เอกชนวอนหากต้องเปลี่ยนนายกฯ ขอให้ยึดประชาธิปไตย

สถานการณ์เศรษฐกิจไทยในวันนี้ กำลังเผชิญกับพายุลูกใหญ่ 3 ลูกซ้อน 2 ลูกแรก คือ กำแพงภาษีทรัมป์ และสงครามในตะวันออกกลาง ที่ส่งผลกระทบต่อการค้าของไทยอย่างมาก และล่าสุดลูกที่ 3 การเมืองในประเทศที่เข้ามาซ้ำเติม ทำให้สถานการณ์ดำดิ่งลงไปอีก ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย บอกหากต้องเปลี่ยนนายกฯ ขอให้ยึดประชาธิปไตย



โดยนายเกรียงไกร เธียรนุกุล ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย ยอมรับว่า เสถียรภาพทางการเมืองภายในประเทศนั้น เป็นหนึ่งในปัจจัยสำคัญที่เป็นความเสี่ยงที่อาจทำให้เศรษฐกิจของประเทศถูกซ้ำเติมเข้าไปได้ ส่วนประเด็นการเปลี่ยนตัวนายกรัฐมนตรี หรือ การปรับคณะรัฐมนตรี ควรเป็นไปตามครรลองของระบอบประชาธิปไตย หากเสียงไม่เพียงพอ หรือ คนไม่สนับสนุนเพียงพอ ก็ต้องเปลี่ยนไปตามหลักการไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร อย่าให้มีการซ้ำเติมโดยการฉวยโอกาสหรือใช้วิธีการนอกระบบเข้ามาแก้ไขสถานการณ์ เพราะนั่นอาจทำให้สถานการณ์แย่ลงกว่าเดิม และอาจทำให้ต่างประเทศมองไทยในแง่ลบได้ สิ่งสำคัญ คือ จะต้องรีบเร่งแก้ไขสถานการณ์โดยไว อย่าปล่อยให้ยืดเยื้อ เพราะความยืดเยื้อจะนำไปสู่การเคลื่อนไหวที่อาจสร้างความเสี่ยงทางการเมืองเพิ่มเติม เหมือนที่เคยเกิดขึ้นในอดีต



อย่างไรก็ตาม หากเกิดการเปลี่ยนแปลงทางการเมืองในช่วงเวลานี้ จะส่งผลกระทบอย่างมากต่อเม็ดเงินต่างๆ ที่รัฐบาลจะต้องนำมาอัดฉีดกระตุ้นเศรษฐกิจ การสร้างงาน หากหยุดชะงักไปเหมือนในอดีตที่เคยเกิด งบประมาณล่าช้าไป 8-9 เดือน คิดว่า เศรษฐกิจของไทยตอนนี้ ไม่สามารถทนกับภาวะอย่างนั้นได้ และจะยิ่งซ้ำเติมให้สถานการณ์ของประชาชนทั้งประเทศและเศรษฐกิจย่ำแย่ลงไปอีก



ขณะที่ตลาดหุ้นไทยฟื้นตัวจากวานนี้ที่ปรับลงแรง หลังการเมืองในประเทศเริ่มเห็นความชัดเจนมากขึ้น ที่พรรคเพื่อไทยยังคงเป็นแกนนำพรรคร่วมรัฐบาล แม้พรรคภูมิใจไทยถอนตัวออกจากพรรคร่วมรัฐบาล ทำให้นักลงทุนคลายความกังวลเรื่องการยุบสภาที่เป็นปัจจัยกดดันดัชนีร่วงแรงวานนี้ เปิดตลาดดัชนี้ดีดขึ้นกว่า 10 จุด โดยมีแรงซื้อกลับในหุ้นใหญ่ โดยเฉพาะในหุ้นกลุ่มปิโตรเคมีและเคมีภัณฑ์ที่มีแรงซื้อกลับมาเช้านี้ และเคลื่อนไหวในแดนบวกได้ตลอดทั้งวัน

รับชมทางยูทูบที่ : https://youtu.be/AjjObypkm9s