เศรษฐกิจ

คลังปรับเกณฑ์ ‘คุณสู้เราช่วย’ เปิดกว้างให้ลูกหนี้เข้าร่วม ตั้งเป้าขยายเพิ่มอีก 2 ล้านราย หลังเฟสแรกไม่เข้าเป้า

โดย petchpawee_k

2 พ.ค. 2568

637 views

วานนี้ 1 พ.ค.2568 นายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรีและ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวในงาน MOF Journey 150 ปีเส้นทางการคลังไทย ว่ารัฐบาลกำลังพิจารณาปรับเกณฑ์โครงการคุณสู้เราช่วย ให้ครอบคลุมวงเงินหนี้ที่สูงขึ้น คือ ผู้ที่มีหนี้เสียยอดหนี้ไม่เกิน 5,000 บาท ที่เข้าร่วมมาตรการ “จ่าย ปิด จบ” โดยลูกหนี้จะได้รับการปรับโครงสร้างหนี้แบบผ่อนปรน คือให้ชำระหนี้ 10% ของยอดหนี้คงเหลือ แล้วส่วนที่เหลือสถาบันการเงินจะยกหนี้ให้เพื่อให้สามารถจ่ายและปิดจบหนี้ได้ *ให้ปรับเพิ่มวงเงินหนี้เป็น 10,000-30,000 บาทต่อบัญชี เพื่อดึงคนเข้ามาปรับปรุงหนี้ เนื่องจากในเฟสแรกพบว่าคนที่เข้ามาในโครงการส่วนใหญ่เป็นกลุ่ม S, M ซึ่งจะเห็นได้จากยอดหนี้ของกลุ่ม S, M ในเดือนมีนาคมที่ผ่านมาลดลง ทำให้คนที่จะไหลเข้าสู่ภาวะหนี้เสีย หรือ NPL น้อยลง

ในส่วนของ NPL ที่ต่ำกว่า 100,000 บาทเมื่อพิจารณาแล้ว จะแยกได้เป็น 3 ส่วน คือ ธนาคารพาณิชย์ ธนาคารเฉพาะกิจของรัฐ และ นอน-แบงก์ ซึ่งยังไม่ต้องถึงขั้นต้องซื้อหนี้ โอนหนี้ แต่มองว่าต้องปรับไปโดยธรรมชาติ ในส่วนของธนาคารเฉพาะกิจของรัฐ ติดหนี้หลักพันหลักร้อย ก็สามารถลดได้อยู่แล้วผ่านโครงการต่างๆ

ธนาคารออมสินกว่า 4 แสนราย ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) ลดไปแล้ว 2 แสน 5 หมื่นราย เหลืออีกราว 6 หมื่น 7 พันราย ซึ่งเป็นกลุ่มที่ค้างนานมากอายุเกิน 70 ปีค่อนข้างเยอะ * โดยจะทยอยเสนอปรับเงื่อนไขธนาคารเฉพาะกิจของรัฐ ต่อที่ประชุมคณะรัฐมนตรี หรือ ครม. ในช่วงเดือนมิถุนายน-กรกฎาคม

ส่วนหนี้ในกลุ่มธนาคารพาณิชย์ ซึ่งดูแล้วกลุ่มที่มีหนี้เสียไม่เกินแสนล้านบาทต่อราย รวมแล้วน่าจะมียอดหนี้ไม่เกินหมื่นกว่าล้านบาท ซึ่งคลังจะไปหารือ ว่าจะใช้แนวทางอย่างไร อาจเป็นเพราะที่ผ่านมาเห็นว่ายอดไม่มากเลยไม่ได้เข้าไปจัดการ  ส่วนที่เหลือเป็นพวกบัตรเครดิต บัตรกดเงินสดต่างๆ รวมแล้ว 7-8 หมื่นล้านบาท จะต้องมานั่งดูรายละเอียดว่า มีหนี้ประเภทใดบ้าง และดูเป็นรายบุคคลไป หากสามารถแก้ใน 3 ส่วนนี้ได้ ก็จะช่วยแก้หนี้ได้กว่า 3 ล้านราย จากคนเป็นหนี้ทั้งหมด 5.4 ล้านราย

ส่วนกลุ่มที่มีหนี้เสีย 1 แสนบาทขึ้นไป อีกประมาณ 2 ล้านคน เชื่อว่าส่วนใหญ่มีหลักทรัพย์ค้ำประกัน เพราะฉะนั้นคนที่จะแก้หนี้ได้ดีที่สุดคือเจ้าของบัญชีเอง ด้วยวีธีปรับโครงสร้างหนี้ โดยกระทรวงการคลังจะให้แต่ละธนาคารแยกหนี้เป็นประเภทต่างๆ เพราะใน 2 ล้านคน มีคนที่เป็นหนี้ 1 ล้านบาทขึ้นไป รวมกันมีถึง 5 แสนกว่าล้านบาท ส่วนใหญ่เป็นกลุ่ม SME ซึ่งช่วงที่ผ่านมาเป็นการพิจารณาตามข้อมูลที่มีแต่ไม่ได้คุยกับตัวผู้ประกอบการเอง ใกล้ชิดลูกค้าน้อย แต่เชื่อว่าในส่วนนี้ธนาคารได้ตั้งสำรองเกือบหมดแล้ว ซึ่งจะหาแนวทางการแก้หนี้ในส่วนที่เกิน 1 แสนบาทต่อไป หากแก้หนี้ได้ตามแนวทางดังกล่าว ก็อยากจะเห็นสัดส่วนหนี้ครัวเรือนต่อจีดีพีลดลงเหลือต่ำกว่า 80% จากปัจจุบันที่อยู่ราว 86%

สำหรับจีดีพีไทยในไตรมาส 1 ปีนี้ คาดว่าจะขยายตัวได้มากกว่า 2.5% และมีโอกาสจะใกล้เคียง 3% ได้ ส่วนแนวโน้มทั้งปีนั้น ยังมีความไม่แน่นอนจากปัจจัยสำคัญคือ มาตรการภาษีของสหรัฐที่จะมีผลกระทบต่อการส่งออกของไทยอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ แม้หลายหน่วยงานให้มุมมองที่แตกต่างกันไปว่าอาจจะมีผลกระทบต่อปีนี้ให้ลดลงได้ตั้งแต่ 0.5-1.5% แต่ส่วนตัวมองว่าต้องดูเป็นรายไตรมาส

เพราะต้องรอความชัดเจนจากมาตรการภาษีของสหรัฐฯ ก่อน จะประเมินในภาพรวมได้ เชื่อว่าเศรษฐกิจของหลายประเทศจะสะดุดลงจากมาตรการภาษีของสหรัฐ ซึ่งน่าจะเห็นผลกระทบที่ชัดเจนได้ราวไตรมาส 3 ของปีนี้ ไทยจึงต้องหามาตรการ เพื่อทำให้ภาคส่วนต่าง ๆ ได้รับผลกระทบให้น้อยที่สุด และเพื่อเตรียมตัวสำหรับในระยะ 1-3 ปีหน้า โดยแนวทางหนึ่งคือการทบทวนงบประมาณปี 2569 โดยเฉพาะในโครงการที่ไม่เร่งด่วน ต้องไปดูว่าจะปรับเปลี่ยนได้อย่างไร เพื่อนำมาใช้ในโครงการที่มีความจำเป็นเร่งด่วนก่อน


รับชมทางยูทูบที่ : https://youtu.be/Vo2yt1gTYWg

แท็กที่เกี่ยวข้อง  คุณสู้เราช่วย ,พิชัยชุณหวชิร

คุณอาจสนใจ

Related News