ห่วง "เงินบาทอ่อน" ทำต้นทุนนำเข้าปุ๋ย-น้ำมันพุ่ง ลามกระทบค่าใช้จ่ายประชาชน

นักเศรษฐศาสตร์ ห่วง เงินบาทอ่อน ทำให้ต้นทุนการนำเข้าปุ๋ย -น้ำมันสูงขึ้น และเป็นตัวเร่งราคาขายปลีกในประเทศ ลามเป็นลูกโซ่กระทบค่าใช้จ่ายประชาชนพุ่ง

นายอมรเทพ จาวะลา ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ สำนักวิจัย ธนาคารซีไอเอ็มบี ไทย มองแนวโน้มว่า ค่าเงินบาทจะอ่อนตัวหนัก หรือ พีค ในช่วงไตรมาส 2 ของปีนี้ มีโอกาสอ่อนตัวลงได้ถึง 34.5 ถึง 35 บาทต่อดอลล่าร์ จากนั้นจะเริ่มกลับสู่ในระดับ 33 บาทต่อดอลล่าร์สหรัฐ ในช่วงปลายปี ซึ่งสถานการณ์เงินบาทอ่อนค่านี้ แม้จะเป็นผลดีต่อภาคการส่งออก และการท่องเที่ยว แต่ในมุมการนำเข้าสินค้าจากต่างประเทศ ก็จะมีต้นทุนที่สูงขึ้น โดยเฉพาะน้ำมัน และปุ๋ย กระทบเป็นลูกโซ่ไปยังต้นทุนการผลิตสินค้า และการขนส่ง ทำให้ราคาสินค้าให้แพงขึ้น และกระทบต่อต้นทุนการใช้ชีวิตของประชาชนอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้

ส่งผลกำลังซื้อของประชาชนลดลง นำไปสู่แนวโน้มการก่อหนี้เพิ่ม และเศรษฐกิจเสี่ยงโตช้า โดยมองว่าภาครัฐต้องใช้มาตรการทางการคลัง เพื่อประคองเศรษฐกิจ และดูแลค่าครองชีพให้ตรงจุด เพราะเชื่อว่าแบงก์ชาติ น่าจะปล่อยค่าเงินบาทให้เคลื่อนไหวไปในทิศทางเดียวกับภูมิภาค พร้อมกับการรักษาเสถียรภาพค่าเงินบาทไม่ให้อ่อนค่ามากเกินไป แต่คงไม่ใช่การปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย เพื่อชะลอการอ่อนค่าของเงินบาท

ขณะที่กระทรวงพลังงาน ห่วงเงินบาทที่อ่อนค่าสุดในรอบ 5 ปี จะทำให้ต้นทุนการนำเข้าน้ำมันแพงขึ้นไปด้วย และเป็นตัวเร่งราคาขายปลีกในประเทศปรับตัวสูงขึ้น ซึ่งจากราคาน้ำมันดิบที่ยังอยู่ระดับสูง ประกอบเงินบาท น่าจะทำให้ในวันที่ 9 พฤษภาคมนี้ ราคาน้ำมันดีเซล จะต้องขึ้นอีกลิตรละ 1 บาท ทำให้ราคาขายปลีกปรับเป็น 32.94 บาทต่อลิตร

ล่าสุด ราคาน้ำมันดิบเวสเท็กซัส พุ่งขึ้น 3.10 ดอลลาร์ หรือ 3.03% แตะที่ 105.51 ดอลลาร์/บาร์เรล หลังจากประธานคณะกรรมาธิการยุโรป ได้เสนอให้ประเทศสมาชิก EU ระงับการนำเข้าน้ำมันดิบ และผลิตภัณฑ์น้ำมันกลั่นจากรัสเซีย เพื่อตอบโต้รัสเซียที่ใช้กำลังทหารรุกรานยูเครน

ชมผ่านยูทูบ : https://youtu.be/Xpf5ars0lqA