ขอแก้ข่าวส่งออก! ‘แพทองธาร’ มองแง่ดี เงินบาทแข็ง ใช้โอกาสนำเข้า-คืนเงินตปท. โยนคลังถกแบงก์ชาติ

นายกฯ มองแง่ดี เงินบาทแข็ง ช่วยส่งออก มอบให้คลังไปหารือกับแบงก์ชาติเรื่องนี้ ก่อนขอให้สัมภาษณ์ใหม่เจอถามรัวเร็วทำสับสน บอกเป็นโอกาสดี นำเข้าซื้อของได้ถูก-คืนเงินต่างประเทศ ชี้ต้องหาแนวทางร่วมกันให้ได้ไม่งั้นความลำบากจะตกอยู่ที่ประชาชน

วานนี้ (24 กันยายน) นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี กล่าวถึง ค่าเงินบาทที่แข็งค่า ว่า เรื่องบาทแข็งทำให้เกิดความกังวลในทุกภาคส่วน ในส่วนรัฐบาลก็สามารถนำข้อดีของบาทแข็งมาใช้ในหลายๆอย่าง ไม่ว่าการส่งออก การกระตุ้นเศรษฐกิจ แต่ในเรื่องอีกด้านก็ต้องพูดคุยกัน

ส่วนการพูดคุยกับธนาคารแห่งประเทศในเรื่องบาทแข็งนั้น นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า เป็นหน้าที่กระทรวงการคลัง ซึ่งมอบให้กระทรวงการคลังไปพูดคุยกันว่า จะแก้ตรงนี้หรือร่วมมืออะไรได้บ้าง

ด้านนายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า ได้นัดหารือกับนายเศรษฐพุฒิ สุทธิวาทนฤพุฒิ ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ในสัปดาห์หน้า เพื่อจะหารือกันในประเด็นเรื่องการดูแลสถานการณ์ค่าเงินบาทที่แข็งค่าเร็วและแรงในช่วงระยะหลัง รวมทั้งการพิจารณากรอบเงินเฟ้อร่วมกัน

ภายหลังการให้สัมภาษณ์นายกรัฐมนตรี ได้ขึ้นไปรับประทานอาหารร่วมกับคณะรัฐมนตรี ก่อนจะลงมาให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชนอีกครั้งในประเด็นเรื่องค่าเงินบาทแข็งโดยนายกรัฐมนตรี ระบุว่า เมื่อสักครู่ตอนแถลงข่าวมีหลายคำถามทำให้เข้าใจผิด พอไปฟังแล้วสับสนเอง เรื่องเงินบาทแข็งเข้าใจว่าการส่งออกเป็นปัญหาแน่นอน การส่งออกอาจมีความกังวลใจแต่คิดในแง่ดี

ขอให้ช่วงที่เงินบาทแข็งโครงการใดที่จะนำเข้าหรือการคืนเงินต่างประเทศให้ทำในช่วงนี้เป็นโอกาสเรื่องเงินบาทแข็ง แต่ต้องแก้ปัญหากันต่อไปกระทรวงการคลังต้องคุยกับธนาคารแห่งประเทศไทย

ส่วนกรณีที่ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย ส่งสัญญาณว่าจะไม่ลดดอกเบี้ย นายกรัฐมนตรี ระบุว่า ถึงบอกว่าจะต้องคุยกันจริงๆ ซึ่งได้คุยกับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังไปแล้ว ต้องร่วมมือกัน ส่วนจะคุยด้วยตัวเองหรือไม่นายกรัฐมนตรีกล่าวว่าให้กระทรวงการคลังไปคุยตรงจะดีกว่า

เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่าในยุคของนายเศรษฐา ทวีสินได้มอบหมายให้นายพิชัย ไปคุยกับผู้ว่าธนาคารแห่งประเทศไทย รัฐบาลนี้จะมอบหมายให้ไปคุยต่อใช่หรือไม่ นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ได้มอบหมายกระทรวงการคลังไปแล้วแต่ไม่ทราบว่าจะเป็นรัฐมนตรีหรือรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลังก็ได้เพื่อให้ไปคุยหาคำตอบร่วมกัน การประชุมโดยการพูดคุยจะไม่รอการประชุม พระนโยบายการเงินการคลังหรือ กนง. ที่จะมีการประชุมกันในวันที่ 16 ตุลาคมนี้ ซึ่งจะมีการคุยกันก่อน

ส่วนที่ผ่านมาผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทยกับรัฐบาลมีนโยบายที่สวนทางกันตั้งแต่รัฐบาลที่ผ่านมา นายกรัฐมนตรี กล่าวย้ำว่า มันต้องคุยกัน ถ้าหาแนวทางร่วมกันไม่ได้ความลำบากก็ตกอยู่ที่ประชาชน ตนเข้าใจประชาชนขณะนี้ ในเรื่องการทำธุรกิจต้องมีการพูดคุยกันอยู่แล้วเมื่อเงินบาทแข็งจะกระทบอะไรบ้าง จะพยายามคุยกันโดยมอบหมายให้กระทรวงการคลังไปคุยในรายละเอียดให้ได้มากที่สุดว่าจะทำอะไรได้บ้าง

อยากอะไรก็ตามระหว่างที่นายกรัฐมนตรีเดินขึ้นตึกไทยคู่ฟ้าได้หันมาพูดกับสื่อมวลชนว่า ถามเร็วๆ ถามรัว ทำให้ตนพูดไม่ชัดก็ต้องพูดใหม่

ขณะที่ นายอมรเทพ จาวะลา ผู้ช่วยกรรมการ ผู้จัดการใหญ่ สำนักวิจัย ธนาคารซีไอเอ็มบี ไทย เปิดเผยว่า การเคลื่อนไหวของอัตราแลกเปลี่ยนถือว่าค่าเงินบาทไทยปรับตัวแข็งค่าขึ้นอย่างรวดเร็ว เอาแค่เดือนกันยายนนี้ก็ถือว่าแข็งค่าขึ้นมาแบบทะลุเป้าแล้ว เทียบจากวันที่ 1 กันยายน 2567 ค่าเงินบาทอยู่ที่ระดับ 34.19 บาทต่อเหรียญสหรัฐ ณ วันที่ 24 กันยายน 2567 อยู่ที่ระดับ 32.98 บาทต่อเหรียญสหรัฐ ลดลง 1.30 บาทต่อเหรียญสหรัฐ และระหว่างทางมีการปรับลงไปแตะระดับต่ำสุดที่ 32.89 บาทต่อเหรียญสหรัฐด้วย

รับชมผ่านยูทูบได้ที่ : https://youtu.be/bFaY38hl4Eo