เศรษฐกิจ
“แอตต้า” จ่อชงยื่นสมุดปกขาวนายกฯ ฟื้นท่องเที่ยว พร้อมทวงโครงการเที่ยวไทยคนละครึ่ง
โดย nicharee_m
5 พ.ค. 2568
270 views
ภาคเอกชนท่องเที่ยวเล็งหารือสัปดาห์หน้า ยื่นสมุดปกขาวชงนายกฯ ออกแพ็คเกจมาตรการกระตุ้นท่องเที่ยวรับมือพายุทรัมป์ พร้อมทวงโครงการเที่ยวไทยคนละครึ่ง
นายอดิษฐ์ ชัยรัตนานนท์ เลขาธิการสมาคมไทยธุรกิจการท่องเที่ยว หรือ แอตต้า เปิดเผยว่า หลังจากที่สมาคมได้หารือร่วมกับภาครัฐและเอกชน พร้อมยื่นหนังสือถึงรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาถึงข้อเสนอเพื่อกระตุ้นตลาดท่องเที่ยวรองรับภาวะเศรษฐกิจที่ซบเซาไปแล้ว ล่าสุดเตรียมหารือสมาคมด้านท่องเที่ยวต่างๆ ในสัปดาห์หน้า เพื่อขอเข้าพบนายกรัฐมนตรีและยื่นสมุดปกขาวโดยเร็วที่สุดภายในเดือนนี้
ข้อเสนอเบื้องต้นคือ รัฐบาลต้องทำโมเดลป้องกันวิกฤติ โดยแอตต้าได้เสนอของบประมาณจากรัฐบาล 300 ล้านบาท เพื่อสนับสนุนค่าอินเซนทีฟ ในการทำชาร์เตอร์ไฟลท์ (charter flight) หรือเที่ยวบินเช่าเหมาลำ 3.5 – 4.5 แสนบาทต่อเที่ยวบิน หรือรวมวงเงินทั้งโครงการประมาณ 300 ล้านบาท เพื่อดึงนักท่องเที่ยวจาก 20 เมืองรองของจีน จำนวน 1,000 เที่ยวบิน ในช่วง 3 เดือน ซึ่งต้องรีบทำตั้งแต่เดือนมิถุนายน ถึงกันยายนนี้ โดยแต่ละเที่ยวบินจะต้องมีอัตราบรรทุกที่นั่งบนโดยสารเครื่องบิน 70-80% หรือ 150 คน พร้อมกำหนดเงื่อนไขต้องพักขั้นต่ำไม่น้อยกว่า 4-5 คืน คาดว่าจะดึงนักท่องเที่ยว 150,000 คน สร้างรายได้ราว 8,300 ล้านบาท
เนื่องจากตลาดจีนกำลังลงเหว ตอนนี้มีเที่ยวบินจากจีนมาไทยราว 136 เที่ยวบินต่อวัน หลังนักท่องเที่ยวจีนจากเมืองหลักเปลี่ยนไปเที่ยวเวียดนามและญี่ปุ่น หลังกังวลความปลอดภัยในประเทศไทยจากข่าวจีนเทา และอาชญากรรมต่างๆ ประกอบกับค่าเงินเยนที่ญี่ปุ่นถูกลง ซึ่งการใช้จ่ายของนักท่องเที่ยวจีน 45% คือการช็อปปิ้ง
ซึ่งเมื่อตลาดจีนเมืองหลักหายไป ไทยจะหาตลาดทดแทนจากประเทศอื่นก็ทำได้ยาก เพราะแม้แต่นักท่องเที่ยวจากรัสเซีย อินเดีย เกาหลี ก็มีความเสี่ยง จึงต้องยังคงจับนักท่องเที่ยวจีนแต่เลือกเมืองรองอันดับ 2 -3 แทน เพราะหากจำนวนนักท่องเที่ยวจีนลดลงเรื่อยๆ แนวโน้มครึ่งหลังของปี 2568 เที่ยวบินอาจถูกยกเลิกเกือบ 70% ของเที่ยวบินทั้งหมด
รวมทั้งเสนอโครงการเมกกะแฟมทริป โดยเชิญเอเย่นต์ทัวร์จีน จำนวน 300 คน และสื่อมวลชน อินฟลูเอนเซอร์จีน จำนวน 100 คน เพื่อมาสำรวจการตลาดในไทย เพื่อสร้างความเชื่อมั่นว่าไทยปลอดภัย งบประมาณ 20 ล้านบาท ทั้งนี้หากรัฐบาลไม่ทำอะไรเลย มองว่าเป้าหมายนักท่องเที่ยวจีนมาไทยปีนี้ ที่แม้จะปรับเป้าลดลงมาเหลือ 5 คน จากเดิม 6.7 ล้านคน ก็อาจทำได้ยาก
ส่วนเป้าหมายการท่องเที่ยวในประเทศ 205 ล้านคนครั้ง แม้จะยังพอเป็นไปได้แต่ก็ต้องมีมาตรการกระตุ้นเช่นกัน อย่างวันหยุดยาวล่าสุด ไปเที่ยวภาคตะวันออกสังเกตคนไม่มาก การจับจ่ายไม่คึกคัก สังเกตตามร้านรวงต่างๆ หรือรัฐบาลจะต้องเร่งออกโครงการเที่ยวไทยคนละครึ่ง ที่จะช่วยกระตุ้นตลาดคนไทยมาช่วยช่วง low season ในกลุ่มคนไทยที่ยังอยากเที่ยวและมีกำลังใช้จ่ายซึ่งมีอยู่ราว 20% ของคนไทยเที่ยวไทยทั้งหมด
แต่ยอมรับว่าการใช้จ่าย อาจลดลงกว่าครั้งก่อน เพราะช่วงนี้ทุกฝ่ายรณรงค์ให้คนไทยรัดเข็มขัดรองรับผลกระทบทางเศรษฐกิจ อาจทำให้คนใช้จ่ายน้อยกว่าคาดได้ อย่างบางแสนที่พบว่า วันหยุดยาวคนไปเที่ยวจำนวนมากเหมือนเดิม แต่ร้านค้ามียอดขายลดลงกว่าครึ่ง ประกอบกับช่วงเดือนพฤษภาคมเริ่มเปิดเทอม เข้าหน้าฝน ฤดูเข้าพรรษา โดยปกติกิจกรรมทางเศรษฐกิจจะชอลอตัว คนไทยส่วนใหญ่เป็นเกษตรกรจะต้องกลับไปทำไร่ ทำนา ทำสวน ช่วงหน้าฝน การเดินทางก็ไม่สะดวกนัก การท่องเที่ยวก็จะมีผลกระทบเช่นกัน สำหรับตลาดคนไทย
พร้อมเสนอให้รัฐบาลออกแคมเปญให้บริษัทจัดอบรม สัมนา ท่องเที่ยวในประเทศ ลดหย่อนภาษีได้ 2 เท่า โดยเจรจากับสายการบินเพื่อออกแพ็คเกจสำหรับกรุ๊ปอินเซนทีฟขนาดใหญ่ 50 หรือ 100 หรือ 150 คน ออกตั๋ว bulk ราคาพิเศษ เส้นทางภายในประเทศ และจับมือกับโรงแรม ให้ราคาพิเศษสำหรับกลุ่ม MICE หรือการประชุมสัมมนา โดยทำกิจกรรมร่วมกับ ท้องถิ่น ให้ชุมชนแหล่งท่องเที่ยว แข่งขัน ทำตลาดในประเทศ ชุมชนใดได้นักท่องเที่ยวเข้าพื้นที่มากที่สุดในเกณฑ์ขั้นต่ำ ที่เป็นเป้าหมายทั้งรายได้ และ จำนวนนักท่องเที่ยว มีรางวัล และ โล่ห์เกียรติยศ ซึ่งเป็น การกระตุ้นการพัฒนาชุมชนแข่งกันทำแผนการตลาดที่เห็นผลในทางปฏิบัติ และเพิ่มอุณหภูมิการแข่งขันการท่องเที่ยวในประเทศ
ด้านนายเทียนประสิทธิ์ ไชยภัทรานันท์ นายกสมาคมโรงแรมไทย ได้ทวงถามโครงการเที่ยวไทยคนละครึ่งจากรัฐบาล หลังจากที่ยังไม่ได้ประกาศรายละเอียดและเลื่อนการ kick off โครงการออกไปจากเดือน พ.ค. เท่าที่เอกชนทราบรายละเอียดในตอนนี้ คือสำหรับเมืองหลวงก็จะได้รับการช่วยค่าใช้จ่าย 50% และเมืองหลัก 40% โดยให้เที่ยววันธรรมดา
ส่วนตัวมองว่า ก็จะจะช่วยกระตุ้นการท่องเที่ยวภายในประเทศได้ แต่ด้วยสถานการณ์ทางเศรษฐกิจที่เปลี่ยนแปลงหลังไทยได้รับผลกระทบจากเศรษฐกิจโลกมากขึ้น ส่วนตัวมองว่าอยากให้เทศบาลกำหนดเงื่อนไขว่าเที่ยวที่ไหนก็ใช้สิทธิ์ได้ เพราะถือว่าเงินจะหมุนในระบบเหมือนกัน และขอให้ออกไปใช้จ่ายนอกจังหวัดที่ตัวเองพักอาศัย เชื่อว่าจากกระตุ้นได้มากกว่า
พร้อมคาดหวังรัฐบาลจะอนุมัติโครงการเมกะแฟมทริปของจีน เพื่อดึงกลุ่มสื่อ อินฟลู คณะใหญ่มาเที่ยวไทยปลายเดือน พ.ค.นี้ ซึ่งคงต้องรอที่ประชุม ครม.พิจารณา
พร้อมเสนอให้รัฐบาลทำแท็กรีฟันด์ได้ที่ร้านค้า โดยอาจกำหนดเป็นมาตรการกระตุ้นระยะสั้น 2 ถึง 3ปี เพื่อให้ครอบคลุมช่วงที่เศรษฐกิจผันผวนและเสี่ยงต่อการลดลงของนักท่องเที่ยว เห็นได้จากออกมาตรการแท็ครีฟันด์ภายในร้านค้า สำหรับการใช้จ่าย 500 หยวนขึ้นไป โดยเสนอรัฐบาลทำแอปพลิเคชั่น มาใช้ในการอำนวยความสะดวก และเพื่อสามารถเช็คได้ว่าเป็นนักท่องเที่ยวตัวจริง
ตั้งแต่เดือนเมษายนเป็นต้นมาเริ่มเข้าสู่ช่วงโลว์ซีซั่น อัตราการเข้าพักในโรงแรมโดยเฉลี่ยทั่วประเทศ 60% และตอนนี้เริ่มลดลงเหลือ 50% ส่วนหนึ่งมาจากผลกระทบทางเศรษฐกิจและนักท่องเที่ยวจีนเลือกไปเที่ยวที่อื่นแทน แต่ในช่วงเดือนมิถุนายนจนถึงสิงหาคมเป็นฤดูกาลที่นักท่องเที่ยวจากตะวันออกกลางจะเข้ามาไทย เชื่อว่าเป็นประเทศที่ได้รับผลกระทบจากสงครามการค้าของสหรัฐฯ จะเข้ามาเติมเต็มนักท่องเที่ยวในช่วงโลว์ซีซั่นได้
ทั้งนี้เข้าใจดีว่ารัฐบาลคงต้องเร่งดูแลภาคการผลิตและภาคส่งออกก่อนเพราะได้รับผลกระทบโดยตรงจากสงครามการค้าที่ยังไร้ข้อสรุปว่าจะจบแบบไหน ส่วนการท่องเที่ยวมองว่าจะได้รับผลกระทบทางอ้อมหลังจากทั่วโลกซบเซาอาจจะทำให้มาเที่ยวไทยน้อยลงซึ่งเมื่อถึงตอนนั้นรัฐบาลคงสามารถมองผลกระทบออกได้
แท็กที่เกี่ยวข้อง ธุรกิจการท่องเที่ยว ,แอตต้า ,โครงการเที่ยวไทยคนละครึ่ง