เศรษฐกิจ

คลังเล็งซื้อหนี้เสีย กลุ่มต่ำกว่า 1 แสนบาท

โดย nicharee_m

20 มี.ค. 2568

188 views

“พิชัย” แย้มเล็งช่วยลูกหนี้รายย่อย จ่อซื้อหนี้กลุ่มต่ำกว่า 1 แสนบาท หวังปลดล็อกจาก NPL ช่วยเข้าถึงสินเชื่อใหม่ พร้อมเร่งกระตุ้นอสังหาฯ ลดโอน-จำนอง เหลือ 0.01% คาดชัดเจนใน 1 เดือน

วันที่ 20 มี.ค.68 นายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เป็นประธานเปิดงานมหกรรมบ้านและคอนโดครั้งที่ 47 พร้อมเปิดเผยว่า หลังจาก รัฐบาลออกมาตรการโครงการ คุณสู้ เราช่วย เพื่อปรับโครงสร้างหนี้ ซึ่งผลดำเนินการเป็นไปที่คาด 50% ซึ่งส่วนใหญ่เป็นคนที่มีหลักประกัน ซึ่งมาตรการช่วยเหลือขั้นต่อไป คือ เริ่มจากการประเภทของกลุ่มหนี้ ซึ่งการดำเนินการมาตรการคุณสู้ เราช่วยพบว่า ลูกหนี้รายย่อยที่มีหนี้ต่ำกว่า 100,000 บาท ซึ่งเป็นกลุ่มใหญ่ในหนี้เสีย (NPL) โดยหนี้ดังกล่าวคิดเป็น 35% ของหนี้เสียรวม 1.2 ล้านล้านบาท

มาตรการดังกล่าวมีจุดมุ่งหมายเพื่อช่วยปลดล็อกหนี้กลุ่มนี้จากระบบ NPL และช่วยให้ลูกหนี้สามารถกลับมาเข้าถึงสินเชื่อใหม่ได้อีกครั้ง โดยหนี้ส่วนใหญ่ของกลุ่มนี้มักเป็นหนี้บัตรเครดิตและสินเชื่อบริโภคที่มีทั้งหลักประกันและไม่มีหลักประกัน

ธนาคารพาณิชย์ได้ตั้งสำรองหนี้กลุ่มนี้ครบ 100% แต่ปัญหาคือธนาคารไม่สามารถติดต่อลูกหนี้ได้ ส่วนหนึ่งเพราะลูกหนี้อาจคิดว่าตนไม่มีความสามารถชำระหนี้ได้แล้ว ดังนั้น จำเป็นต้องหาทางปลดล็อกหนี้ที่มีต้นทุนต่ำและมองหาวิธีการที่เหมาะสมในการช่วยเหลือลูกหนี้กลุ่มนี้ ซึ่งจะเป็นการปรับโครงสร้างหนี้ให้สอดคล้องกับความสามารถในการชำระหนี้ของลูกหนี้แต่ละราย

สำหรับมาตรการนี้ คาดว่าจะต้องใช้เวลาดำเนินการ โดยจะมีการแยกลูกหนี้ออกเป็นกลุ่ม ๆ และพิจารณาวิธีการแก้ไขที่เหมาะสมกับแต่ละกลุ่ม ซึ่งจะปรับให้จ่ายได้เท่าที่มีกำลัง ยืดหยุ่น เพราะเป้าหมายอยากเห็นคนเป็นหนี้ 5 ล้านกว่าคน รวม 1.2 ล้านล้านบาท ได้รับการคลี่คลาย ให้กลับมายืนได้

ผู้สื่อข่าวถามว่ามาตรการดังกล่าวจะไม่ใช้เงินจากงบประมาณดำเนินการเลยใช่หรือไม่ นายพิชัยตอบว่า อย่าพูดว่าไม่ใช่เลย อาจใช้บ้างนิดหน่อย ไม่มีใครทราบ แต่ใช้เท่าไรขอดูโครงสร้างก่อน อาจใช้เวลาศึกษา 1-2 ปี

นอกจากนี้ นาย พิชัยยังได้กล่าวถึงมาตรการกระตุ้นภาคอสังหาริมทรัพย์ โดยจะมีการลดค่าธรรมเนียมการโอนและจดจำนองให้เหลือ 0.01% ซึ่งคาดว่าจะมีความชัดเจนใน 1 เดือนข้างหน้า เพื่อกระตุ้นให้ตลาดอสังหาฯ กลับมาคึกคักและกระตุ้นการซื้อขายในตลาดอสังหาฯ อีกครั้ง

มาตรการเหล่านี้จะมีผลในระยะยาวในการช่วยลดภาระหนี้ของประชาชนและกระตุ้นเศรษฐกิจในประเทศ ซึ่งถือเป็นการผลักดันให้สถานการณ์ทางเศรษฐกิจและการเงินในประเทศเข้าสู่สภาวะที่ดีขึ้น

คุณอาจสนใจ

Related News