เศรษฐกิจ
หมัดต่อหมัด! จีนประกาศเก็บภาษีนำเข้าจากสหรัฐฯ เพิ่มเป็น 125% จาก 84%
โดย panisa_p
11 เม.ย. 2568
113 views
ประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ของจีนออกมาพูดถึงสงครามการค้ากับสหรัฐฯ ต่อสาธารณชนเป็นครั้งแรก โดยย้ำว่า จีนไม่เคยหวาดกลัวกับสิ่งที่เกิดขึ้น ไม่มีผู้ใดที่จะชนะในสงครามการค้านี้ ล่าสุดกระทรวงการคลังจีนประกาศเพิ่มการจัดเก็บภาษีสินค้านำเข้าจากสหรัฐฯ เป็น 125 เปอร์เซ็นต์
สถานีโทรทัศน์ CCTV ของทางการจีนรายงานว่า ในระหว่างการพบปะกับนายกรัฐมนตรีเปโดร ซานเชซ ของสเปน ที่กรุงปักกิ่งวันนี้ ประธานาธิบดีสีได้กล่าวว่า จีนไม่ได้หวาดกลัวต่อสิ่งที่เกิดขึ้น เป็นเวลากว่า 70 ปีแล้วที่การพัฒนาประเทศของจีนคือ การพึ่งพาตนเองและทำงานอย่างหนัก จีนไม่เคยพึ่งพาคนอื่น และไม่เกรงกลัวกับความอยุติธรรมใดๆก็ตาม ไม่ว่าสภาพแวดล้อมภายนอกจะเปลี่ยนแปลงไปอย่างไร จีนก็ยังคงมั่นใจ มุ่งเน้น และให้ความสำคัญกับการจัดการกิจการของตนเองให้ดี ประธานาธิบดีสียังกล่าวด้วยว่า ไม่มีใครชนะในสงครามการค้า ที่กำลังส่งผลกระทบต่อตลาดต่างประเทศและความวิตกกังวลต่อเศรษฐกิจโลกที่จะถดถอย และการต่อต้านโลกจะนำไปสู่การโดดเดี่ยวตัวเอง
นี่เป็นครั้งแรกที่ผู้นำจีนออกมาแสดงความคิดเห็นต่อสาธารณชน นับตั้งแต่ที่สงครามการค้าสหรัฐฯ-จีนยกระดับความรุนแรงอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน
ล่าสุดมีรายงานว่า กระทรงการคลังของจีนออกแถลงการณ์เกี่ยวกับมาตรการตอบโต้นโยบายภาษีทรัมป์แล้ว โดยจีนจะขึ้นภาษีสินค้านำเข้าจากสหรัฐฯจากเดิม 84 เปอร์เซนต์เป็น 125 เปอร์เซนต์ มีผลบังคับใช้ในวันที่ 12 เมษายน คือวันพรุ่งนี้ และตอนนี้มีรายงานว่า ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐฯร่วงลงต่ำสุดในรอบ 3 ปีแล้ว
ขณะที่ในสัปดาห์หน้าตั้งแต่วันที่ 14 ถึง 18 เมษายนทนี้ ประธานาธิบดีสี จะเดินทางเยือนเวียดนาม มาเลเซียและกัมพูชา ศูนย์กลางการผลิตแห่งเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ด้วย
โดยประธานาธิบดีสีจะเดินทางเยือนเวียดนามเป็นประเทศแรกตั้งแต่วันที่ 14 ถึง 15 เมษายน ตามคำเชิญของโต เลิม เลขาธิการใหญ่คณะกรรมการกลางพรรคคอมมิวนิสต์เวียดนาม
จากนั้นวันที่ 15 ถึง 18 เมษายนจะเยือนมาเลเซียและกัมพูชา ตามคำเชิญของสุลต่านอิบราฮิม สมเด็จพระราชาธิบดีแห่งมาเลเซีย และกษัตริย์นโรดม สีหมุนี แห่งกัมพูชา
ทั้งนี้เวียดนามและกัมพูชาถูกสหรัฐฯกำหนดขึ้นกำแพงภาษีที่ 46 และ 49 เปอร์เซนต์ตามลำดับ โดยตอนนี้อยู่ระหว่างการระงับการขึ้นภาษีเป็นเวลา 90 วัน
ขณะที่การเยือนมาเลเซีย ก็ต้องจับตามองเป็นพิเศษ เนื่องจากนายกรัฐมนตรีอันวาร์ อิบราฮิม เป็นผู้ที่เรียกร้องให้เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ "ยืนหยัดร่วมกัน" เพื่อต่อต้านมาตรการภาษีนำเข้าของสหรัฐฯ ปัจจุบันมาเลเซียดำรงตำแหน่งประธานอาเซียน และทรัมป์กำหนดตัวเลขจัดเก็บภาษีนำเข้าจากมาเลเซียที่ 24%
มีรายงานว่า ในวันนี้ประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ยังได้เรียกร้องให้สหภาพยุโรปร่วมมือกับจีน เพื่อต่อต้านพฤติกรรมชอบกลั่นแกล้งแต่เพียงฝ่ายเดียวของสหรัฐฯด้วย
สงครามการค้าระหว่างสองชาติมหาอำนาจทางเศรษฐกิจที่ทวีความตึงเครียดในขณะนี้ เป็นสิ่งที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน เป็นสงครามการค้าที่ก่อตัวขึ้นอย่างรวดเร็ว ตอนนี้หลายคนจับตาว่า ใครจะมายื่นข้อเสนอเพื่อเข้ามาเจรจาก่อน
เจ้าหน้าที่ระดับสูงของทำเนียบขาว 2 คนให้สัมภาษณ์กับสื่อต่างประเทศว่า สหรัฐฯ จะไม่ติดต่อกับจีนก่อน เจ้าหน้าที่สองคนนี้บอกว่า ทรัมป์ได้บอกกับทีมงานของเขาว่า จีนต้องเป็นฝ่ายเคลื่อนไหวก่อน เนื่องจากทำเนียบขาวเชื่อว่า จีนเป็นฝ่ายเลือกที่จะตอบโต้และยกระดับสงครามการค้าให้รุนแรงขึ้น
ขณะที่ทางฝั่งรัฐบาลจีนบอกว่า สิ่งที่สหรัฐฯ กำลังทำ ไม่ว่าจะเพิ่มแรงกดดันและการคุกคามต่างๆ ไม่สามารถคลี่คลายข้อพิพาททางการค้าในขณะนี้ได้ การเจรจาอย่างเป็นธรรมเท่านั้นที่จะแก้ปัญหาได้ และถึงแม้ว่าจีนจะเปิดใจให้มีการเจรจา แต่การเจรจาก็จะต้องอยู่บนพื้นฐานของความเคารพซึ่งกันและกัน ความเท่าเทียมกัน แต่สิ่งที่ทรัมป์ทำกับคู่ค้าทั้งหมดรวมถึงจีน โดยมีข้ออ้างต่างๆนั้น เป็นการละเมิดกฎเกณฑ์ระหว่างประเทศ และไม่มีความยุติธรรม
อย่างไรก็ตามในส่วนของเวียดนามก็ยังคงเดินหน้าเจรจาการค้า เพื่อหาทางออก หลังทรัมป์ประกาศมาตรการภาษีสินค้าต่างตอบแทน โดยในวันนี้มีภาพของนายโฮ ดึ๊ก เฟิ๊ก รองนายกรัฐมนตรีของเวียดนามได้เข้าพบกับนายสก็อต เบสเซนต์ รัฐมนตรีคลังสหรัฐฯ เพื่อหารืออย่างเป็นทางการเกี่ยวกับปัญหาเศรษฐกิจและการค้าทวิภาคี การหารือมีขึ้นเมื่อวานนี้ที่กรุงวอชิงตันดีซี.
ในการหารือเมื่อวานนี้รองนายกรัฐมนตรีโฮ ดึ๊ก เฟิ๊ก ยืนยันว่า เวียดนามให้ความสำคัญอย่างยิ่งต่อความร่วมมือเชิงกลยุทธ์กับสหรัฐฯ และมุ่งมั่นที่จะส่งเสริมความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจและการค้าที่สมดุล เป็นหนึ่งเดียวกัน และยั่งยืน
รับชมทางยูทูบที่ : https://youtu.be/LNVLdE-F_nE
แท็กที่เกี่ยวข้อง จีน ,สหรัฐอเมริกา ,ภาษีนำเข้า