นายสุรพงษ์ ไพสิฐพัฒนพงษ์ โฆษกกลุ่มอุตสาหกรรมยานยนต์ สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า สภาอุตสาหกรรมฯ ได้ปรับเป้าการผลิตรถยนต์ในปีนี้ลงอีกครั้ง จาก 1.7 ล้านคัน เหลือ 1.5 ล้านคัน หรือ ลดลงอีก 200,000 คัน โดยปรับการผลิตขายในประเทศ ลดลงจาก 550,000 คัน เหลือ 450,000 คัน และการผลิตเพื่อส่งออก ลดลงจาก 1.15 ล้านคัน เหลือ 1.05 ล้านคัน
ซึ่งที่ผ่านมาได้ปรับเป้าการผลิตในประเทศ ลดลงมาแล้ว 200,000 คัน เท่ากับทั้งปี การผลิตขายในประเทศลดลงถึง 3 แสนคัน เนื่องจากยอดขายทรุดหนัก โดยยอดขายรถยนต์ภายในประเทศของเดือนตุลาคม ทำได้แค่ 37,691 คัน ลดลงจากเดือนกันยายน 36.08% ต่ำสุดในรอบ 54 เดือน หรือ นับตั้งแต่ยกเลิกล็อกดาวน์จากโควิด จากการเข้มงวดในการให้กู้ซื้อรถยนต์ของสถาบันการเงินเป็นหลัก
ขณะที่การส่งออกรถยนต์สำเร็จรูปเดือนตุลาคม ส่งออกได้ 84,334 คัน เพิ่มขึ้นจากเดือนที่แล้วร้อยละ 5.08 แต่ลดลงจากเดือนตุลาคมปี 66 ถึงร้อยละ 20.23 ซึ่งลดลงทุกตลาด ที่ต้องจับตาเป็นพิเศษ คือ ตลาดออสเตรเลีย ตะวันออกกลาง และยุโรป ที่สงครามอิสราเอลกับฮามาส อาจส่งผลกระทบการส่งออกไปยังตลาดดังกล่าว และที่ต้องติดตามแบบไม่กะพริบตา คือ สงครามยูเครนกับรัสเซีย ที่อาจขยายไปประเทศอื่น ซึ่งกระทบกับเศรษฐกิจโลก