เศรษฐกิจ

"สี จิ้นผิง" เยือนเวียดนาม ท่ามกลางมรสุมการค้าสหรัฐฯ

โดย panwilai_c

14 เม.ย. 2568

38 views

ประธานาธิบดีสี จิ้นผิงของจีนเดินทางถึงกรุงฮานอยของเวียดนามแล้วในวันนี้ เปิดฉากภารกิจการเยือน 3 ชาติอาเซียนอย่างเป็นทางการท่ามกลางมรสุมทางการค้ากับสหรัฐฯ



ประธานาธิบดีสีจิ้นผิงเดินทางท่าอากาศยานนานาชาติโหน่ยบ่ายของกรุงฮานอยเมื่อเวลาประมาณบ่าย 2 ที่ผ่านมาตามเวลาท้องถิ่น ซึ่งถือเป็นการเปิดฉาก 3 ชาติอาเซียนอย่างเป็นทางการ โดยการเยือนในครั้งนี้เกิดขึ้นในขณะที่หลาย ๆ ประเทศกำลังเผชิญกับมาตรการภาษีสินค้าของสหรัฐฯ โดยจีนถูกสหรัฐฯ ตั้งกำแพงภาษีสินค้าสูงถึง 145% ขณะที่เวียดนามก็ถูกตั้งกำแพงภาษี 46%



ประธานาธิบดีสีมีกำหนดการที่จะเข้าพบกับเลขาธิการพรรคคอมมิวนิสต์เวียดนาม นายโต เลิม รวมถึงผู้นำระดับสูงคนอื่น ๆ ตลอดระยะเวลาการเยือน 2 วันนี้ ก่อนที่จะเดินทางไปเยือนกัมพูชาและมาเลเซียต่อ ระหว่างวันที่ 15 – 18 เมษายน ซึ่งครั้งสุดท้ายที่ผู้นำจีนเดินทางเยือน 2 ประเทศนี้เกิดขึ้นเมื่อ 9 และ 12 ปีก่อน



ก่อนหน้าที่จะเดินทางมาถึงเวียดนาม ประธานาธิบดีสีได้ส่งสารผ่านบทความในหนังสือพิมพ์ของเวียดนามพูดถึงมาตรการภาษีของสหรัฐอเมริกาว่า ในการทำสงครามการค้าและภาษีจะไม่มีใครเป็นผู้ชนะ รวมถึงไม่มีทางออกให้กับการกีดกันทางการค้า



นอกจากนี้ เขายังบอกว่าเขาตั้งหน้าตั้งตารอที่จะใช้การเยือนในครั้งนี้เป็นโอกาสในการแลกเปลี่ยนมุมมองเชิงลึกระหว่างกัน และให้คำมั่นสัญญาว่าจีนกับเวียดนามควรกระชับความร่วมมือกันให้แน่นแฟ้นมากยิ่งขึ้น เนื่องจากเวียดนามกับจีนเป็นเพื่อนบ้านสังคมนิยมที่เป็นมิตร มีอุดมการณ์เดียวกัน และมีผลประโยชน์ทางยุทธศาสตร์ที่กว้างขวาง โดยเฉพาะด้านการค้า และว่าจีนจะให้การสนับสนุนเวียดนามเพิ่มการส่งออกเข้าไปในจีน และร่วมลงทุนพัฒนาระบบโทรคมนาคม เทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ (AI) และเศรษฐกิจสีเขียว



นอกจากนี้ คาดว่าการเยือนครั้งนี้จะมีการลงนามข้อตกลงถึง 40 ฉบับ ครอบคลุมทั้งด้านกลาโหม ความมั่นคง และโครงสร้างพื้นฐาน โดยเฉพาะการเชื่อมต่อทางรางรถไฟในพื้นที่ทางเหนือของเวียดนาม นอกจากนี้ จีนยังหวังให้เวียดนามเปิดทางให้กับเครื่องบินโคแม็ก (COMAC) ที่ผลิตโดยบริษัทอากาศยานพาณิชย์แห่งชาติของจีนด้วย



ขณะที่ นายโตเลิม เลขาธิการพรรคคอมมิวนิสต์ของเวียดนามกล่าวในบทความที่เผยแพร่บนเว็บไซต์ข่าวของรัฐบาลว่า เวียดนามพร้อมที่จะร่วมมือกับจีนเพื่อทำให้ความร่วมมือของสองประเทศมีเนื้อหาสาระ ลึกซึ้ง สมดุล และยั่งยืนมากขึ้น



ปัจจุบัน สถานการณ์ทางการค้าที่เกิดขึ้นกำลังบีบให้เวียดนาม ซึ่งเป็นฐานการผลิตและประกอบชิ้นส่วนสำคัญของโลก ต้องเพิ่มความเข้มงวดในการตรวจสอบสินค้าที่มาจากจีน เพื่อให้แน่ใจว่าสินค้าที่ติดป้าย "Made in Vietnam" และส่งออกไปยังสหรัฐฯ นั้นมีการผลิตในประเทศอย่างแท้จริง ไม่ใช่แค่การสวมสิทธิ์เพื่อเลี่ยงภาษี ซึ่งเป็นแรงกดดันโดยตรงจากรัฐบาลสหรัฐฯ



เวียดนามพึ่งพาการนำเข้าสินค้าส่วนใหญ่จากจีน แต่มีสหรัฐฯ เป็นตลาดส่งออกหลัก โดยเฉพาะสินค้าอิเล็กทรอนิกส์ รองเท้า และเสื้อผ้า โดยในช่วง 3 เดือนแรกของปีนี้ชี้ชัดว่าเวียดนามนำเข้าสินค้าจากจีนราว 30,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ และส่งออกสินค้าไปสหรัฐฯ ถึง 31,400 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ



การเยือนฮานอยครั้งที่สองในรอบไม่ถึง 18 เดือนของประธานาธิบดีสีมีเป้าหมายเพื่อตอกย้ำความสัมพันธ์กับเพื่อนบ้านทางยุทธศาสตร์ที่ได้รับเม็ดเงินลงทุนมหาศาลจากจีนในช่วงหลายปีที่ผ่านมา โดยเฉพาะจากบริษัทที่ย้ายฐานการผลิตหนีภาษีในรัฐบาลทรัมป์สมัยแรก



แม้ดูเหมือนจะราบรื่นแต่ความสัมพันธ์ระหว่างจีนกับเวียดนามก็ยังคงมีรอยร้าวอยู่บ้างจากสถานการณ์ความตึงเครียดในทะเลจีนใต้ ประกอบกับการที่เวียดนามต้องยอมผ่อนปรนให้สหรัฐฯ ในบางเรื่องเพื่อเลี่ยงภาษี เช่น การอนุญาตให้ใช้บริการดาวเทียมสตาร์ลิงก์ (Starlink) หรือการคุมเข้มการค้ากับจีน ซึ่งอาจสร้างความไม่พอใจให้รัฐบาลปักกิ่ง ยิ่งไปกว่านั้น เวียดนามเองก็เพิ่งใช้มาตรการภาษีตอบโต้การทุ่มตลาดกับเหล็กจีน และยกเลิกการยกเว้นภาษีพัสดุมูลค่าต่ำซึ่งถูกมองว่าเป็นการสกัดสินค้าราคา



รับชมทางยูทูบที่ : https://youtu.be/X-RhIhfbq-g

แท็กที่เกี่ยวข้อง  

คุณอาจสนใจ