ภาคเอกชนอุทาน “หมดกัน” ชี้การเมืองซ้ำเติมเศรษฐกิจอ่อนแอ แนะนายกฯ ลาออก กระทบน้อยสุด

ภาคเอกชนอุทาน “หมดกัน” ปมคลิปเสียงนายกฯ ชี้เศรษฐกิจไทยอ่อนแอจากปัจจัยลบรอบด้าน ยังถูกซ้ำเติมด้วยการเมืองในประเทศ แนะนายกฯ ลาออก เปลี่ยนรัฐบาล กระทบเศรษฐกิจน้อยสุด

วันที่ 19 มิ.ย.68 นายธนิต โสรัตน์ รองประธานองค์การนายจ้างผู้ประกอบการการค้าและอุตสาหกรรมไทย กล่าวว่า เศรษฐกิจไทยที่อ่อนแออยู่แล้วจากปัจจัยลบรอบด้าน ทั้งภาษีทรัมป์, ภาวะหนี้ครัวเรือนสูง, การท่องเที่ยวทรุด วันนี้ยังถูกซ้ำเติมด้วยการเมืองในประเทศ จากคลิปเสียงนายกรัฐมนตรี ที่ทำให้นายกฯ หมดความชอบธรรมในการดำรงตำแหน่ง แม้จะชี้แจงว่าเป็น “เทคนิคการเจรจา” ก็ตาม

โดยมองว่า หากนายกรัฐมนตรีตัดสินใจ “ลาออก” แล้วเปิดทางให้คนใหม่เข้ามา จะส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจประเทศน้อยกว่าการ “ยุบสภา” หรือ การ “รัฐประหาร” เพราะหากยุบสภาจะทำให้เกิดภาวะสูญญากาศ กระทบการพิจารณางบประมาณปี 69 และหากบานปลายไปถึงขึ้นเกิดรัฐประหาร จะเป็นการปิดประตูการเจรจากับสหรัฐฯ ทันที ความเสียหายจะมากจนไม่สามารถคาดการณ์ได้

ขณะที่นายอดิษฐ์ ชัยรัตนานนท์ เลขาธิการสมาคมไทยธุรกิจการท่องเที่ยว ถึงกับอุทานว่า “หมดกัน” โครงการขนาดใหญ่ที่จะมากระตุ้นท่องเที่ยว อย่าง “เที่ยวคนละครึ่ง” ที่กำลังจะออกมา อาจไปไม่ถึงฝั่งฝัน วันนี้ผู้ประกอบการต่างชาติสอบถามเข้ามามากและตกใจว่ารัฐบาลเกิดอะไรขึ้น! ตอนนี้ต้องปากกัดตีนถีบกันไปก่อน

พร้อมเสนอทางออกที่ดีที่สุดในขณะนี้ คือ การเปลี่ยนรัฐบาล โดยตั้งรัฐบาลรักษาการ ให้ผู้ที่ได้รับความน่าเชื่อถือ ซึ่งอาจเป็นคนนอกที่มีความรู้ความสามารถเข้ามา เพื่อผลักดันงบประมาณปี 69 ให้แล้วเสร็จ หลังจากนั้นค่อยยุบสภา จัดการเลือกตั้งใหม่ อย่างไรก็ตามขอให้ทุกฝ่ายมองถึงประโยชน์ส่วนรวม และหาทาง soft landing ให้กระทบต่อประเทศชาติน้อยที่สุด ไม่ถึงขั้นต้องรัฐประหาร

ด้านนายพจน์ อร่ามวัฒนานนท์ ประธานกรรมการหอการค้าไทย บอกว่า ในมุมภาคเอกชนต้องการให้การเมืองมีความชัดเจนให้เร็วที่สุด และสิ่งที่ถูกตั้งคำถามหลังจากนี้ คือ นโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจ 1.57 แสนล้านบาท, การเจรจา FTA กับสหภาพยุโรป และการเจรจาการค้ากับสหรัฐฯ จะดำเนินการอย่างไรต่อไป?