เศรษฐกิจ
‘ทักษิณ’ ขึ้นเวทีโชว์วิสัยทัศน์ ปั้นดิจิทัลวอลเล็ตเต็มระบบ ลั่นได้เห็นแน่ปีนี้ หวังทุบค่าไฟเหลือ 2.50 บาท
โดย petchpawee_k
15 มี.ค. 2568
643 views
“ทักษิณ” ขึ้นเวที The World’s Next โชว์วิสัยทัศน์ ปั้นดิจิทัลวอลเล็ตเต็มระบบได้เห็นแน่ในปีนี้ ฟุ้ง “สเตเบิลคอยน์” เสร็จภายใน 3 เดือน หวังทุบค่าไฟ เหลือ 2.50 บาท ผุดไอเดีย AI แทนหมอ
เมื่อวานนี้ (14 มี.ค.68) เวลา 17.30 น. ที่โรงแรมเซ็นทารา แกรนด์ และบางกอกคอนเวนชัน เซ็นเตอร์ เซ็นทรัลเวิลด์ กรุงเทพฯ นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ร่วมงาน “MFC’s 50th Anniversary_The World’s Next Opportunities and Beyond เปิดโอกาสลงทุนแห่งอนาคต” และร่วมเสวนาในหัวข้อ “โอกาสและอนาคตของการลงทุน” โดยมีรัฐมนตรี นักการเมือง และนักธุรกิจ มาร่วมงานจำนวนมาก อาทิ นายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.คลัง , นายลวรณ แสงสนิท ปลัดกระทรวงการคลัง , นายสุวัจน์ ลิปตพัลลภ ประธานพรรคชาติพัฒนา , นายสมชัย สัจจพงษ์ ประธานบอร์ดธนาคารแห่งประเทศไทย , นายปิฎก สุขสวัสดิ์ สามีนายกรัฐมนตรี และ นายศุภชัย เจียรวนนท์ ประธานกรรมการบริหารของเครือเจริญโภคภัณฑ์ ต้องร่วมงานอย่างคึกคัก
ทั้งนี้ ภายในงานจัดโต๊ะใหญ่ เป็นตัว U โดยนายทักษิณ นั่งตรงกลาง มีนายณรงค์ชัย อัครเศรณี ประธานกรรมการ บริษัทอนันดา ดีเวลลอปเม้นท์ และประธานกรรมการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนเอ็มเอฟซี นั่งด้านขวา ส่วนด้านซ้ายมีนายชาติศิริ โสภณพนิช ประธานกรรมการผู้จัดการใหญ่ธนาคารกรุงเทพ นั่งร่วมด้วย
จากนั้นเวลา 19.43 น. เป็นการแลกเปลี่ยนความเห็นในหัวข้อ “โอกาสและอนาคตของการลงทุน” โดยพิธีกรได้ตั้งคำถามว่า อะไรคือสิ่งที่เปลี่ยนแปลงไปของโลกเรา และการพัฒนาที่ยิ่งใหญ่ในระดับโลกและภูมิภาค ในความคิดคุณคืออะไร
นายทักษิณ กล่าวว่า สำหรับพรรคเพื่อไทย ให้คำมั่นสัญญามุ่งมั่นอยากให้ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางของบล็อคเชนและคริปโทเคอเรนซี่ ซึ่งเชื่อว่าเรามีความพร้อมและสามารถบรรลุเป้าหมายได้ และวางแผนจะมีแซนด์บ็อกซ์ที่ภูเก็ต โดยใช้คริปโทเคอเรนซี่เป็นสกุลเงินในการแลกเปลี่ยน รวมถึง สเตเบิลคอยล์ ด้วยการรองรับจากพันธบัตรรัฐบาลได้เตรียมแผนตรงนี้ไว้ ภายใน 3 เดือน
“ปัจจุบันเรากำลังทำดิจิทัลวอลเล็ต เพื่อปูทางสิ่งเหล่านี้ นำดิจิทัลไอดีให้ประชาชนได้ใช้ และเราจะมาสร้างบล็อกเชนของประเทศ ตนคิดว่าสิ่งเหล่านี้ทุกคนจะเห็นภายในปีนี้แน่นอน”
นายทักษิณ กล่าวต่อว่า หลังจากที่ได้กลับประเทศ ได้พูดคุยกับหลายคนที่อยากมาลงทุนในไทย โดยเฉพาะอย่างยิ่งเรื่องดาต้าเซ็นเตอร์ AI และระบบคลาวด์ ซึ่งตนมั่นใจว่า ไทยมีความสามารถและสามารถดึงดูดนักลงทุนได้ แต่ผู้จะมาลงทุนในประเทศไทยส่วนหนึ่ง ก็ได้มีการถามถึงพลังงานสีเขียว ดังนั้นจึงจำเป็นต้องทำให้ราคาพลังงานในประเทศไทยถูกลงให้ได้ เพื่อให้สามารถแข่งขันได้ในตลาดพลังงานสีเขียวราคาต่ำ และวงการ AI
นอกจากนี้ ตนมีความฝันอยากให้คนไทยมีความรู้ด้าน AI ภายใน 10 ปีนี้ เพราะ AI มีอิทธิพลและบทบาทในชีวิตของเรามาก และสามารถเพิ่มศักยภาพได้ถ้าเรารู้วิธีการใช้ ตนพยายามหาวิธีว่าไทยสามารถปรับ AI มาใช้อย่างไรได้บ้างให้เท่าทันโลก เช่น โรงพยาบาลเขต มีหมอ 1 คน ต่อไปอาจเห็น AI เป็นคุณหมอ ช่วยวินิจฉัย ประเมินโรค ทำงานแทนคุณหมอได้ในบางพื้นที่ คิดว่าเป็นสิ่งที่จะเกิดขึ้นในประเทศไทยได้ และไม่ต้องรอ เราต้องเริ่มในวันนี้
พิธีกรตั้งคำถามว่า ในประเทศไทยถ้าเราไม่ลงมือทำ จะมีผลอะไรตามมา นายทักษิณ ยืนยันว่า เราต้องลงมือทำตอนนี้เลย โดยเฉพาะ AI สิ่งที่เรามีในปัจจุบันคือโครงสร้างพื้นฐาน แต่ถ้าเรานำเทคโนโลยีมาผนวกด้วย ก็จะทำให้มีศักยภาพ และมีความสำคัญต่อโลกใบนี้มากขึ้น แต่ถ้าเราไม่นำเทคโนโลยีเข้ามา ก็จะล้าหลัง ตามหลังประเทศอื่นในโลกนี้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งวงการเทคโนโลยีที่ปัจจุบันต้องการบุคลากรจากต่างประเทศด้วย ทั้งนี้ พวกเรายังมีข้อได้เปรียบที่สามารถดึงดูดคนที่ต้องการมาลงทุนฮับในประเทศไทย ทั้งการแพทย์อาหารและการท่องเที่ยว จะช่วยให้เราเติบโตอย่างมีนัยยะสำคัญ
พิธีกรตั้งคำถามว่า 1 สิ่งที่อยากเห็นในประเทศไทย อีกใน 12 เดือนข้างหน้า นายทักษิณ กล่าวว่า ตนอยากหาสักที่ในกรุงเทพฯ ให้เป็นดาต้าเซฟโซน ทำให้โซนนั้นเป็นดิจิทัลเอ็มบาสซี่ หรือ สถานทูตดิจิทัลที่หลายประเทศมาอยู่ตรงนั้น และจะทำให้ประเทศไทยเป็น AI ฮับ นี่คือความฝันของตน และจะทำให้เป็นจริงได้มันจะไม่ใช่ความฝัน มันยาก มันท้าทายแต่มันเป็นจริงได้ เราต้องทำให้ต้นทุนค่าพลังงานต่ำที่สุดเพื่อให้ได้ก่อน มิฉะนั้นเราจะไม่สามารถทำเหล่านี้ได้
จากนั้นเป็นคำถามของผู้ที่มาร่วมงาน โดยนายทอม เครือโสภณ ได้สอบถามเรื่องพลังงานนิวเคลียร์ในไทย ซึ่งนายทักษิณ กล่าวว่า ตอนนี้มีพลังงานนิวเคลียร์หลากหลาย ซึ่งเทคโนโลยีนี้ค่อนข้างใช้เยอะแล้ว เช่น จีน ญี่ปุ่น แต่ก็ยังแพงอยู่ สำหรับพลังงานสีเขียว เช่น โซล่าร์เซลล์ ถือว่าต้นทุนพลังงานลดลงไปมากแล้ว อาจจะเหลือ 1 บาทด้วยซ้ำ ถ้าเราสามารถใช้พลังงานสีเขียวมากขึ้น โดยที่ต้นทุนต่ำและใช้น้ำมัน ถ่านหิน น้อยลง ตนคิดว่าจะทำให้ต้นทุนลดต่ำลงอีก 6-7 เซนต์ แต่ขณะเดียวกันเรื่องการบริหารจัดการไฟฟ้า เราจะต้องเพิ่มการใช้ สมาร์ทกริด (Smart Grid) มากขึ้น (Smart Grid คือระบบโครงข่ายไฟฟ้าอัจฉริยะ ที่นำเทคโนโลยีหลากหลายประเภทเข้ามาทำงานร่วมกัน)
ส่วนเรื่องค่าไฟจาก 11 เซนต์ เป็น 3 เซนต์ จะมีวิธีการลดต้นทุนพลังงานอย่างไร นายทักษิณกล่าวว่า ทั่วโลกเวลาพูดถึง 2 เซนต์ เราต้องมีแผนการเหมือนกัน ไม่เช่นนั้นเราจะไม่สามารถแข่งขันได้ แต่มันไม่ง่าย เพราะตอนนี้เราต้องใช้พลังงานจากถ่านหินและนำเข้า แต่ก็ไม่พอ เพราะฉะนั้นต้องนำเข้าก๊าซธรรมชาติ แอลเอ็นจี ทำให้ต้นทุนพลังงานสูง และปัจจุบันเราต้องใช้รูปแบบนี้ แต่โซลาร์เซลล์ก็ดีขึ้น ซึ่งต้องใช้พื้นที่เยอะติดตั้งโซล่าเซลล์ ดั งนั้นถ้าเราไปติดตั้งโซล่าเซลล์ ก็จะเสียพื้นที่การเกษตร ก็ต้องวางแผน และคิดแก้ปัญหาว่าจะทำอย่างไรให้ลดต้นทุนได้ในการผลิตพลังงาน ซึ่งปัจจุบันสิ่งที่ทำได้ 8 เซนต์น่าจะเป็นไปได้ 2 เซนต์น่าจะอีกไกล แต่ 11 เซนต์ไป 8 เซนต์ เราจะทำให้ได้ ไม่งั้นเราจะแข่งขันกับใครไม่ได้เลย เพราะหลายประเทศอยากมาลงทุน ตนได้คุยกับหลายบริษัท 6 -7 เซนต์ยอมรับได้ แต่มันต้องลดให้เหลือ 2.50 บาท ตอนนี้ 4.12 บาท ตอนนี้ต้องมีแผนการ
ส่วนเราจะเตรียมตัวอย่างไร ในฐานะคนวางนโยบายในการรับมือกับสังคมดิจิทัลให้แข่งขันอย่างยุติธรรม นายทักษิณ ระบุว่า เราพูดถึงเรื่องนี้มา 20 ถึง 30 ปีแล้ว ตอนที่นางสาวยิ่งลักษณ์ เป็นนายกฯ ก็จะให้แท็บเล็ตฟรี เพื่อพยายามจะลดช่องว่างทางเทคโนโลยี แต่ตอนนั้นถูกรัฐประหารไป จึงยกเลิก ปัจจุบันเรามีสมาร์ทโฟน สำหรับอุปกรณ์ดิจิตอล ก็พัฒนามากขึ้น รัฐบาลก็พยายาม ลด 2G เอาสมาร์ทโฟนมาแทนอนาล็อกโฟน เราน่าจะฝึกคนไทย อบรมให้การศึกษา ให้ทันการใช้ AI ได้มากขึ้น เราไม่ต้องเขียนซอฟต์แวร์ เอง AI สามารถช่วยเราทำตรงนี้ได้
ขณะที่นายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ หัวหน้าพรรคประชาชน ในฐานะผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร กล่าวถึงการขึ้นเวทีโชว์วิสัยทัศน์ของนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ที่ตั้งเป้าจะทำเศรษฐกิจดิจิทัลภายใน 1 ปี ว่า ต้องดูคำสัญญา ที่เคยให้ไว้ในหลายครั้ง ซึ่งโครงการดิจิทัล วอลเล็ต ก็เป็นหนึ่งในตัวอย่างที่เคยบอกว่า จะแจกพร้อมกันเพื่อให้เกิดเป็นพายุหมุนในระบบเศรษฐกิจ แต่สุดท้ายก็ต้องแบ่งเป็นหลายเฟส และไม่สามารถทำให้เกิดพายุหมุนได้จริง
ส่วนอีกประเด็นที่ในทักษิณได้พูดไว้บนเวที คือพลังงานสีเขียวที่เกี่ยวข้องกับการตั้งดาต้า เซ็นเตอร์ อุตสาหกรรมเอไอ รวมทั้งค่าไฟแพงที่เคยสัญญาไว้กับประชาชนว่า จะมีการปรับลดลงเหลือ 3 บาทปลายๆ ก็ยังไม่เกิดขึ้น ซึ่งมาตรการลดค่าไฟที่เห็นอยู่ในขณะนี้ มีการออกมาเปิดรับฟังความคิดเห็น เพื่อให้รัฐบาลอุดหนุนต่อหรือไม่ เพราะฉะนั้นเรื่องการลดค่าไฟเป็นสิ่งที่พรรคประชาชนสื่อสารมาโดยตลอด ว่า ต้องกลับไปปฏิรูปที่โครงสร้างไฟฟ้า และไม่อยากเห็นมาตรการเฉพาะหน้าในการใช้ภาษีของประชาชนไปอุดหนุนเพื่อลดค่าไฟ สุดท้ายระยะยาวก็ไม่ได้เกิดการส่งเสริมเศรษฐกิจใดๆได้จริง พร้อมย้ำว่า อยากเห็นสิ่งที่เกิดประโยชน์กับประชาชน แต่หากดูคำพูดที่ผ่านมาของพรรคเพื่อไทย ก็ตั้งข้อสงสัยว่า จะเป็นจริงได้หรือไม่
เมื่อถามว่า สุดท้ายแล้วจะกลายเป็นโฆษณาชวนเชื่อหรือไม่ นายณัฐพงษ์ ระบุว่า ต้องรอดู เราก็ไม่อยากเห็นคำพูดที่ดูโตๆ ที่พูดแล้ว แต่สุดท้ายก็ทำไม่ได้ หรือ การคิดไปทำไป เหมือนเช่นที่ผ่านมา
รับชมทางยูทูบที่ : https://youtu.be/LvlQGKAnlj8
แท็กที่เกี่ยวข้อง ทักษิณชินวัตร ,วิสัยทัศน์ ,เงินดิจิทัลวอลเล็ต ,ค่าไฟ