สภาตลาดฯ หนุนแจกเงินดิจิทัล เชื่อรัฐบาลมาถูกทาง มั่นใจไม่กระทบเครดิตประเทศ

นายกอบศักดิ์ ภูตระกูล ประธานสภาธุรกิจตลาดทุนไทย และกรรมการรองผู้จัดการใหญ่ ธนาคารกรุงเทพ กล่าวว่า รายละเอียดการแจกเงินดิจิทัล 1 หมื่นบาท ที่ออกมา โดยใช้เงินจาก พระราชบัญญัติกู้เงิน และต้องขอความเห็นชอบจากรัฐสภา เชื่อว่าเป็นเรื่องที่มาถูกทาง มีความโปร่งใส ตรวจสอบได้ หากเทียบกับแบบเดิม ที่มีแผนจะกู้เงินจากรัฐวิสาหกิจ หรือ สถาบันการเงินของรัฐ ผ่านมาตรา 28 ที่สร้างความน่ากังวลใจ เพราะหลายคนจับตาเรื่องนี้ใกล้ชิด หากทำแบบนั้น ปัญหาอาจตามมาได้ และหลังจากนี้ก็ต้องติดตามต่อว่า สุดท้ายแล้ว การแจกเงินจะเป็นตัวเลขไหน เพราะเมื่อเข้าสภาฯ ตัวเลขอาจเปลี่ยนแปลงได้อีก

ทั้งนี้แม้การแจกเงินดิจิทัล จะมีส่วนทำให้หนี้สาธารณะต่อจีดีพี ปรับตัวเพิ่มขึ้น แต่คงไม่กระทบทำให้ไทยถูกลดอันดับเครดิตเรตติ้งในระยะข้างหน้า อย่างไรก็ตามแม้จะมีผลบวกจากโครงการแจกเงินดิจิทัล แต่คาดการณ์ การขยายตัวของเศรษฐกิจปี67 จะเติบโตได้เพียง 3-4% เท่านั้น เนื่องจากสถานการณ์เศรษฐกิจโลกถือว่ามีความน่ากังวล ทั้งจากสถานการณ์เศรษฐกิจในยุโรป จีน ที่ยังมีปัญหา ดังนั้นไม่ใช่เวลาเวลาที่จะบอกว่าจะทำอย่างไรให้เศรษฐกิจเติบโตไปถึง 5% แต่สิ่งสำคัญคือ ต้องประคองให้เศรษฐกิจไทยเราผ่านสถานการณ์ความท้าทายไปได้เป็นเรื่องที่สำคัญกว่า


ขณะที่นายญนน์ โภคทรัพย์ ประธานสมาคมผู้ค้าปลีกไทย เสนอแนะให้ขยับเวลาประกาศใช้ มมาเป็นเดือนเมษายนแทนพฤษภาคม จะสร้าง impact ให้โครงการนี้มากยิ่งขึ้น เพราะเป็นช่วงที่ประชาชนส่วนใหญ่เดินทางกลับภูมิลำเนา นอกจากนี้โครงการดังกล่าวยังสร้างส่งผลดีต่อผู้ประกอบการ SME ในภาคค้าปลีกและบริการทั่วประเทศ รวมถึงอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวที่มีมากกว่า 2.4 ล้านราย คิดเป็น 80% ของ SME ทั้งประเทศ จะได้รับอานิสงส์โดยตรงจากโครงการนี้ รวมถึงร้านค้าย่อยในชุมชนต่างๆ ทำให้เกิดการจ้างงานเพิ่มขึ้น

ซึ่งหากโครงการฯดังกล่าวประสบความสำเร็จจะนับได้ว่าเป็นการกระตุ้นให้เกิดการหมุนเวียนในระบบเศรษฐกิจอย่างรวดเร็ว นอกจากนี้ยังมี โครงการ e-Refund ที่จะมากระตุ้นการจับจ่ายของกลุ่มคนที่มีกำลังซื้อ อย่างไรก็ดี หลักเกณฑ์การใช้ต้องรัดกุม คำนึงถึงความสะดวกในการใช้งาน ให้ปฏิบัติได้จริง เพื่อให้เกิดการกระตุ้นเศรษฐกิจอย่างทั่วถึง

รับชมทางยูทูบที่ : https://youtu.be/2BWhFJjQqcE