เศรษฐกิจ

คนแน่นธนาคาร แห่ผูกพร้อมเพย์กับบัญชี หลังรัฐบาลจ่อโอนเงินหมื่นให้กลุ่มเปราะบาง

โดย paranee_s

18 ก.ย. 2567

165 views

วันนี้ (18 กันยายน 2567) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่ธนาคาร สาขานครราชสีมา ได้มีประชาชนจำนวนมาก ทั้งจากในพื้นที่เขต อ.เมืองนครราชสีมา และอำเภอใกล้เคียง เดินทางมาให้เจ้าหน้าที่ของ ธ.ก.ส.ช่วยดำเนินการผูกบัญชีพร้อมเพย์เข้ากับบัญชีธนาคาร เพื่อเตรียมรองรับเงินดิจิทัลวอลเล็ต 10,000 บาท ภายหลังจากที่ทางรัฐบาลได้ประกาศเตรียมจ่ายเงินงวดแรกให้กับกลุ่มเปราะบางผู้ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ และกลุ่มผู้พิการ ตั้งแต่วันที่ 25 กันยายนนี้เป็นต้นไป


ทำให้ประชาชนกลุ่มเปราะบาง และกลุ่มผู้พิการต่างตื่นตัว พากันมาให้เจ้าหน้าที่ ธ.ก.ส.ช่วยผูกบัญชีพร้อมเพย์เข้ากับบัญชีธนาคารกันเป็นจำนวนมาก จนต้องเปิดจุดบริการเพิ่มอีก 2 จุด จากเดิมที่มีเคาท์เตอร์บริการ 6 จุด ซึ่งไม่เพียงพอต่อประชาชนที่หลั่งไหลมาขอใช้บริการตลอดทั้งวัน


นายวิชัย บำรุงเกาะ ผู้จัดการ ธ.ก.ส.สาขานครราชสีมา เปิดเผยว่า หลังจากรัฐบาลได้ประกาศจะจ่ายเงินดิจิทัลวอลเล็ต 10,000 บาท งวดแรก ให้กับกลุ่มเปราะบางที่ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ และกลุ่มผู้พิการ ซึ่งจะจ่ายผ่านบัญชีพร้อมเพย์ที่ผูกกับบัญชีธนาคาร ตั้งแต่วันที่ 25 กันยายน 2567 เป็นต้นไป ทาง ธ.ก.ส.สาขานครราชสีมา ก็เริ่มเปิดให้บริการช่วยเหลือประชาชนในการผูกบัญชีพร้อมเพย์กับบัญชีธนาคาร ตั้งแต่วันจันทร์ที่ 16 กันยายนที่ผ่านมา ซึ่งพบว่ามีประชาชนกลุ่มเปราะบางและกลุ่มผู้พิการมาใช้บริการกันจนแน่นตลอดทั้งวัน เฉลี่ยวันละกว่า 300 ราย โดยครึ่งหนึ่งจะเป็นผู้ที่ไม่มีบัญชีธนาคาร จึงทำให้เคาท์เตอร์บริการทั้ง 6 จุด เต็มตลอดทั้งวัน ไม่เพียงพอต่อผู้มาใช้บริการ ตนเองจึงได้เปิดจุดบริการเพิ่มอีก 2 จุด แต่ก็ยังไม่พอ ซึ่งเจ้าหน้าที่ต้องทำงานหนักล่วงเวลาถึง 1 ทุ่มทุกวัน เนื่องจากกลุ่มที่ยังไม่มีบัญชีธนาคาร ต้องเปิดบัญชีใหม่ ที่จะต้องใช้เวลามากกว่าปกติด้วย โดยทาง ธ.ก.ส.สาขานครราชสีมา จะเปิดให้บริการผูกบัญชีพร้อมเพย์ไปจนถึงวันที่ 24 กันยายนนี้ หรือจนกว่าจะสิ้นสุดโครงการ


นางรัญจวน บัวบุญ อายุ 58 ปี ชาว อ.เมืองนครราชสีมา หนึ่งในประชาชนที่มาใช้บริการ กล่าวว่า ตนเองนั้นอยู่ในกลุ่มเปราะบาง โดยมีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐอยู่แล้ว แต่ยังไม่มีบัญชีพร้อมเพย์ จึงมาขอให้เจ้าหน้าที่ธนาคารทำให้ เพื่อรอรับเงินดิจิทัลวอลเล็ต 10,000 บาท ซึ่งเงินส่วนนี้ตนเองวางแผนไว้ว่าจะนำไปใช้จ่ายซื้อของใช้อุปโภคบริโภคในครอบครัว ที่มีอยู่ด้วยกันทั้งหมด 4 คน รวมทั้งจะนำไปจ่ายค่าน้ำ ค่าไฟด้วย ซึ่งแต่ละเดือนเฉพาะค่าไฟฟ้าก็เกือบ 2,000 บาทแล้ว ดังนั้นเงินจำนวนนี้ถือว่าสามารถช่วยบรรเทาความเดือดร้อนให้กับครอบครัวของตนได้เป็นอย่างมาก จึงขอขอบคุณรัฐบาลที่จ่ายเงินจำนวนนี้มาให้ตนเองได้ดำรงชีวิตดีขึ้นกว่าเดิม

แท็กที่เกี่ยวข้อง  

คุณอาจสนใจ