ไม่ใช่สินทรัพย์ปลอดภัย! นักลงทุนทิ้งทองถือเงินดอลลาร์

ปกติเวลามีปัจจัยลบมากระทบตลาดหุ้น นักลงทุนจะหลบเข้าตลาดทองคำ ซึ่งถูกมองว่าเป็นสินทรัพย์ปลอดภัย แต่วันนี้ดูจะไม่เป็นแบบนั้น นักลงทุนเทขายทอง 3 วันติด ส่งผลราคาทองโลกดำดิ่ง หลุดระดับ 3,000 ดอลลาร์ฯ ต่อออนซ์ ห้างทองแม่ทองสุก ผู้ค้าทองคำรายใหญ่ของไทย ระบุว่า ทองคำโลกปรับฐาน ถูกเทขายรวมแล้วกว่า 200 ดอลลาร์

เหตุผลหลัก มาจากแรงกดดันสงครามการค้าที่จุดฉนวนโดยการปรับขึ้นภาษีศุลกากรครั้งใหญ่ของทรัมป์ และล่าสุดทรัมป์ประกาศจะเพิ่มภาษีนำเข้ากับจีนอีก 50% เท่ากับภาษีที่จะเรียกเก็บจากสินค้านำเข้าจากจีนจะสูงถึง 104% เริ่มต้นวันที่ 9 เมษายน ถ้าจีนไม่ถอย แต่ก็ดูเหมือนจีนจะไม่ถอย เพราะจีนประกาศไม่ยอมจำนนต่อการแบล็กเมลจากสหรัฐ ส่งผลนักลงทุนเทขายทองคำออกมาอย่างหนักและหันไปถือครองสกุลเงินที่ปลอดภัย ซึ่งรวมถึงสกุลเงินดอลลาร์ ฟรังก์สวิส และเงินเยน ญี่ปุ่น เพราะวิตกกังวลว่ามาตรการภาษีศุลกากรของสหรัฐฯ จะส่งผลให้เศรษฐกิจทั่วโลกเข้าสู่ภาวะถดถอย ส่งผลให้ราคาทองโลกร่วงลงอย่างหนัก 3 วันติด หลุดแนว 3,000 ดอลลาร์ฯ ต่อออนซ์แล้ว ปิดตลาดวานนี้ (7 เม.ย. 2568) ร่วงลงหนัก 61.80 ดอลลาร์ หรือ 2.04% ปิดที่ 2,973.6 ดอลลาร์/ออนซ์ โดยดัชนีดอลลาร์ ปรับตัวขึ้น 0.24% แตะที่ระดับ 103.267 ซึ่งสร้างแรงกดดันต่อตลาด เนื่องจากการแข็งค่าของดอลลาร์ทำให้สัญญาทองคำซึ่งกำหนดราคาเป็นดอลลาร์นั้น มีราคาที่ไม่น่าดึงดูดใจ ขณะที่โกลด์แมน แซคส์ (Goldman Sachs) ระบุว่า มีโอกาส 45% ที่เศรษฐกิจสหรัฐฯ จะเข้าสู่ภาวะถดถอยในอีก 12 เดือนข้างหน้า ขณะที่เจพีมอร์แกน (JPMorgan) คาดการณ์ว่ามีโอกาส 60% ที่เศรษฐกิจสหรัฐฯ และเศรษฐกิจโลกจะเข้าสู่ภาวะถดถอย

ขณะที่ราคาทองไทย ก็ร่วงลงแรง เปิดภาคเช้าร่วงลงทันที 550 บาท และระหว่างวันผันผวนหนัก ส่งผลบางช่วงราคาทองรูปพรรณ ร่วงหลุดระดับ 50,000 บาท แต่มีแรงซื้อกลับเข้ามาช่วงบ่าย ทำให้กลับมายืนเหนือระดับ 50,000 บาทได้อีกครั้ง หลังราคาทองฟิวเจอร์ พลิกกับมาบวก กลับมายืนเหนือ 3,000 ดอลลาร์ได้ ต้องซึ่งนักลงทุน ต่างจับตาวันที่ 9 เมษายน วันที่ภาษีตอบโต้ทั่วโลกจะมีผลบังคับใช้เต็มรูปแบบ