เศรษฐกิจ

เช็กวันจ่ายเงินหมื่น กลุ่มเปราะบาง ตามเลขท้ายบัตร ปชช. - 'จุลพันธ์' ยันเฟส 2 ไม่มีล้ม แต่อาจได้ช้าหน่อย

โดย thichaphat_d

14 ก.ย. 2567

9.9K views

จุลพันธ์ เผยแจกเงินหมื่นเฟสแรก 4 วัน เริ่ม 25 ก.ย. นี้ 2 กลุ่มได้เงินก่อนพิการ-ผู้ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ เรียงตามเลขท้ายบัตรประชาชน เตือนรีบผูกพร้อมเพย์ด้วยเลข 13 หลัก ก่อนวันโอนเงิน ชี้ 1 หมื่นบาทเงินสด ไม่มีเงื่อนไขใช้จ่าย ยันเฟส 2 ไม่มีล้ม แต่อาจได้ช้าหน่อย พูดติดตลกจ่ายครบก่อนรัฐบาลหมดอายุ

วานนี้ 13 ก.ย. 2567 นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวถึง ความคืบหน้าใน โครงการดิจิทัลวอลเล็ต 1 หมื่นบาท ว่ารัฐบาลมีความพร้อมเรื่องงบประมาณ ซึ่งมีงบเพิ่มเติมจากปี 2567 อยู่ 122,000 ล้านบาท รวมกับการใช้งบกลางบางส่วน รวมแล้ว 145,000 ล้านบาทเศษ และในปี 2568 อีกประมาณ 187,000 ล้านบาทเศษ โดยให้ความสำคัญกับกลุ่มเปราะบางก่อน

ซึ่งงบปี 2567 จะปรับมาดูแลกลุ่มเปราะบางก่อน 1. กลุ่มผู้พิการ 2.1 ล้านคน ซึ่งผูกบัญชีกับ พม.แล้ว ซึ่งเมื่อเราเริ่มดำเนินการจ่ายเงินเงินสดทั้งหมดจะถูกโอนเข้าบัญชี 2.กลุ่มเปราะบาง หรือผู้ที่ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ 13.5 ล้านคน โดยจะนำข้อมูลทั้งสองกลุ่มนี้มา พิจารณาร่วมกันโดยไม่ให้มีชื่อซ้ำกัน จะได้ 14.5 ล้านคน ขณะเดียวกันในส่วนของบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ 13.5 ล้านคน มี 1 ล้านคนเศษ ที่จำเป็นจะต้องผูกกับบัญชีพร้อมเพย์ ย้ำว่ากลไกง่ายมาก เสียบบัตรหน้าตู้เอทีเอ็ม หรือติดต่อธนาคาร เพื่อผูกบัญชี

ทั้งนี้จะเริ่มจ่ายเงินในวันที่ 25 กันยายนนี้เป็นต้นไป ซึ่งจะใช้ระยะเวลา 4 วัน ซึ่งวันแรกในการจ่ายเงินจะเป็นกลุ่มเป็นกลุ่มผู้พิการ และกลุ่มที่ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ตามเลขท้ายบัตรประชาชน

วันที่ 25 ก.ย.2567 กลุ่มที่ลงท้ายเลขบัตรประชาชนด้วยเลข 0

วันที่ 26 ก.ย.2567 กลุ่มที่ลงท้ายเลขบัตรประชาชนด้วยเลข 1-3

วันที่ 27 ก.ย.2567 เป็นกลุ่มที่ลงท้ายเลขบัตรประชาชนด้วยเลข 4-7

วันที่ 30 ก.ย.2567 เป็นกลุ่มที่ลงท้ายเลขบัตรประชาชนด้วยเลข 8-9

นายจุลพันธ์ ยังระบุถึงสาเหตุการเปลี่ยนแปลงรายละเอียดในโครงการว่า รัฐบาลพร้อมรับฟังความคิดเห็นจากทุกภาคส่วนอย่างการนำเรื่องเข้าสู่ที่ประชุมวุฒิสภาหรือ สว. ก็เห็นว่ามีการร้องไห้ ว่าอยากจะให้เป็นเงินสด ส่วนหนึ่ง เพราะเข้าถึงได้ง่าย คนใช้ก็ง่ายขึ้น ผู้สูงอายุอะไรก็ตาม และสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ก็ออกมาบอกว่าการกระตุ้นเศรษฐกิจ มันรอไม่ได้ เมื่อทำเรื่องงบเพิ่มเติมก็ขอให้เร่งด่วนจริงๆ เราก็คิดกันค่อนข้างละเอียด และเดินหน้าในการปรับส่วนนี้ด้วย เพื่อที่จะให้มีการกระตุ้นเศรษฐกิจโดยเร็ว

เพราะฉะนั้นสิ้นเดือนนี้เม็ดเงิน จะเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจไทย เป็นเงินสดและจะมีการจับจ่ายใช้สอย โดยตัวเลขทางเศรษฐศาสตร์ชี้ว่า การบริโภคขั้นสุดท้าย ของกลุ่มเปราะบางมีแนวโน้มใช้เงินบาทสุดท้ายค่อนข้างสูง แทนที่จะเป็นการออม ทำให้เงินหมุนเวียนในเศรษฐกิจค่อนข้างดี แม้ว่าจะเป็นเงินสดก็ตาม ส่วนในโครงการถัดไปต้องดูกันว่าเมื่อเราไม่เปลี่ยนก็จะเป็นเงินก้อนเดียว การดูจังหวะให้เหมาะสม เพื่อให้เกิดระลอกคลื่น ในการกระตุ้นเศรษฐกิจ รวมถึงการที่รัฐบาลเข้ามาใหม่ก็มีกลไก ที่จะเดินหน้า

ทั้งนี้จะปิดการลงทะเบียน ในวันที่ 15 กันยายนนี้ในกลุ่มที่มีสมาร์ทโฟน ซึ่งยอดปัจจุบันอยู่ที่ 32 ล้านคนเศษ แต่ยังจะไม่ลงทะเบียนในกลุ่มที่ไม่มีสมาร์ทโฟนต่อทันที ขอประชาสัมพันธ์ไปยังพี่น้องประชาชนเพราะอยากจะให้การจ่ายเงินในกลุ่มแรกจบก่อน ส่วนจะเปิดลงทะเบียนเมื่อไหร่นั้นจะชี้แจงอีกครั้ง ซึ่งจะเลื่อนไปไม่น่านาน คาดว่าจะมีผู้ลงทะเบียนไม่มากเท่าไหร่

โดยนายจุลพันธ์ ยอมรับว่าระบบดิจิทัลวอเล็ต ดีเลย์นิดหน่อย เนื่องจากมีการเปลี่ยนผ่านรัฐบาล ในช่วงเดือนที่ผ่านมาเป็นจังหวัดที่ทำอะไรไม่ได้มากนัก คาดว่าระบบจะแล้วเสร็จในช่วงต้นปี และยืนยันว่าจะต้องทดสอบระบบให้เกิดความมั่นใจที่สุดเพราะเป็นโครงการขนาดใหญ่ และเป็น โครงการที่ประชาชนมีส่วนร่วมมาก เมื่อทุกอย่างพร้อมเม็ดเงินพร้อมก็จะเดินหน้าโครงการ หากสามารถจัดสรรได้ภายในปีเดียว ก็ดำเนินการ หากไม่ได้ เราจะไม่เร่งเครื่องทางกลางคลังจนเกินความเหมาะสม จะไม่มีการพยายามรวบรวมงบประมาณจากส่วนต่างๆตามข้อห่วงใยเช่นห่วงว่าจะไปตัดมาจากงบกลาง

เมื่อถามว่าประชาชนจำนวน 32 ล้านคนที่ลงทะเบียนผ่านแอปพลิเคชั่น ทางรัฐจะต้องรอรับเงิน 10,000 บาทในปี 2568 ใช่หรือไม่ นายจุลพันธ์กล่าวว่า ตอนนี้เงินมีแล้วส่วนหนึ่ง 17.8 แสนล้านบาท แต่จะสามารถเริ่มจ่ายได้ในปีหน้า แต่ไม่สามารถกำหนดกรอบระยะเวลาได้ ว่าจะจ่ายในไตรมาสใด แต่เดี๋ยวจะมีคำตอบที่ชัดเจนออกมา ซึ่งต้องให้เวลานิดนึง ซึ่งรัฐบาลเคยโดนท้วงติง ว่าการจ่ายเงินก้อนใหญ่ เข้าสู่ระบบเศรษฐกิจครั้งเดียว จะเกิดขึ้นลูกใหญ่แต่ไม่ส่งผลกระทบในระยะยาว จึงต้องหากลไกอื่นเข้ามาเสริม โดยการกระตุ้นเศรษฐกิจเป็นระลอก โดยเว้นช่วงเวลาให้มีความเหมาะสม ในการเติมเงินแต่ละก้อน เพื่อให้เกิดผลกระทบทางเศรษฐกิจที่ต่อเนื่อง และมีผลกระทบมากขึ้น ซึ่งรัฐบาลจะต้องคิดให้รอบคอบ ว่าจุดที่เหมาะสมคือตรงไหน

เมื่อถามว่าแนวคิดการแบ่งจ่ายเป็น 2 งวด โดย 5,000 แรกเป็นเงินสดและอีก 5,000 บาทที่เหลือจะเป็นเงินดิจิทัล วอลเล็ต ใช่หรือไม่ นายจุลพันธ์กล่าวว่า ไม่สามารถตอบให้ชัดเจนได้ เพราะต้องรอตัวเลขการลงทะเบียนว่าสุดท้ายแล้วจะมีจำนวนเท่าไหร่ หากมีแค่ 32 ล้านคน ก็เชื่อว่าสามารถจะจ่ายครั้งเดียวจบได้ แต่หากมีคนลงทะเบียนเพิ่มเติม ซึ่งถือเป็นสิ่งที่ดี เพราะถือว่าประชาชนให้ความร่วมมือกับโครงการ และรัฐบาลก็จะพิจารณาตามความเหมาะสมต่อไป

ส่วนที่มีกระแสข่าวว่า จะมีการเพิ่มกลุ่มผู้สูงอายุ เพื่อให้มีการลงทะเบียนผ่านแอปทางรัฐเพื่อรับเงิน 10,000 บาท นั้นนายจุลพันธ์กล่าวว่า ยังไม่มี ความคิดนี้ ซึ่งตนพึ่งได้ยินเป็นครั้งแรก เพราะหากสังเกตจะเห็นว่า กลุ่มผู้พิการและกลุ่มเปราะบางมีรายชื่อซ้ำกันมากกว่า 1 ล้านคน ดังนั้นไม่ว่าจะเพิ่มกลุ่มไหนเข้ามา ก็จะต้องมีรายชื่อซ้ำกัน แต่ยืนยันว่าตอนนี้ยังไม่มีการเพิ่มกลุ่มและเป็นไปได้ยาก เพราะงบประมาณที่เตรียมไว้ 14.5 แสนล้านบาท มีจำกัด

เมื่อถามว่า จะสามารถเปิดให้กลุ่มผู้ที่ไม่มีสมาร์ทโฟนลงทะเบียนได้เมื่อไหร่ นายจุลพันธ์กล่าวว่า จะมีการแจ้งให้ทราบอีกครั้ง แต่ขอเวลาให้จบกระบวนการ ปล่อยเงินเฟสแรกก่อน

เมื่อถามว่าเหตุใดจึงไม่เติมเงินเข้าบัตรสวัสดิการแห่งรัฐแทนการโอนเงินเข้าบัญชี ธนาคารของผู้ถือบัตรนายจุลพันธ์ กล่าวว่า เพราะบัตรสวัสดิการแห่งรัฐก็มีข้อจำกัดบางอย่าง เช่นใช้ซื้อสินค้าได้เฉพาะร้านธงฟ้า ขณะที่บางส่วนถูกจำกัดไว้สำหรับ ค่าน้ำ ค่าไฟ ซึ่งการจ่ายเป็นเงินสด เข้าบัญชีเพื่อปลดล็อคข้อจำกัดดังกล่าว แต่ก็ยอมรับว่าจะไม่สามารถจำกัดการใช้จ่ายได้ ซึ่งก็มีข้อทวงติงจากสมาชิกวุฒิสภา ที่เรียกร้องให้ขอจ่ายเป็นเงินสด ซึ่งตนเป็นคนเข้ามาตอบในสภาเอง มีสมาชิกร้องไห้ 2 คน และพูดเรื่องนี้ไปครึ่งสภา เพราะเห็นว่าการจ่ายเป็นเงินสด มันใช้ง่าย จ่ายคล่อง ซึ่งตนก็ได้ชี้แจงไปแล้วว่า ทำให้การหมุนเวียนทางเศรษฐกิจเพราะการจ่ายเป็นเงินสด จะทำให้เกิดการหมุนเวียนในเศรษฐกิจลดลง แต่ข้อดี คือการจ่ายให้กลุ่มเปราะบาง ได้ผลค่อนข้างมาก เพราะตามหลักการทางเศรษฐศาสตร์ กลุ่มเปราะบางมีการใช้จ่ายเงินค่อนข้างสูง และเอาแนวโน้มว่าหากได้เงินไป 10,000 บาท จะใช้จ่ายถึง 9,000 กว่าบาท ส่วนที่เหลือจะมีการนำไปใช้จ่ายในเรื่องอื่นๆที่ทำให้ไม่เกิดการหมุนเวียนในระบบเศรษฐกิจ

เมื่อถามว่าการแจกจ่ายเงินให้กับกลุ่มเปราะบาง จะทำให้โครงการดิจิทัล วอลเล็ต พลาดเป้าและจะต้องมีโครงการอื่นมาเพิ่มเติมหรือไม่นายจุลพันธ์กล่าวว่า มีอยู่แล้วรัฐบาลไม่ได้มีแค่โครงการเดียว และเข้าใจว่าโครงการนี้เป็นโครงการที่ใช้เม็ดเงินเยอะ และหลายคนเรียกว่านโยบายเรือธง ซึ่งยอมรับว่าเป็นโครงการหลักจริง แต่รัฐบาลไม่ได้มีแค่มิติเดียว รัฐบาลยังมีโครงการอื่นๆอีก เช่น นโยบาย Entertainment Complex รวมถึงการปรับเปลี่ยนโครงสร้างทางเศรษฐกิจ เพื่อรองรับกับการแข่งขัน ของเศรษฐกิจโลก

เมื่อถามว่าสรุปแล้วเป้าหมายของโครงการนี้ เป็นเพียง แค่เพื่อแจกเงินหรือการกระตุ้นเศรษฐกิจ เพราะดูเหมือนว่าจะไม่ตรงกับเป้าหมายแรกที่บอกว่าจะทำให้เกิดพายุหมุนทางเศรษฐกิจนั้น นายจุลพันธ์กล่าวว่า ก็ยังเกิดพายุหมุนอยู่ อาจจะใหญ่หรือจะย่อมลงไปบ้าง ยังไงก็ยังเป็นพายุหมุน และการเปลี่ยนรูปแบบก็มีทั้งข้อดีและข้อเสีย ข้อดีคือการที่ทำให้เกิดระลอกคลื่นที่ส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจที่ต่อเนื่อง

เมื่อถามว่ามีเสียงวิพากษ์วิจารณ์ว่าประชาชนที่ลงทะเบียนในเฟส 2 จะไม่ได้รับเงิน 10,000 บาทแล้วนั้นนายจุลพันธ์กล่าวว่า เป็นการวิเคราะห์ที่ผิด ยืนยันว่าได้และไม่ถูกลอยแพแน่นอน เพราะมีเงินมาแล้ว แต่ไม่สามารถที่จะบอกเวลาในการแจกเงินได้อย่างชัดเจน

ผู้สื่อข่าวจึงแซวว่าจะจ่ายเงินครบภายในรัฐบาลชุดนี้ใช่หรือไม่ ทำให้นายจุลพันธ์ หัวเราะและตอบกลับว่าไม่ขนาดนั้นหรอกมั้ง

เมื่อถามย้ำว่าจะต้องรอ งบประมาณรายจ่ายปี 2569 มาช่วยหรือไม่ นายจุลพันธ์กล่าวว่า ยังไม่ลงรายละเอียดขนาดนั้นต้องดูความเหมาะสมรอผู้ลงทะเบียน ในแอปทางรัฐ 32 ล้านคน ที่อาจจะมีรายชื่อของกลุ่มเปราะบางซ้ำอยู่ในนั้น ตัวเลขจริงน่าจะเหลืออยู่ 20 กว่าล้านคน ซึ่งทำให้ใกล้เคียงกับงบประมาณที่มีอยู่

---------------------------------------------------------------------------

ด้านนายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวถึงโครงการเงินดิจิทัลวอลเลต เฟสที่ 2 ซึ่งผู้สื่อข่าวถามว่า จะสามารถดำเนินการจ่ายได้วันไหน นายพิชัย ตอบว่า ขอดำเนินการเฟส 1 ให้เสร็จก่อน และเมื่อถามย้ำว่า เฟสที่ 2 จะสามารถดำเนินการภายในปี 2567 ได้หรือไม่ นายพิชัย กล่าวว่า “ไม่น่าจะทันครับ” โดยจะดูความต่อเนื่องอีก 2-3 เรื่อง และจะดูพร้อม ๆ กันว่าอันไหนดีที่สุด ส่วนจะได้ไตรมาสไหนนั้น จะต้องขอดูหลังจากนี้ก่อน ส่วนรูปแบบการการจ่ายเงินในเฟส 2 จะเป็นการแบ่งจ่ายอีกหรือไม่ ก็ต้องดูหลายปัจจัยในความพร้อมทุก ๆ อย่าง รวมถึงความพร้อมของช่องทางการจ่ายด้วย

ทั้งนี้ มีความเป็นไปได้ ที่รับจะนำงบประมาณ ไปการลงทุนปรับโครงสร้างเศรษฐกิจ ซึ่งนายพิชัย กล่าวว่า เป็นเรื่องมีความสำคัญ ถ้าอะไรตัดปัญหาและสร้างความเข้มแข็งให้ประเทศก็ต้องมาที่ 1 ซึ่งการจัดเงินก็คงต้องจัดอะไรที่สำคัญ และให้ผลต่อเนื่องอย่างเร็วที่สุด



รับชมผ่านยูทูบ : https://youtu.be/MIZ1RJLOEN0

คุณอาจสนใจ