เศรษฐกิจ

กลุ่มเศรษฐศาสตร์เพื่อสังคม แถลงขอ 7 คณะกรรมการ คัดเลือกบอร์ดแบงก์ชาติ ปราศจากความเกรงใจ ไร้การเมือง

โดย nattachat_c

11 พ.ย. 2567

42 views

จากกรณี มีการเลือกประธานกรรมการและกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ หรือประธานบอร์ดแบงก์ชาติ ซึ่งเลื่อนจากวันที่ 4 พฤศจิกายน 2567 ออกไป เป็นวันที่ 11 พฤศจิกายน 2567 เวลาประมาณ 14.00 น. ทำให้วันนี้ หลายฝ่ายได้จับตา ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) จะมีการประชุมคณะกรรมการคัดเลือกประธานกรรมการและกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ หรือประธานบอร์ดแบงก์ชาติ เป็นพิเศษ


ซึ่งก่อนหน้านี้ มีแรงจับตาอย่างใกล้ชิด และมีกระแสการคัดค้านสูง เนื่องจากมีการเสนอชื่อผู้จากกระทรวงการคลัง ได้แก่ นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง อดีตรองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง และมีการเสนอชื่อจาก ธปท.อีก 2 คน ได้แก่ นายกุลิศ สมบัติศิริ อดีตปลัดกระทรวงพลังงาน และ นายสุรพล นิติไกรพจน์ นายกสภามหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ และกรรมการอิสระ บริษัท ปตท.จำกัด (มหาชน)


กลุ่มเศรษฐศาสตร์เพื่อสังคม มีการส่งหนังสือแถลงการณ์ ฉบับที่ 3 ว่าด้วยตามที่กลุ่มเศรษฐศาสตร์เพื่อสังคม อดีตผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย 4 ท่าน (ม.ร.ว.ปรีดิยาธร เทวกุล - นายประสาร ไตรรัตน์วรกุล - นายวิรไท สันติประภพ - นางธาริษา วัฒนเกส) นักวิชาการ คณาจารย์คณะเศรษฐศาสตร์ และสาขาอื่น ๆ หลายสถาบันทั้งในอดีตและปัจจุบัน ได้ออกแถลงการณ์แสดงความห่วงใยการครอบงำธนาคารแห่งประเทศไทย โดยกลุ่มการเมืองผ่านการคัดสรรประธานและกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิของคณะกรรมการธนาคารแห่งประเทศไทย


ต่อมาประธานคณะกรรมการคัดเลือกได้ขอเลื่อนการพิจารณาลงมติเลือกประธานและกรรมการธนาคารแห่งประเทศไทยออกไปเป็นวันจันทร์ที่ 11 พฤศจิกายน ศกนี้ และได้ปรากฏกลุ่มบุคคลและบุคคลที่ใกล้ชิดกลุ่มการเมืองบางส่วนออกมาแสดงความเห็นโต้แย้ง ดังนี้


ประการที่หนึ่ง แสดงความเห็นสนับสนุน นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง โดยระบุว่าเป็นคนเก่ง มีความรู้ความสามารถเหมาะสมที่จะดำรงตำแหน่งประธานกรรมการธนาคารแห่งประเทศไทย


กลุ่มเศรษฐศาสตร์เพื่อสังคมขอเรียนว่า พวกเราไม่ได้สนใจตัวบุคคลว่านายกิตติรัตน์ ณระนอง เป็นคนเก่งหรือไม่ แต่เป็นห่วงกังวลในหลักการว่าผู้ที่จะมาดำรงตำแหน่งประธานกรรมการธนาคารแห่งประเทศไทย จะต้องไม่เป็นผู้มีความสัมพันธ์อันแนบแน่นทางการเมือง ต้องไม่เคยกระทำ หรือแสดงให้เห็นถึงเจตนาในการแทรกแซงกดดันให้ธนาคารแห่งประเทศไทยดำเนินนโยบายทางการเงินตามที่ฝ่ายการเมืองต้องการ  เพราะหากธนาคารกลางของไทยต้องดำเนินการตามความต้องการของฝ่ายการเมือง ย่อมทำลายความน่าเชื่อถือของธนาคารกลาง ที่ต้องรักษาเสถียรภาพเศรษฐกิจของประเทศให้มั่นคงในระยะยาว และอาจสร้างความร่ำรวยให้กับกลุ่มธุรกิจ หรือกลุ่มบุคคลหนึ่งบุคคลใด


ทางกลุ่มไม่ได้เจาะจงตัวบุคคล ไม่ว่าจะเป็นนายกิตติรัตน์ ณ ระนอง หรือนายพงษ์ภาณุ เศวตรุนทร์  แต่เกรงว่าผู้ใดก็ตามที่มีความสัมพันธ์ และคุณลักษณะดังกล่าว ย่อมเป็นที่ห่วงกังวล และยิ่งถ้าผู้นั้นเป็นคนเก่งมีความสามารถสูงก็ยิ่งสร้างความห่วงกังวลว่า อาจใช้ความเก่งความสามารถในการแทรกแซงครอบงำได้


ประการที่สอง มีข้อโต้แย้งว่าธนาคารแห่งประเทศไทยไม่ควรมีความเป็นอิสระจากการเมือง เนื่องจากเคยทำผิดพลาดมาก่อน เช่น ในวิกฤตต้มยำกุ้งปี 2540 จึงเป็นการสมควรที่รัฐบาลสามารถเข้าแทรกแซงได้


กลุ่มเศรษฐศาสตร์เพื่อสังคม ขอเรียนว่าการอ้างความผิดพลาดในอดีตเพื่อเข้าแทรกแซง ไม่เป็นเหตุและผลเพียงพอ เพราะการแทรกแซงโดยภาคการเมืองอาจก่อให้เกิดได้ทั้งผลดีและผลเสีย ไม่ควรมองว่าเป็นผลดีอย่างเดียว ในขณะที่ข้อมูลเชิงประจักษ์จากประสบการณ์ทั่วโลกแสดงว่าการแทรกแซงมักก่อให้เกิดผลเสียมากกว่าผลดีอย่างเทียบไม่ได้


หลักการความเป็นอิสระของธนาคารกลางที่ยึดถือกันทั่วโลก จะนำมาซึ่งความน่าเชื่อถือของธนาคารกลาง ซึ่งหมายถึงความน่าเชื่อถือของการดำเนินนโยบายการเงินด้วย หากธนาคารกลางไม่เป็นอิสระ และถูกสั่งการได้โดยฝ่ายการเมือง การดำเนินนโยบายการเงินก็จะไม่เป็นที่น่าเชื่อถือ เพราะฝ่ายการเมืองมีปัจจัยแปรผัน กดดัน หรือจูงใจจำนวนมาก คาดเดาได้ยาก ความไม่แน่นอนจะเป็นผลเสียต่อระบบเศรษฐกิจ เพราะก่อให้เกิดความเสี่ยงเชิงนโยบายที่กระทบภาคธุรกิจอย่างมาก


และที่สำคัญที่สุด หากความน่าเชื่อถือของนโยบายการเงินหมดไป ความสามารถที่จะรักษาเงินเฟ้อให้อยู่ในกรอบเป้าหมายก็จะหมดไปเช่นกัน ส่งผลให้เงินเฟ้ออาจทะยานสูงขึ้นและควบคุมยาก เพราะนโยบายการเงินขาดความน่าเชื่อถือเสียแล้ว ซึ่งเป็นผลเสียต่อระบบเศรษฐกิจอย่างรุนแรง


ถ้าจะกล่าวโดยหลักการแล้ว ธนาคารกลางทั่วโลก รวมทั้งธนาคารแห่งประเทศไทย รวมถึงสถาบันทุกแห่งสามารถทำผิดพลาดได้ในบางครั้ง กระบวนการดำเนินนโยบายจะต้องเน้นให้ธนาคารกลางมีความรับผิดชอบต่อสาธารณะ ผ่านการดำเนินนโยบายการเงินที่โปร่งใสอธิบายได้ พร้อมรับฟังความเห็นจากทุกภาคส่วน และแก้ไขเมื่อพบข้อผิดพลาด ในเรื่องของความโปร่งใส ธนาคารแห่งประเทศไทยได้ปรับปรุงระเบียบ และแนวปฎิบัติภายหลังวิกฤติปี 2540 อย่างต่อเนื่อง ปัจจุบันเป็นธนาคารกลางที่ได้รับการประเมินในระดับที่ดีในระดับสากล


กลุ่มเศรษฐศาสตร์เพื่อสังคมและภาคส่วนต่างๆ ขอเรียกร้องอีกครั้งให้คณะกรรมการคัดเลือกทั้ง 7 ท่าน ดำเนินการพิจารณาคัดเลือกประธาน และกรรมการธนาคารแห่งประเทศไทย โดยพิจารณาอย่างถ่องแท้ต่อคุณสมบัติที่เป็นหลักสากลของผู้บริหารระดับสูงของธนาคารกลางทั่วโลก ต้องคำนึงถึงประโยชน์และเสถียรภาพเศรษฐกิจของประเทศในระยะยาว ปราศจากความเกรงใจ และความสัมพันธ์ทางการเมือง ยึดมั่นหลักการที่สังคมไทยในอดีต ได้พยายามสร้างให้ธนาคารแห่งประเทศไทยเป็นสถาบันที่เป็นอิสระจากการครอบงำเพื่อหาผลประโยชน์ในระยะสั้นทางการเมือง


รับชมผ่านยูทูบได้ที่ : https://youtu.be/Tg6m6VqAc3c

คุณอาจสนใจ

Related News