สภานายจ้างฯ สู้ไหว ขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ 5-8% ช่วยค่าครองชีพยุคเงินเฟ้อ

สภาองค์การนายจ้างฯ ระบุ รับได้ ขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ 5 - 8% สะท้อนอัตราเงินเฟ้อและค่าครองชีพที่สูงขึ้น



นายธนิต โสรัตน์ รองประธานสภาองค์การนายจ้างผู้ประกอบการค้าและอุตสาหกรรมไทย กล่าวว่า การขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ 5-8% ตามที่รัฐบาลจะพิจารณาในเดือนสิงหาคมนี้ และให้มีผลวันที่ 1 มกราคม ปี 66 หรือ เร็วสุดภายในสิ้นปีนี้ หากสะท้อนตามอัตราเงินเฟ้อที่สูงขึ้นเฉลี่ย 5-10% ผู้ประกอบการก็รับได้ในภาวะปัจจุบัน ที่ค่าครองชีพสูงขึ้น



โดยปัจจุบันค่าจ้างแต่ละจังหวัดจะไม่เท่ากัน ต่ำสุดวันละ 313 บาท และสูงสุดวันละ 336 บาท ซึ่งมีเพียงจังหวัดชลบุรีและจังหวัดภูเก็ตเท่านั้น ที่ได้รับอัตราสูงสุด หากขึ้นอีก 5-8% ค่าแรงขั้นต่ำก็จะเพิ่มขึ้นอีก 25 - 28 บาทต่อวัน



โดยการขึ้นค่าแรงขั้นต่ำที่รัฐบาลจะปรับขึ้น ถือว่าจะช่วยให้แรงงานสามารถประคับคองภาระค่าครองชีพได้ แม้จะเป็นการเพิ่มค่าใช้จ่ายให้ผู้ประกอบการ แต่หากมองในภาพรวม หากแรงงานมีกำลังซื้อ ก็จะส่งผลดีต่อภาพรวมเศรษฐกิจของประเทศ



อย่างไรก็ดี ทั้งเงินเฟ้อ บาทอ่อน สินค้าราคาแพง และการขาดแคลนวัตถุดิบ ยังมีผลต่อภาพรวมตลาดแรงงานในครึ่งปีหลัง ที่จะยังคงฟื้นตัวอย่างเปราะบางตามภาวะเศรษฐกิจ



นายสนั่น อังอุบลกุล ประธานกรรมการหอการค้าไทย กล่าวว่า หอการค้าไทย สนับสนุนมาตลอดว่า ต้องมีการปรับขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ เนื่องจากอัตราเงินเฟ้อสูง ขณะเดียวกันถ้าไม่ปรับค่าแรง และสินค้าปรับตัวสูงขึ้น จะส่งผลโดยตรงต่อคนที่มีรายได้ต่ำได้รับผลกระทบมาก โดยอัตราการปรับขึ้น 5-8% เป็นอัตราที่เหมาะสม แต่ไม่เห็นด้วยเด็ดขาด ถ้าขึ้นอัตราเดียวทั่วประเทศ เนื่องจากเศรษฐกิจแต่ละพื้นที่ไม่เหมือนกัน

รับชมทางยูทูบที่ : https://youtu.be/gRHQ29iGIbI