เศรษฐกิจ
โลกป่วน หลังผ่านเส้นตาย 11.50 น. กำแพงภาษีทรัมป์มีผลบังคับใช้ ด้านตลาดหุ้นไทย ฮวบแล้ว 4.77 แสนล้าน
โดย panwilai_c
9 เม.ย. 2568
102 views
ตลาดหุ้น-ตลาดทุนทั่วโลก ผันผวนหนัก หลังผ่านเส้นตาย 11.50 น. ตามเวลาประเทศไทย ที่ มาตรการภาษีศุลกากรตอบโต้ (Reciprocal Tariff) ของทรัมป์ มีผลบังคับใช้เต็มรูปแบบ InnovestX ชี้ ตลาดหุ้นไทยเสียหาบเเล้ว 4.77 แสนล้านบาท
โดยดัชนีดาวโจนส์ฟิวเจอร์ ร่วงลงทันที 800 จุด หรือ 2.11% แตะที่ระดับ 37,062 จุด เช่นเดียวกับตลาดหุ้นยุโรป และเอเชีย เปิดมาเช้าวันนี้ ร่วงลงอย่างรุนแรง โดยนักลงทุนเทขายทันที หลังผ่านเส้นตาย เวลา 11.50 น.ตามเวลาไทย ที่มาตรการภาษีศุลกากรตอบโต้ (Reciprocal Tariff) ของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ผู้นำสหรัฐฯ เริ่มมีผลบังคับใช้ โดยเฉพาะจีน ที่ถูกเรียกเก็บภาษีรวมสูงถึง 104% ทำให้เกิดความกังวลเกี่ยวกับผลกระทบทางเศรษฐกิจจากสงครามการค้าที่รุนแรงขึ้น
แต่ภาคบ่ายดีดกลับขึ้นแดนบวกได้ อย่างดัชนีฮั่งเส็งตลาดหุ้นฮ่องกง ที่ปิดบวกในวันนี้ (9 เม.ย.) ตามทิศทางตลาดหุ้นจีน โดยได้แรงหนุนจากการที่จีนออกมาตรการสนับสนุนให้สถาบันการเงินของรัฐบาลเพิ่มการลงทุนในตลาดหุ้น ขณะที่บริษัทจดทะเบียนหลายแห่งของจีนได้ประกาศการซื้อหุ้นคืน ซึ่งความเคลื่อนไหวดังกล่าว ช่วยชดเชยปัจจัยลบจากการที่รัฐบาลสหรัฐฯ บังคับใช้มาตรการภาษีตอบโต้ครั้งใหม่ หนุนตลาดหุ้นจีน ปิดบวกติดต่อกันเป็นวันที่สอง
ขณะที่ตลาดหุ้นไทยผันผวนหนัก ในช่วงเปิดตลาดภาคเช้า ดัชนีร่วงลงไปเกือบ 9 จุด แต่ภาคบ่ายดัชนีดีดบวกกว่า 10 จุด สวนภูมิภาค รับแรงซื้อกลับหุ้นขนาดใหญ่ จากคาดหวังเชิงบวกว่า จีนอาจเจรจามาตรการภาษีกับสหรัฐฯ ซึ่งจีนยังไม่ได้มีมาตรการตอบโต้ โดยสถานการณ์ไม่ได้รุนแรงเหมือนเมื่อวันศุกร์ที่ 4 เม.ย. ที่ผ่านมา ทั้งนี้จีนอยู่ระหว่างการประชุมคณะกรรมการเศรษฐกิจนักลงทุนคาดหวังว่าจะมีมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจรวมทั้งการเจรจาภาษี
InnovestX ระบุว่า ตลาดหุ้นไทยปรับตัวลงต่อเนื่อง นับตั้งแต่วันที่ 3 เมษายน วันที่ทรัมป์ประกาศรายชื่อประเทศที่สหรัฐจะเรียกเก็บภาษีนำเข้า ไทยโดนไป 36% ซึ่งหากเทียบกับราคาปิดวานนี้ (8 เม.ย.) พบว่า พบว่า ดัชนีหุ้นไทยปรับตัวลดลงไปแล้วถึง 98.10 จุด หรือ ลบ 8.37% ทำ Marketcap หรือ มูลค่าตลาดหุ้นไทยลดลงไปแล้วถึง 4.77 แสนล้านบาท (เหลือ 13.28 ล้านล้านบาท) ซึ่ง InnovestX มองความผันผวนของตลาดระยะข้างหน้า ยังคงอยู่ในระดับสูงและแนวโน้มจะเอียงไปทางด้าน Downside โดยเฉพาะในช่วงที่มีการตอบโต้เพิ่มเติม ซึ่งต้องลุ้น หากรัฐบาลสามารถเจรจาต่อรองข้อตกลงภาษีกับสหรัฐฯ ได้ อย่าง Win-Win ก็จะเป็นจุดเปลี่ยนให้ตลาดทุนไทยได้
ขณะที่ ม.ล.ปีกทอง ทองใหญ่ รองประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย เผยผลสำรวจ FTI CEO Poll ในหัวข้อ "มุมมองภาคอุตสาหกรรมต่อการปรับกลยุทธ์รับมือสินค้านำเข้าจากจีน" ได้แสดงความกังวลว่า สินค้าจีนทะลักเข้าไทย จากผลกระทบของสงครามการค้าระหว่างจีนและสหรัฐฯ และความต้องการระบายอุปทานที่ผลิตเกินความต้องการในจีน (Oversupply)
ผู้บริหารภาคอุตสาหกรรม มองว่า การไหลทะลักเข้ามาของสินค้าจีน จะสร้างผลกระทบรุนแรง ทำให้ส่วนแบ่งตลาดของสินค้าไทยลดลง โดยเฉพาะสินค้าในกลุ่มอุปโภคบริโภค เนื่องจากในภาพรวมราคาสินค้านำเข้าจากจีน มีราคาต่ำกว่าสินค้าที่ผลิตในประเทศไทย 20 ถึง 40% ซึ่งเกิดจากความได้เปรียบด้านต้นทุนและเทคโนโลยีการผลิตของจีน ซึ่งจะกระทบกับผู้ประกอบการ SMEs ไทย จนอาจทำให้บางอุตสาหกรรมต้องลดกำลังการผลิต หรือ ปิดกิจการได้ จี้ภาครัฐ ซซึ่งเสนอไปหลายครั้งแล้ว เพิ่มความเข้มงวดการบังคับใช้กฎหมาย เพิ่มบทลงโทษผู้ที่กระทำความผิด และปรับขั้นตอนการพิจารณาใช้มาตรการตอบโต้การทุ่มตลาด และมาตรการตอบโต้การอุดหนุนฯ (Countervailing Duty: CVD) ให้มีประสิทธิภาพและทันกับสถานการณ์ รวมทั้งพัฒนาระบบติดตามแจ้งเตือนปริมาณสินค้านำเข้าที่เพิ่มสูงผิดปกติ เพื่อปกป้องอุตสาหกรรมในประเทศ
รับชมทางยูทูบที่ : https://youtu.be/8O8EMIWxhUA
แท็กที่เกี่ยวข้อง