เศรษฐกิจ

'ศุภวุฒิ' ชี้รับมือภาษีทรัมป์ ไทยควรเก็บกระสุนไว้ก่อน ถ้ารีบเจรจาเหมือนให้ของฟรีสหรัฐฯ

โดย passamon_a

8 เม.ย. 2568

344 views

เมื่อวันที่ 7 เม.ย.68 นายศุภวุฒิ สายเชื้อ ที่ปรึกษานโยบายของนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า จากรายงานข่าวของ ไฟแนนเชียล ไทมส์ (Financial Times) ระบุว่า ขณะนี้ไม่มีประเทศใดที่เจรจากับสหรัฐเมริกา หลังประกาศขึ้นภาษี สำเร็จสักประเทศ ไม่ว่า อินเดีย ญี่ปุ่น เป็นต้น ในส่วนของประเทศไทยก็คิดว่าการเจรจาก่อนจะเป็นทางที่ดีเช่นกัน ดังนั้น น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ได้ตั้งคณะทำงานขึ้นมาเพื่อปกป้องผลประโยชน์ของไทยให้เหมือนก่อนที่ นายโดนัลด์ ทรัมป์ จะขึ้นมาเป็นประธานาธิบดี


นายศุภวุฒิ กล่าวว่า ทั้งนี้ ทิศทางนโยบายการขึ้นภาษีของสหรัฐฯ นายพันศักดิ์ วิญญรัตน์ ประธานคณะที่ปรึกษานโยบายนายกรัฐมนตรี ประเมินว่า นายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ มีความตั้งใจจะเปลี่ยนโลก เปลี่ยนสถานะของอเมริกาให้ไม่เหมือนเดิม สะท้อนจากการประกาศนโยบายภาษีศุลกากร เมื่อวันที่ 2 เมษายนที่ผ่านมา ที่จะเก็บภาษีศุลกากรจากทุกประเทศในโลกทั้ง 180 ประเทศ


“ดังนั้น เวลาเราจะสู้ศึก ต้องรู้เขา รู้เรา ดังนั้น เขาคือสหรัฐฯที่ตั้งใจจะเปลี่ยนโลก เปลี่ยนประเทศ เปลี่ยนอเมริกา อย่างประเทศอังกฤษ เป็นพันธมิตรมายาวนาน นายทรัมป์ก็ได้เข้าเฝ้าสมเด็จพระเจ้าชาลส์ที่ 3 ระหว่างการเยือนอังกฤษแล้วก็ตาม แต่อังกฤษเกินดุลการค้ากับสหรัฐฯสูง ก็โดนเก็บภาษี 10% เช่นกัน” นายศุภวุฒิ กล่าว


นายศุภวุฒิ กล่าวว่า ประเด็นคือ ถ้ารีบไปเจรจาตามที่หลายฝ่ายแนะนำ ก็เท่ากับให้ของฟรีกับสหรัฐหมด โดยไม่ได้อะไรตอบแทนเลย เพราะฉะนั้น เราควรเก็บกระสุนไว้ก่อน ขณะเดียวกันก่อนหน้าก็ไม่มีใครรู้ได้เลยว่า สรุปแล้วนายทรัมป์จะออกนโยบายแบบไหน จะไปเจรจาก่อนหน้ากับ กระทรวงการคลังสหรัฐฯ กระทรวงพาณิชย์ของสหรัฐฯ หรือสำนักงานผู้แทนการค้าสหรัฐอเมริกา (USTR) ก่อนก็ไม่มีใครตอบคำถามได้


นายศุภวุฒิ กล่าวว่า ดังนั้น ไทยเราจะเปลืองตัวไปทำไม กลับมาคิดว่าจะรับมืออย่างไรดีกว่า โดยจากการวิเคราะห์ของรัฐบาล สรุปสาเหตุที่สหรัฐฯขึ้นภาษีว่า 1.การขาดดุลการค้า ทำให้สหรัฐฯเสียเปรียบ 2.เงินที่ได้มาจากการขึ้นภาษี นายทรัมป์จะนำไปโปะการขาดดุลงบประมาณของสหรัฐฯ ที่เกิดจากนโยบายการขยายอายุการลดภาษีให้คนรวยในสหรัฐฯ และ 3.คือต้องการให้เกิดการกลับไปตั้งโรงงานและผลิตสินค้าที่อเมริกา นายทรัมป์คิดที่จะปิดประเทศตัวเองจากโลกภายนอก และอยู่ด้วยตัวเอง ในแนวคิดผลิตเองใช้เองรวยเอง


นายศุภวุฒิ กล่าวว่า เพระฉะนั้นแนวทางการเจรจาของไทย โดยนายวุฒิไกร ลีวีระพันธุ์ ปลัดกระทรวงพาณิชย์ ในฐานะประธานคณะทำงานนโยบายการค้าสหรัฐอเมริกา ระบุว่า ศักยภาพของไทยคือความสามรถในการแปรรูปอาหารและส่งออกไปทั่วโลก ซึ่งอเมริกาเป็นหนึ่งในฐานการผลิตสินค้าเกษตรที่ดีมาก เช่น ถั่วเหลือง ข้าวสาลี ข้าวโพด ทำให้ไทยนำเข้าสินค้าเกษตรจากอเมริกาเพิ่ม และแปรรูปให้เป็นอาหารขายทั่วโลก ซึ่งอีกส่วนสำคัญคือ เกษตรกรเป็นฐานเสียงสำคัญ ของพรรคริพับลิกัน ของสหรัฐฯ และของนายทรัมป์


นายศุภวุฒิ กล่าวว่า ส่วนการจะขอลดภาษีได้หรือไม่นั้น นายทรัมป์ได้เคยตอบสื่อมวลชนในวันที่แถลงขึ้นภาษีว่า ประเทศนั้น ๆ ต้องมีข้อเสนอที่มหัศจรรย์ (Phenomenon Offer) ให้สหรัฐฯ จึงจะพิจารณาลดภาษี คำถามต่อมาคือ ประเทศไทยจะมีข้อเสนอที่มหัศจรรย์อะไรให้สหรัฐฯได้ ให้ข้อเสนอไปก็อาจจะกลายเป็นการแอบทำข้อตกลงลับ ซึ่งไทยเราเดินสายกลาง ไม่ได้วิ่งไปหาและไม่ได้ตอบโต้ แต่กำลังหาทางออกว่าไทยจะอยู่กับในยุคของนายทรัมป์ได้อย่างไร


นายศุภวุฒิ กล่าวว่า ขั้นต่อไปคือดูท่าทีของนายทรัมป์ต่อไป เนื่องจากการประกาศขึ้นภาษีเมื่อวันที่ 2 เมษายน และการตอบโต้ของชาติต่าง ๆ ก็ทำให้ดัชนีหุ้นดาวโจนส์ร่วงกว่า 2,200 จุด และยังอยู่ในทิศทางขาลง และการที่อาจจะทำให้สินค้าในสหรัฐฯแพง แต่ทางนายทรัมป์ก็ยังบอกว่าไม่เป็นไร ขณะที่ทางรัฐบาลไทยก็นำข้อเสนอจากสำนักงานผู้แทนการค้าสหรัฐอเมริกา (USTR) ที่มีรายละเอียดว่าไทยมีภาษีศุลกากรใดเหลื่อมล้ำสหรัฐฯบ้าง มาทบทวน และปรับให้เทียบเคียงกับสหรัฐฯมากขึ้น


“รวมทั้งจากที่เกาหลีใต้ได้เสนอขอนำเข้าก๊าซธรรมชาติและน้ำมันจากสหรัฐฯ ซึ่งทำให้เกิดการลงทุนโครงสร้างท่อส่งก๊าซนั้น ไทยก็ศึกษาพร้อมแสดงความสนใจก็นำเข้าก๊าซธรรมชาติด้วย ซึ่งข้อเสนอเหล่านี้เป็นการที่ไทยพาดบันไดเอาไว้ หากวันไหนที่สหรัฐฯถอย เพราะว่าก็ขึ้นภาษีศุลกากรทำให้ประเทศเขาแย่เอง และถอยมาลงบันไดที่ไทยเราพาดไว้ได้” นายศุภวุฒิ กล่าว


นายศุภวุฒิ กล่าวว่า ส่วนจังหวะการไปเจรจาเมื่อไหร่นั้น ตามปกติอเมริกามีสำนักงานผู้แทนการค้าสหรัฐอเมริกา (USTR) เป็นผู้เจรจาการค้าเป็นหลัก โดยต้องหารือกันในระดับเจ้าหน้าที่เพื่อคุยกันในรายละเอียดให้จบก่อน ซึ่งที่ผ่านมาไทยก็มีกระทรวงพาณิชย์เป็นผู้ทำให้ที่เจรจา เพราะฉะนั้น รัฐบาลจึงให้กระทรวงพาณิชย์ดูแล ซึ่งหากการเจรจามีเรื่องใดติดขัดค่อยมีการเจรจาในระดับรัฐมนตรีต่อไป


“ส่วนที่มีหลายฝ่ายเสนอว่าให้เจรจากับทรัมป์เลยนั้น คำถามคือไทยเรามีข้อเสนอที่มหัศจรรย์อะไรให้ทรัมป์ก่อน เพราะถ้าเตรียมตัวไม่ดี ไม่เช่นนั้นอาจจะเป็นแบบกรณีประธานาธิบดีโวโลดิเมียร์ เซเลนสกี ของยูเครน ปะทะคารมดุเดือดกับประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ และโดนทรัมป์ตำหนิต่อหน้าสื่อหรือไม่” นายศุภวุฒิ กล่าว


นายศุภวุฒิ กล่าวว่า ขณะที่กรณีที่ น.ส.แพทองธาร ได้มอบหมายนายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกะทรวงการคลัง ไปเจรจากับสหรัฐฯนั้น นายศุภวุฒิ กล่าวว่า สำหรับในรายละเอียดนั้น ไม่ได้ระบุให้นายพิชัยไปเจรจาต่อรองกับสหรัฐฯ แต่เป็นการพบปะหารือกับหลายภาคส่วน ซึ่งมีการพบปะเกษตรกรสหรัฐฯด้วย ซึ่งส่วนนี้เป็นยุทธศาสตร์ในการสร้างพันธมิตร กับเกษตรกรในอเมริกา เป็นการแสดงเชิงสัญลักษณ์ สำหรับการต่อยอดไปยังการเจรจานำเข้าสินค้าเกษตรเพื่อผลิตและแปรรูปเป็นอาหารส่งออกขายทั่วโลก อาทิ ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ ที่ไทยยังปลูกได้ต่ำกว่าความต้องการ


นายศุภวุฒิ กล่าวว่า สำหรับนโยบายช่วยเหลือในระยะสั้น จากการขึ้นภาษีของสหรัฐฯนั้น จะมีการนำเงินกองทุนส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ คาดว่ามีอยู่ราว 3 พันล้านบาท ในการช่วยเหลือด้านการเงินให้กับผู้ประกอบการด้านส่งออกของไทย ที่ได้รับผลกระทบ และส่งเสริมเพื่อหาตลาดใหม่ รวมทั้งการสกัดการแอบอ้าง ใบรับรองแหล่งกำเนิดสินค้า (certificate of origin) เพื่อลดการเกินดุลด้วย


https://youtu.be/Tr3xHG-8Lqc

แท็กที่เกี่ยวข้อง  ภาษีทรัมป์ ,ศุภวุฒิสายเชื้อ

คุณอาจสนใจ

Related News