกเบื่อ รู้สึกไม่ดีที่ต้องมาอยู่ตรงนี้ ผมขอโทษจริงๆครับกามิน ขอโทษที่ทำให้อึดอัด

-    สำหรับผมผมอยากให้จบเถอะ ไปใช้ชีวิตให้มีความสุข เดี๋ยวแป๊บเดียวมันก็ผ่านไป ผมขอร้องจบที่ไลฟนี้นะครับเลิกพิมพ์ เลิกสงสัยเรื่องต่างๆ


เรียกได้ว่าไม่มีใครยอมใคร ทั้งแน็ก และ กามิน ต่างคนก็ต่างออกมาเผยความในใจผ่านมุมมองของตัวเอง ก็ต้องรอดูกันต่อไปว่าในอนาคต อดีตคู่จิ้นสู่คู่จริงสู่สงครามน้ำลายแฉกันไปมาครั้งนี้จะจบลงอย่างไร




- นอกจากนี้ยังมีประเด็นเสริมเรื่องภาษี  โดยแน็กได้บอกว่าจุดนึงที่ทำให้ขัดแย้งกันคือ กามิน ไม่เข้าใจระบบภาษีของไทย แน็กบอกว่า กามินสงสัยว่าทำไมมาทำงานที่ไทยแล้วต้องเสียภาษีเยอะมากเกือบสองเท่าของเกาหลี

- แน็กก็อธิบายเรื่องระบบภาษีของไทยให้เขาฟัง แต่แน็กบอกว่ากามินไม่เข้าใจเรื่องอัตราภาษีก้าวหน้าของไทย แม้จะอธิบายให้ฟัง แต่กามินก็ไม่เข้าใจ

- ก่อนอื่นเรามาทำความเข้าใจเรื่องอัตราภาษีก้าวหน้า ยิ่งรายได้สูง ก็จะมีฐานภาษีสูง ปรกติของคนทั่วไปถ้ารายได้ไม่ถึงแสนห้า ก็ไม่ต้องเสียภาษี ถ้าเกินแสนห้า ก็ 5% แล้วก็เพิ่มขึ้นไปเรื่อยๆ แล้วพอรายได้สูงมากเกิน 5 ล้าน ก็จะเจออัตราภาษี 35%

-  ซึ่งในส่วนรายได้ของ แน็กชาลีกับกามิน จากการออกอีเว้นท์ร่วมกันว่ากันว่าเกินกว่าห้าล้านแน่ๆ ดังนั้นกรณีนี้จึงต้องเสียภาษีสูง

- คำถามคือ เกาหลีเสียภาษีแบบไหน ต้องบอกว่าเกาหลีก็ใช้อัตราภาษีแบบก้าวหน้าเช่นเดียวกับของไทย และสูงกว่าไทยด้วยซ้ำไป คือของเราสูงสุดที่ 35% แต่เกาหลีอยู่ที่  45%

- ยกตัวอย่าง ของบ้านเรา  รายได้เกิน 122 ล้านวอน(ราวๆ 3.2ล้านบาท) แต่ไม่เกิน 150 ล้านวอน เจออัตราภาษี 35%

- แต่ถ้าตามข้อมูลในสื่อไทย ถ้ากามิน มีรายได้ส่วนบุคคลเกิน 1,000 ล้านวอน (26 ล้านบาท) ถ้าอยู่เกาหลีสูงสุดต้องจ่ายเรทภาษีส่วนบุคคลที่ 45%

- แต่ถ้ารับเงินในนามบริษัท อัตราภาษีก็จะอีกเรท ขั้นภาษีจะสูงกว่า หักลดหย่อนได้มากกว่า

- คำถามต่อมาคือ ถ้าคนเกาหลีไปหากินที่ต่างประเทศ และเสียภาษีที่ต่างประเทศแล้ว จะต้องกลับไปเสียภาษีที่ประเทศตัวเองหรือไม่

- ต้องดูว่า ไปทำมาหากินที่ประเทศไหน ซึ่งหากมีข้อตกลงระหว่างประเทศเรื่องการเก็บภาษีซ้อนหรือไม่   ซึ่งจากการตรวจสอบพบว่ามี  

- สรุปภาษาภาษี และกฎหมายง่ายๆคือ  กามินเขาต้องเอารายได้ส่วนที่ได้จากไทยทั้งหมด ไปรวมเป็นเงินได้ตอนยื่นภาษีที่เกาหลี แต่สามารถเอาส่วนที่ชำระในไทยไปหักยอดเงินได้ตอนยื่นภาษีที่เกาหลีได้

- ซึ่งมีการคาดการณ์ว่า เพราะตอนที่กามินอยู่เกาหลีใต้ เวลาไลฟ์ คนดูไม่เยอะ ภาษีจึงไม่เยอะ แต่เมื่อมาเจอรายได้หลักสิบล้านที่ไทย จึงทะลุเพดานสูงสุด และได้เจออัตราภาษีก้าวหน้า

ภาพ IG : แน็ก ชาลี, กามิน

ข้อมูล Facebook : อรรถรส

คุณอาจสนใจ

Related News