CIMB THAI ฟันธง พรุ่งนี้ กนง. ลดดอกเบี้ย 0.25%

ลุ้นกันตัวโก่ง กับ ผลประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน หรือ กนง. ในวันพรุ่งนี้ (10 เม.ย.) ว่าท้ายสุดแล้ว จะลด หรือ จะคงดอกเบี้ยไว้เท่าเดิม ซึ่งทั้ง 2 แนวทาง จะส่งผลต่อค่าเงินบาท เงินทุนไหลออก และราคาทองในประเทศ



นายอมรเทพ จาวะลา ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ และผู้บริหารสำนักวิจัย ธนาคารซีไอเอ็มบีไทย (CIMBT) ฟันธงฉับ คณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) วันพรุ่งนี้ (10 เม.ย.) จะได้เห็นการลดดอกเบี้ยนโยบายลง 0.25% ครั้งแรกของปีนี้ ซึ่งไม่ใช่แรงกดดันจากฝ่ายการเมือง แต่ กนง.ต้องการผ่อนคลายมาตรการการเงิน จาก 3 ปัจจัย



คือ เหตุผลที่เศรษฐกิจไทยยังฟื้นตัวได้ค่อนข้างช้า ไตรมาสแรก และอาจโยงไปถึงไตรมาส 2 น่าจะออกมาอ่อนแอ โดยไตรมาสแรกอาจโตไม่ถึง 1% เทียบปีก่อน รัฐบาลยังขาดงบประมาณกระตุ้นเศรษฐกิจ การบริโภคภาคเอกชนอ่อนแอมาก การผลิตก็ย่ำแย่ การลงทุนและการส่งออกฟื้นตัวช้า โดยมีเพียงตัวขับเคลื่อนเดียว คือ ภาคการท่องเที่ยว



ปัจจัยที่ 2 ศักยภาพการเติบโตของเศรษฐกิจไทย มีแนวโน้มจะโตต่ำลงไปเรื่อยๆ ทั้งปัญหาเชิงโครงสร้างจากการขาดการลงทุน ขาดแรงงาน สังคมสูงวัย ซึ่งอัตราดอกเบี้ยนโยบายน่าปรับสมดุลย์ใหม่ให้เข้ากับบริบทเศรษฐกิจไทยที่โตได้ต่ำลง และปัจจัยพิเศษ ค่าเงินบาทอาจมีมูลค่ามากเกินไป หรือ overvalued เห็นจากการส่งออกที่ไม่รวมทองคำเดือนล่าสุดแทบไม่โต การส่งออกเสี่ยงขยายตัวต่ำ การลงทุนขาดแรงจูงใจ สินค้าไทยขาดความสามารถในการแข่งขัน จากภาวะเศรษฐกิจไทยที่ยังซึมตัวในช่วงนี้ จึงเป็นเหตุผลสนับสนุนให้มีการผ่อนคลายมาตรการทางการเงินได้ และหลังการประชุมครั้งนี้ ก็คาดว่า กนง. มีโอกาสลดดอกเบี้ยลงอีก 1 ครั้งในช่วงปลายปี ซึ่งจะทำให้ ณ สิ้นปี 67 ดอกเบี้ยนโยบายน่าจะลงไปอยู่ที่ 2% จากปัจจุบันอยู่ที่ระดับ 2.50%



ทั้งนี้ ถ้าในวันพรุ่งนี้ กนง. ลดดอกเบี้ยจริง ก็จะเป็นการลดดอกเบี้ยก่อนธนาคารกลางสหรัฐฯ หรือ Fed ซึ่งยังประเมินไม่ได้ว่า จะมีผลกระทบต่อความเชื่อมั่นต่อนักลงทุนต่างชาติอย่างไร เพราะอาจทำให้นักลงทุนต่างชาติเทขายทิ้งสินทรัพย์ที่เป็นเงินบาท ก่อนที่จะมีการลดดอกเบี้ยจริง และคาดการณ์ว่า เงินบาทจะอ่อนค่าถึง 37 บาทต่อดอลลาร์ ภายในสิ้นปีนี้

ขณะที่ราคาทองคำ ผันผวนในกรอบแคบๆ แต่ยังคงไต่ระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ ตามราคาทองคำตลาดโลก ที่ขานรับข่าวธนาคารกลางหลายแห่งเข้าซื้อทองคำ โดยความไม่แน่นอนที่เกิดขึ้น ทั้งจากสงครามในยูเครนและฉนวนกาซา จะยังคงเป็นปัจจัยหนุนราคาทองคำ



นักวิเคราะห์ในตลาดวอลล์สตรีท คาดการณ์ว่า ราคาทองมีแนวโน้มปรับตัวขึ้นอย่างต่อเนื่อง อย่างน้อยก็จนถึงช่วงครึ่งหลังของปีนี้



ก่อนหน้านี้ นักวิเคราะห์จากซิตี้กรุ๊ป ก็มองว่า ทองคำจะได้รับแรงซื้อในฐานะสินทรัพย์ที่ปลอดภัยในช่วงเวลาที่ประเทศในกลุ่มพัฒนาแล้วมีความเสี่ยงที่จะเผชิญกับภาวะถดถอย



ขณะที่การประชุม ครม. วันนี้ ได้ไฟเขียวมาตรการกระตุ้นภาคอสังหาริมทรัพย์ ซึ่งหลักๆ คือ การลดค่าธรรมเนียมโอนและจดจำนองเหลือ 0.01% ที่สำคัญมีการขยับระดับราคา จากไม่เกิน 3 ล้านบาท เป็นไม่เกิน 7 ล้านบาท ถึงสิ้นปีนี้ ซึ่งผู้ประกอบการภาคอสังหาฯ มองว่า จะเป็นประโยชน์มาก เพราะบ้านราคาไม่เกิน 7 ล้านบาท มีสัดส่วนมากกว่า 85% ของการซื้อขายที่อยู่อาศัยทั้งประเทศ ขณะที่กลุ่มไม่เกิน 3 ล้านบาท จะติดเรื่องกำลังซื้อเปราะบาง กู้ไม่ผ่านสูง และยังส่งผลต่อธุรกิจเชื่อมโยงอีกจำนวนมาก ทั้งวัสดุก่อสร้าง แรงงาน และสินค้าตกแต่งบ้าน เป็นต้น

รับชมทางยูทูบที่ : https://youtu.be/40_b4KUS2SU