เศรษฐกิจ

หุ้นถล่มทั่วโลก! ไทยดิ่ง 38.41 จุด ห่วงเศรษฐกิจสหรัฐฯ ถดถอย - เงินบาทแข็งค่าสุดในรอบ 6 เดือน

โดย petchpawee_k

6 ส.ค. 2567

29 views

วานนี้ (5 ส.ค.) ตลาดหุ้นทั่วโลกดำดิ่ง นักลงทุนกังวลสหรัฐเข้าสู่ภาวะเศรษฐกิจถดถอย หลังตัวเลขเศรษฐกิจอ่อนแอลง

ทั้งนี้การเทขายอย่างหนักทั่วโลก เป็นผลมาจาก 2 ปัจจัย ก็คือ  

1. นักลงทุนหวาดกลัวว่าเศรษฐกิจของสหรัฐฯ อาจเข้าสู่ภาวะถดถอย หลังจากที่สหรัฐฯ ได้เปิดผยรายงานการจ้างงานในเดือนกรกฎาคมที่น่าผิดหวัง เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา

โดย กระทรวงแรงงานสหรัฐฯ รายงานเมื่อวันศุกร์ว่า การเติบโตของงานในเดือนกรกฎาคมชะลอตัวมากกว่าที่คาดไว้มาก และอัตราการว่างงานก็สูงขึ้น ส่งผลให้เกิดความกังวลว่า เศรษฐกิจโดยรวมจะชะลอตัวลง

การจ้างงานนอกภาคเกษตรเพิ่มขึ้นเพียง 114,000 ตำแหน่ง ในเดือนนี้ ลดลงจาก 179,000 ตำแหน่ง ที่ปรับลดลงในเดือนมิถุนายน และต่ำกว่าที่ดาวโจนส์ประมาณการไว้ที่ 185,000 ตำแหน่ง ส่วนอัตราการว่างงานก็เพิ่มขึ้นอยู่ที่ 4.3% ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนตุลาคม 2021

2. นักลงทุนเห็นว่า ธนาคารกลางสหรัฐฯ (FED) อาจรอจนนานเกินไปที่จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยลง หลังจากที่ ธนาคารกลางสหรัฐฯ ได้เลื่อนการปรับลดอัตราดอกเบี้ยออกไปจนถึงเดือนกันยายน ซึ่งคาดว่า ผู้กำหนดนโยบายของธนาคารกลางจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยหลัก ซึ่งเป็นมาตรฐานในการเรียกเก็บดอกเบี้ยจากสินเชื่อธุรกิจ และสินเชื่อผู้บริโภคหลายรายการ

เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ธนาคารกลางสหรัฐฯ ได้คงอัตราดอกเบี้ยอ้างอิงไว้ที่ระดับสูงสุดในรอบ 20 ปี ที่ 5.25% - 5.50% และคงอัตราดอกเบี้ยดังกล่าวมาเป็นเวลา 1 ปี แล้ว

โดยในการประเมินครั้งใหม่ของ ธนาคาร โกลด์แมนแซคส์ กล่าวว่า ขณะนี้ คาดว่าธนาคารกลางสหรัฐฯ จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยในการประชุม 3 ครั้งถัดไป ซึ่งจะจัดขึ้นในเดือนกันยายน พฤศจิกายน และธันวาคม โดยโกลด์แมนได้ปรับเพิ่มการคาดการณ์ความเป็นไปได้ที่สหรัฐฯ จะเกิดภาวะเศรษฐกิจถดถอยในช่วง 12 เดือนข้างหน้าจาก 15% เป็น 25%

ขณะที่ตลาดหุ้นไทยเปิดภาคบ่าย ดัชนีร่วงลงต่อเนื่องเป็นกว่า 30 จุด รับแรงขายต่อเนื่องจากภาคเช้า ตามตลาดหุ้นภูมิภาค โดยเฉพาะตลาดหุ้นญี่ปุ่น ที่ร่วงแรงถึง 12.40% ตลาดหุ้นเกาหลีใต้ ลดลง 8.77% ตลาดหุ้นไต้หวัน ปรับลง 8.35% รวมทั้งตลาดหุ้นอินโดนีเซีย มาเลเซีย สิงคโปร์ ปรับลง 4% เป็นผลจากความกังวลเศรษฐกิจสหรัฐถดถอย หลังข้อมูลแรงงานอ่อนแอกว่าคาด โดยกลุ่มที่เจอแรงขายเป็นกลุ่มที่อิงเศรษฐกิจโลก อย่างหุ้นพลังงาน กลุ่มอิเล็กทรอนิกส์ และกลุ่มที่รับผลกระทบจากดอกเบี้ยขาลง อาทิ กลุ่มประกัน

นักวิเคราะห์ มองว่า ในระยะสั้นจะเห็นเงินโยกจากสินทรัพย์เสี่ยงไปสินทรัพย์ปลอดภัย อย่างตราสารหนี้ หรือ หุ้นกลุ่มปลอดภัย ซึ่งภาพการปรับพอร์ตจากผลกระทบเศรษฐกิจสหรัฐถดถอย อาจยังเห็นต่อเนื่องไปอีก 2-3 สัปดาห์ และบ้านเราก็มีปัจจัยการเมืองในประเทศกดดันอยู่ด้วย มองภาพความเสี่ยงเพิ่มขึ้น ทางเทคนิคดัชนีหุ้นไทยมีแนวรับที่ 1,200 จุดหากหลุด 1,280 จุด เเนะถือเงินสด ตราสารหนี้มีคุณภาพ หรือ พันธบัตรรัฐบาลไว้ก่อน

ขณะที่นายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ประสานเสียงผู้จัดการตลาดหลักทรัพย์ ชี้ ดัชนีตลาดหุ้นไทยปรับลดลงหนักในวันนี้ เป็นสิ่งที่เกิดขึ้นทั้งโลก และนักลงทุนรอความชัดเจนทั้งจากปัจจัยภายในและภายนอกประเทศ โดยหากทุกอย่างชัดเจนก็เชื่อว่าดัชนีจะดีขึ้นได้ ส่วนความคืบหน้าของกองทุนวายุภักษ์นั้น นายพิชัย กล่าวว่า จะมีความชัดเจนออกมาในช่วงเดือนตุลาคมนี้

นายภากร ปีตธวัชชัย กรรมการและผู้จัดการ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยในวานนี้ (5 ส.ค.) ร่วงแรงสอดคล้องกับตลาดหุ้นต่างประเทศ หลังจากเมื่อคืนวันศุกร์ที่ผ่านมาตลาดหุ้นสหรัฐดิ่งแรง และช่วงเช้าวานนี้ (5 ส.ค.) ตลาดหุ้นเอเชียก็ปรับตัวลงค่อนข้างแรงตาม โดยเฉพาะตลาดหุ้นญี่ปุ่นและเกาหลีใต้ นักลงทุนยังต้องติดตามดูข้อมูลข่าวสารต่างๆ โดยเฉพาะข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับความเสี่ยงทางภูมิรัฐศาสตร์ที่มาจากปัจจัยภายนอกเข้ามากระทบ และส่งผลกดดันต่อตลาดหุ้นทั่วโลก

อย่างไรก็ตาม ต้องฝากให้นักลงทุนติดตามข้อมูลข่าวสารอย่างใกล้ชิด โดยเฉพาะข่าวที่เกิดขึ้นในต่างประเทศ ซึ่งมีน้ำหนักมากกว่าปัจจัยในประเทศ แต่มองว่าการที่ตลาดหุ้นปรับตัวลงก็เป็นโอกาสและจังหวะในการเข้าลงทุนได้ นักลงทุนควรพิจารณาความเสี่ยงและความเหมาะสมในการลงทุนประกอบอย่างรอบคอบ เพราะยังมีปัจจัยต่างๆ ที่เข้ามาสร้างความผันผวนได้ตลอดเวลา

สำหรับตลาดหุ้นไทยมองว่าผลประกอบการบริษัทจดทะเบียนยังคงมีความแข็งแกร่ง และมีปัจจัยบวกจากการดำเนินนโยบายของภาครัฐออกมาต่อเนื่อง ซึ่งนักลงทุนจะต้องมีการพิจารณาเลือกลงทุนเป็นรายกลุ่มอุตสาหกรรมที่ได้รับประโยชน์ ทำให้นักลงทุนสามารถสร้างโอกาสในการลงทุนในตลาดหุ้นได้ ซึ่งจะต้องมีการวิเคราห์การลงทุนอย่างรอบคอบก่อนที่จะตัดสินใจลงทุน

การที่ตลาดหุ้นปรับลงเยอะ ก็เป็นโอกาสในการลงทุน แต่ฝากดูข้อมูลข่าวสาร ภาวะปัจจัยภายรอกของโลก ที่ต้องติดตามดีๆ อาจเลือกลงทุนเป็นราย sector ที่ยังแข็งแกร่ง และสร้างโอกาสในการลงทุนได้ โดยต้องมีการวิเคราะห์อย่างรอบคอบ

ขณะที่ เงินบาททำสถิติแข็งค่าที่สุดในรอบ 6 เดือน นับตั้งแต่วันที่ 16 ม.ค.67 มาอยู่ที่ระดับ 35.078 บาท/ดอลลาร์ จากเปิดตลาดช่วงเช้าที่ระดับ 35.32 บาท/ดอลลาร์


รับชมผ่านยูทูบได้ที่ : https://youtu.be/y87IbeimE4k


คุณอาจสนใจ