เศรษฐกิจ

ก.อุตสาหกรรม สั่งหยุดโรงงานน้ำตาลลพบุรี พบรับซื้ออ้อยเผาทะลุ 73% มากสุดในประเทศ

โดย chutikan_o

28 ธ.ค. 2567

11.4K views

“เอกนัฏ” ส่ง “ทีมตรวจการสุดซอย” ลุยตรวจเข้มโรงงาน สั่งหยุดโรงงานน้ำตาลลพบุรี ฝ่าฝืนคำสั่ง ไม่ปรับปรุงระบบบำบัดอากาศ พบรับซื้ออ้อยเผาทะลุ 73% มากสุดในประเทศ

นายเอกนัฏ พร้อมพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม เปิดเผยว่า สั่งการให้ “ทีมตรวจการสุดซอย” ลงพื้นที่ตรวจโรงงานที่ต้องติดตั้งระบบตรวจสอบการระบายมลพิษอากาศจากปล่องแบบอัตโนมัติต่อเนื่อง (Continuous Emission Monitoring Systems) หรือ ระบบ CEMS กว่า 600 โรงงานทั่วประเทศ ซึ่งกระทรวงอุตสาหกรรมได้ออกกฎหมายคุมเข้มให้โรงงานขนาดใหญ่ 13 ประเภทต้องติดตั้งระบบ CEMS และรายงานข้อมูลการระบายมลพิษหลังการบำบัดแบบ Real Time ตลอด 24 ชั่วโมง เพื่อควบคุมเฝ้าระวังการระบายมลพิษอากาศให้อยู่ในเกณฑ์มาตรฐานตลอดเวลา ซึ่งการดำเนินการดังกล่าว เป็นหนึ่งในมาตรการป้องกันและแก้ไขปัญหาฝุ่น PM 2.5 ที่กระทรวงฯ ได้ดำเนินการตามนโยบายรัฐบาล ประกอบกับคณะกรรมการอ้อยและน้ำตาลทราย (กอน.) เห็นชอบกำหนดวันเปิดหีบอ้อยผลิตน้ำตาลทราย ฤดูการผลิตปี 2567/68 ตั้งแต่วันที่ 6 ธันวาคมที่ผ่านมา โดยโรงงานน้ำตาลเป็นโรงงานที่เข้าข่ายต้องติดตั้งระบบ CEMS จึงเป็นที่มาของการเปิดปฏิบัติการส่งทีมตรวจการสุดซอยลงพื้นที่สุ่มตรวจเข้มโรงงานน้ำตาลที่มีสถิติรับอ้อยเผาไฟสะสมสูงตั้งแต่วันที่เปิดหีบเป็นต้นมา




ด้านนายณัฐพล รังสิตพล ปลัดกระทรวงอุตสาหกรรม กล่าวว่า “ทีมตรวจการสุดซอย” ของกระทรวงอุตสาหกรรม พนักงานเจ้าหน้าที่กรมโรงงานอุตสาหกรรมและอุตสาหกรรมจังหวัดลพบุรีได้บูรณาการร่วมกันลงพื้นที่ตรวจสอบโรงงานของบริษัทแห่งหนึ่ง ที่ประกอบกิจการผลิตน้ำตาลทรายดิบ น้ำตาลทรายขาวและน้ำตาลทรายขาวบริสุทธิ์ ตั้งอยู่ถนนบ้านท่าหลวง-แก่งผักกู ตำบลแก่งผักกูด อำเภอท่าหลวง จังหวัดลพบุรี ภายหลังจากชาวบ้านที่อาศัยอยู่บริเวณใกล้เคียงร้องเรียนว่าได้รับผลกระทบจากโรงงานปล่อยควันดำและมีกลิ่นเหม็นจากการรั่วไหลของน้ำโมลาส ซึ่งอุตสาหกรรมจังหวัดลพบุรีได้สั่งการให้บริษัททำการปรับปรุงแก้ไขโรงงาน ดังนี้

1) ให้ปรับปรุงระบบบำบัดมลพิษอากาศให้มีประสิทธิภาพเพียงพอและทำการตรวจสอบคุณภาพอากาศปลายปล่องที่ระบายออกให้มีค่าเป็นไปตามที่กฎหมายกำหนด และ 2) ให้เร่งซ่อมแซมถังเก็บน้ำโมมาสและทำการปรับปรุงระบบบำบัดน้ำเสียให้มีประสิทธิภาพ




จากการตรวจสอบของทีมตรวจการสุดซอย เมื่อวันที่ 25 ธันวาคม 2567 พบว่า บริษัทฯ ขอขยายระยะเวลาในการปรับปรุงแก้ไขโรงงานเรื่อยมา นอกจากนี้ ในวันที่เข้าตรวจสอบบริษัทฯ ไม่สามารถแสดงผลการตรวจวัดค่าปริมาณสารเจือปนในอากาศได้ อีกทั้งปล่องระบายของระบบบำบัดมลพิษอากาศของโรงงานมีการเจาะจุดตรวจวัดที่ไม่เป็นไปตามหลักวิชาการ และพบว่าปล่องไม่มีบันไดสำหรับขึ้นไปดำเนินการตรวจวัดค่าปริมาณสารเจือปนในอากาศได้ พฤติกรรมดังกล่าวเป็นการจงใจไม่ปฏิบัติตามคำสั่งของอุตสาหกรรมจังหวัดลพบุรีโดยไม่มีเหตุอันสมควร และอาจจะก่อให้เกิดอันตราย ความเสียหาย หรือความเดือดร้อนอย่างร้ายแรงต่อประชาชนที่อยู่ใกล้เคียงกับโรงงานได้ และจากข้อมูลการผลิตอ้อยและน้ำตาลไทยของโรงงาน ปี 2567/2568 ณ วันที่ 27 ธันวาคม 2567 ของสำนักบริหารอ้อยและน้ำตาลทราย) พบว่าโรงงานน้ำตาลแห่งนี้มีการรับอ้อยเผาไฟเข้าหีบสูงที่สุดกว่า 73.74% ของปริมาณอ้อยทั้งหมดที่รับเข้าหีบ

“เพื่อดูแลชาวบ้านโดยรอบโรงงานและคืนอากาศบริสุทธ์ให้ประชาชน และการกำกับดูแลโรงงานให้ปฏิบัติตามกฎหมาย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม ได้สั่งการให้อธิบดีกรมโรงงานอุตสาหกรรมใช้มาตรการเด็ดขาด สั่งการให้บริษัทหยุดประกอบกิจการโรงงานในทันที และให้ปรับปรุงจุดตรวจวัดของปล่องระบายของระบบบำบัดมลพิษอากาศพร้อมทั้งดำเนินการตรวจวัดวิเคราะห์ค่ามลพิษทางอากาศให้เป็นไปตามที่กฏหมายกำหนด ภายในวันที่ 31 มกราคม 2568 ย้ำบริษัทฯ ต้องปรับปรุงแห้ไขโรงงานให้ผ่านเกณฑ์มาตรฐานที่กฎหมายกำหนด จึงจะอนุญาตให้กลับมาประกอบกิจการต่อไปได้” นายเอกนัฏกล่าว




นอกจากนี้ กระทรวงอุตสาหกรรมได้ เดินหน้าขับเคลื่อนนโยบาย “การปฏิรูปอุตสาหกรรรม สู่เศรษฐกิจยุคใหม่“ สร้างอุตสาหกรรมที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม โดยเร่งควบคุมอ้อยเผาไฟเข้าโรงงาน รวมถึงช่วยเหลือเกษตรกรปรับรูปแบบการผลิตและออกมาตรการสิทธิและประโยชน์ให้เกษตรกรที่ไม่เผา พร้อมออกมาตรการช่วยเหลือชาวไร่อ้อยเก็บเกี่ยวอ้อยสดคุณภาพดีเพื่อลดฝุ่น PM 2.5 ลดผลกระทบที่เกิดขึ้นกับสุขภาพอนามัยของประชาชน และได้ออกคำสั่งให้โรงงานนํ้าตาล 57 โรง ทั่วประเทศ หยุดรับอ้อย 7 วัน ตั้งแต่เมื่อวานนี้ 27 ธันวาคม 2567 จนถึงวันที่ 2 มกราคม 2568 เพื่อให้พี่น้องประชาชนทุกท่านได้เที่ยวพักผ่อนในช่วงเทศกาลปีใหม่ แบบไร้ฝุ่นควันที่เกิดจากการลักลอบเผาอ้อย และงดการบรรทุกขนส่งอ้อยบนท้องถนน เพื่อการสัญจรอย่างปลอดภัย


คุณอาจสนใจ