เศรษฐกิจ

"ทรัมป์" ลงนามคำสั่งห้ามคนจาก 12 ประเทศ เข้าสหรัฐฯ อ้างป้องกันผู้ก่อการร้ายต่างชาติ

โดย panwilai_c

5 มิ.ย. 2568

203 views

ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ของสหรัฐฯ ลงนามในคำสั่งห้ามประชาชนจาก 12 ประเทศเดินทางเข้าประเทศ อ้างเพื่อปกป้องประชาชนจากผู้ก่อการร้ายต่างชาติ รวมถึงนักศึกษาต่างชาติที่จะเดินทางมาเรียนที่มหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ดด้วย



นับตั้งแต่วันที่ 9 มิถุนายนนี้ ประชาชนจาก 12 ประเทศจะถูกสั่งห้ามเดินทางเข้าสหรัฐฯ โดยประกอบไปด้วย อัฟกานิสถาน, เมียนมา, ชาด, สาธารณรัฐคองโก, อิเควทอเรียล กินี, เอริเทรีย, เฮติ, อิหร่าน, ลิเบีย, โซมาเลีย, ซูดาน, และเยเมน



นอกจากนี้ ยังมีคำสั่งจำกัดการเดินทางเข้าประเทศของผู้คนจากอีก 7 ประเทศด้วย ได้แก่ บุรุนดี, คิวบา, ลาว, เซียร์รา ลีโอน, โตโก, เติร์กเมนิสถาน, และเวเนซุเอลา



ในวิดีโอแถลงการณ์ ประธานาธิบดีทรัมป์ได้พูดถึงเหตุโจมตีล่าสุดในรัฐโคโลราโด ว่าเป็นตัวอย่างของการที่ชาวต่างชาติเดินทางเข้ามาในสหรัฐอเมริกาโดยไม่ผ่านการตรวจสอบอย่างเหมาะสม ซึ่งย้อนกลับไปเมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา ชายชาวอียิปต์คนหนึ่งได้ก่อเหตุขว้างระเบิดเพลิงใส่ฝูงชนที่ออกมาเดินขบวนรำลึกถึงตัวประกันชาวอิสราเอลที่ถูกจับกุมอยู่ในฉนวนกาซา ในเมืองโบลเดอร์ รัฐโคโลราโด จนเป็นเหตุให้มีผู้ได้รับบาดเจ็บอย่างน้อย 12 คน



ประธานาธิบดีทรัมป์ย้ำว่า เขาจะไม่อนุญาตให้ผู้คนที่ต้องการทำร้ายสหรัฐฯ เข้ามาในประเทศอีก และว่ารายชื่อของประเทศดังกล่าวอาจมีการแก้ไข และสามารถเพิ่มประเทศใหม่ ๆ เข้าไปได้



ล่าสุด ประเทศต่างๆ ที่ตกเป็นเป้าหมายได้ออกมาแสดงความผิดหวัง เช่น เวเนซุเอลาที่ตำหนิรัฐบาลของประธานาธิบดีทรัมป์ว่า เป็นพวกหัวรุนแรงที่คิดว่า ตนเป็นเจ้าของโลก ขณะที่โซมาเลียได้ให้คำมั่นว่า จะหาทางเจรจากับสหรัฐฯ เพื่อแก้ไขข้อกังวลที่ถูกหยิบยกขึ้นมา



อย่างไรก็ดี คำสั่งนี้มีข้อยกเว้นให้กับนักกีฬาที่จะเดินทางเข้ามาแข่งขันรายการใหญ่ ๆ รวมถึงผู้อพยพที่เป็นชนกลุ่มน้อยทางชาติพันธุ์และศาสนาที่กำลังถูกข่มเหงในอิหร่าน พลเมืองอัฟกานิสถานบางกลุ่ม และบุคคลสองสัญชาติที่มีสัญชาติหนึ่งอยู่ในประเทศที่ไม่ถูกแบน



นอกจากคำสั่งแบนนี้ ในวันเดียวกัน ประธานาธิบดีทรัมป์ยังลงนามในคำสั่งห้ามนักศึกษาต่างชาติที่จะเดินทางเข้ามาศึกษาต่อหรือร่วมโครงการแลกเปลี่ยนที่มหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ดเข้าประเทศ เป็นระยะเวลาเบื้องต้น 6 เดือน โดยอ้างเหตุผลด้านความมั่นคง



ในคำสั่งระบุว่ามหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ดมีประวัติความสัมพันธ์กับต่างชาติที่มีแนวคิดสุดโต่งและน่ากังวล รวมถึงมีความพัวพันอย่างกว้างขวางกับชาติที่เป็นศัตรูของสหรัฐฯ เช่น จีน ทั้งยังกล่าวหาว่า FBI เคยเตือนมานานถึงการที่ศัตรูต่างชาติใช้สถาบันอุดมศึกษาในสหรัฐฯ เพื่อขโมยข้อมูลและเผยแพร่ข่าวปลอม นอกจากนี้ ยังชี้ว่า ม.ฮาร์วาร์ดมีอาชญากรรมเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมาและล้มเหลวในการจัดการพฤติกรรมนักศึกษาต่างชาติบางกลุ่ม



ด้านมหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ดได้ออกมาตอบโต้ทันควัน โดยประณามคำสั่งของทรัมป์ว่าผิดกฎหมายพร้อมยืนยันว่า มหาวิทยาลัยจะปกป้องนักศึกษาต่างชาติของตนต่อไป



อย่างไรก็ดี สถานการณ์มีแนวโน้มตึงเครียดขึ้นอีก เนื่องจากคำสั่งนี้สามารถขยายเวลาออกไปได้เกิน 6 เดือน และทรัมป์ยังสั่งการให้กระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ พิจารณาเพิกถอนวีซ่านักศึกษาฮาร์วาร์ดปัจจุบันที่เข้าข่ายตามเกณฑ์ด้วย



ความเคลื่อนไหวนี้เกิดขึ้นเพียงหนึ่งสัปดาห์หลังจากผู้พิพากษาศาลรัฐบาลกลางในบอสตันประกาศเตรียมออกคำสั่งคุ้มครองชั่วคราว เพื่อยับยั้งไม่ให้รัฐบาลทรัมป์เพิกถอนสิทธิ์ของฮาร์วาร์ดในการรับนักศึกษาต่างชาติ ซึ่งคิดเป็นสัดส่วนถึง 1 ใน 4 ของนักศึกษาทั้งหมด ความขัดแย้งระหว่างทรัมป์กับมหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ดมีชนวนเหตุมาจากการที่สถาบันการศึกษาแห่งนี้ปฏิเสธที่จะปฏิบัติตามข้อเรียกร้องต่างๆ ของรัฐบาล โดยเฉพาะการส่งมอบเอกสารที่เกี่ยวข้องกับการประพฤติมิชอบของนักศึกษาต่างชาติ



รับชมทางยูทูบที่ : https://youtu.be/N4UcW2vpSec

แท็กที่เกี่ยวข้อง  

คุณอาจสนใจ