ราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกปรับตัวสูงขึ้น ปรับขึ้น 65 เซนต์ หลังเปิดเผยข้อมูลเศรษฐกิจเชิงบวก

(10 ส.ค.) ราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกปรับตัวเพิ่มสูงขึ้น หลังมีการเปิดเผยข้อมูลเศรษฐกิจเชิงบวก และเจ้าหน้าที่ธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) ส่งสัญญาณปรับลดอัตราดอกเบี้ยงลงอย่างเร็วที่สุดในเดือนกันยายนนี้ แต่ความขัดแย้งในตะวันออกกลางยังคงเพิ่มความเสี่ยงด้านอุปทานน้ำมัน

สัญญาน้ำมันดิบเวสต์ เท็กซัส อินเทอร์มิเดียท หรือ WTI งวดส่งมอบเดือนกันยายน ปรับขึ้น 65 เซนต์ หรือ 0.85% ปิดที่ 76.84 ดอลลาร์/บาร์เรล

ส่วนสัญญาน้ำดิบเบรนท์ (BRENT) งวดส่งมอบเดือนตุลาคม ปรับขึ้น 50 เซนต์ หรือ 0.63% ปิดที่ 79.66 ดอลลาร์ / บาร์เรล

ทั้งนี้ หากดูในรอบสัปดาห์ สัญญาน้ำมันดิบเวสท์ เท็กซัส อินเทอร์มิเดียท (WTI) เพิ่มขึ้นกว่า 4% ส่วนเบรนท์ (BRENT) เพิ่มขึ้นกว่า 3.5%

นายเดนนิส คิสเลอร์ รองประธานอาวุโสฝ่ายจัดซื้อขายของบีโอเค ไฟแนนเชียลเผยว่า ราคาน้ำมันดิบอยู่ในช่วงฟื้นตัว เพราะความตึงเครียดทางภูมิรัฐศาสตร์ยังคงเป็นปัจจัยบวก และความวิตกเกี่ยวกับภาวะเศรษฐกิจถดถอยได้คลี่คลายลงอย่างน้อยก็ในเวลานี้

ขณะที่ผู้กำหนดนโยบายของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จำนวน 3 รายระบุเมื่อวันพฤหัสบดีว่า พวกเขามั่นใจมากขึ้นว่า อัตราเงินเฟ้อกำลังลดลงเพียงพอที่จะปรับลดอัตราดอกเบี้ย นอกจากนี้ ข้อมูลการยื่นขอสวัสดิการว่างงานของสหรัฐที่ลดลงมากกว่าคาดยังช่วยสนับสนุนการฟื้นตัวอีกด้วย

นอกจากนี้ ตลาดน้ำมันยังได้แรงหนุนจากการเปิดเผยข้อมูลจากสำนักงานสถิติจีนที่ระบุว่า ดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ของจีน เพิ่มขึ้นมากเกินคาดในเดือน ก.ค.