เศรษฐกิจ
พ่อค้า-แม่ค้า เมินร่วมโครงการดิจิทัลวอลเล็ต เหตุรายละเอียดยุ่งยาก หลายร้านเข้าร่วมไม่ได้
3 ส.ค. 2567
804 views
จากกรณีที่รัฐบาลเปิดลงทะเบียนรับเงินดิจิทัลวอลเล็ต 10,000 บาท ตั้งแต่วันที่ 1 สิงหาคมที่ผ่านมา โดยมีประชาชนลงทะเบียนผ่านแอปฯ ทางรัฐ หรือ ThaiD แล้วหลายล้านราย ขณะที่ยังมีประชาชนบางส่วนที่ยังมีความลังเลในการลงทะเบียน เนื่องจากความยุ่งยากในการติดตั้งแอปฯ ตลอดจนยังไม่เข้าใจเงื่อนไขการใช้จ่ายเงินดิจิทัล รวมถึงมองว่าการนำเงินไปใช้ยังไม่ช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจถึงมือชาวบ้านได้ และอาจกลายเป็นการอัดเงิน เพื่อลงมาช่วยกลุ่มผู้ค้ารายใหญ่ได้มากกว่า
ล่าสุดผู้สื่อข่าวได้ลงพื้นที่บริเวณหาดปากเมง ประตูสู่แหล่งท่องเที่ยวทางทะเลของจังหวัดตรัง เพื่อสอบถามความคิดเห็นจากชาวบ้าน ผู้ประกอบการร้านอาหาร จุดรับซื้ออาหารทะเล หรือแพปลาในพื้นที่ พบว่าประชาชนบางส่วนยังมีความลังเลในการลงทะเบียน เพราะยังไม่เข้าใจรายละเอียดการใช้จ่ายเงินดิจิทัลวอลเล็ต โดยเฉพาะไม่รู้ว่าจะไปใช้จ่ายได้ที่ไหนบ้าง ด้านชาวบ้านที่ลงทะเบียนแล้ว เพราะมีลูกหลานช่วยทำให้ แต่ก็ยังไม่รู้ว่าต้องไปใช้จ่ายที่ไหนเช่นกัน ขณะที่ผู้ประกอบการร้านอาหาร จุดรับซื้ออาหารทะเลในพื้นที่ จะไม่เข้าร่วมโครงการ เพราะรายละเอียดยุ่งยากซับซ้อน
โดย นางสาวศิริทัศน์ ทิพย์เพ็ง หรือเจ้นา ผู้ประกอบการร้านอาหารริมหาดปากเมง บอกว่า ยังไม่มีอะไรชัดเจนให้กับร้านค้า หรือกับชาวบ้าน ยังไม่รู้ว่ารัฐบาลจะให้ใช้จ่ายในรูปแบบไหน รับเงินอย่างไร รวมทั้งระยะเวลาในการรับเงินของร้านค้า ส่วนตัวไม่ต้องการความยุ่งยาก จึงขอไม่เข้าร่วมโครงการ ซึ่งเมื่อเทียบกับโครงการเก่าอย่างโครงการคนละครึ่ง หรือโครงการเที่ยวด้วยกัน พบว่าไม่ยุ่งยาก ชาวบ้านนำไปใช้จ่ายได้เลย ส่วนร้านค้าที่เข้าร่วมโครงการ ก็สามารถนำบัตรไปกดเงินได้เลย หรือแม้แต่จะนำไปซื้อของต่อก็สามารถทำได้เลย
ดังนั้นตนจึงอยากให้รัฐบาลมาช่วยเกษตรกรทางภาคใต้ เรื่องราคายางพารา และราคาปาล์มน้ำมัน ที่ตกตต่ำจะดีกว่า รวมทั้งช่วยลดราคาปุ๋ยเคมี ที่ถือเป็นปัจจัยหลักของชาวสวน ส่วนภาคประมง ก็อยากให้รัฐบาลลดราคาน้ำมันดีเซลลง ส่วนอาหารทะเลอย่างกุ้งทะเล และกุ้งเลี้ยง ก็ประสบปัญหา เพราะไม่มีราคาที่มาตรฐานในการรับซื้อ ตนจึงไม่ได้มองแค่โครงการดิจิทัลวอลเล็ต แต่อยากให้รัฐบาลมาลดค่าครองชีพของประชาชนมากกว่า ทั้งเรื่องราคาสินค้าอุปโภคบริโภค ราคาน้ำมัน ค่าไฟฟ้า เพราะตอนนี้ข้าวของทุกอย่างแพงขึ้นเยอะมาก
ด้าน นางสาวสมจิตร ชาวบ้านตำบลไม้ฝาด อำเภอสิเกา จังหวัดตรัง บอกว่า ตอนนี้ตนและสมาชิกในครอบครัวของตนอีก 3 คน ยังไม่ได้ลงทะเบียนโครงการดิจิทัลวอลเล็ต เพราะรู้สึกกังวล และไม่รู้ว่าเงื่อนไขการใช้เงินเป็นอย่างไร ต่างจากโครงการคนละครึ่งที่ไม่ยุ่งยาก และใช้จ่ายง่าย
ผู้สื่อข่าวได้ลงพื้นที่สำรวจความคิดเห็นพ่อค้า-แม่ค้า ภายในตลาดสดบางลำภู เขตเทศบาลนครขอนแก่น ภายหลังจากที่รัฐบาลได้กำหนดความชัดเจนในนโยบายเงินดิจิทัล 10,000 บาท ที่จะให้กับประชาชน ตั้งแต่อายุ 16 ปีขึ้นไป โดยพบว่าพ่อค้าแม่ค้าส่วนใหญ่ไม่เชื่อว่ารัฐบาลจะทำโครงการนี้ให้เกิดขึ้นได้จริง ๆ
นายชัยยา อายุ 56 ปี พ่อค้าตลาดสดบางลำภู กล่าวว่า ร้านคงไม่ได้เข้าร่วมกับโครงการดังกล่าว เพราะว่าประชาชนไม่สามารถนำเงินดิจิทัลมาจ่ายตามร้านค้าในตลาดทั่วไปได้ เพราะต้องใช้กับร้านที่ลงทะเบียนเข้าร่วมโครงการเท่านั้น อีกทั้งจากการสอบถามส่วนใหญ่พบว่าพ่อค้า-แม่ค้าในตลาดสดจะเข้าร่วมกับโครงการแบบนี้ไม่กี่ราย เพราะกว่าจะแลกเป็นเงินสดออกมาได้ต้องใช้เวลา 6 เดือน พ่อค้าแม่ค้าจะเอาเงินที่ไหนมาใช้หมุน
"แต่ละวันแต่ละคน ขายของหาเช้ากินค่ำ คงรอเงินในโครงการนี้ไม่ได้ โครงการเงินดิจิทัล 10,000 บาท ไม่มีผลกับประชาชน พ่อค้า-แม่ค้า เพราะเงินที่จะได้จากโครงการนี้ ห้ามนำไปจ่ายค่าเทอม ค่าน้ำ ค่าไฟ ค่าน้ำมัน แต่สิ่งที่ห้ามใช้นั้น เป็นสิ่งที่จำเป็นที่สุดในชีวิตประจำวันของประชาชนคนไทย แต่ห้ามนำไปทำสิ่งเหล่านี้ แล้วโครงการนี้ จะมีประโยชน์อะไร ถ้าไม่สามารถนำไปเติมน้ำมัน จ่ายค่าน้ำ ค่าไฟ ได้"
นายชัยยา กล่าวต่ออีกว่า ขณะนี้พ่อค้า-แม่ค้าในตลาด ไม่มีใครเชื่อมั่นกับรัฐบาลชุดนี้ และไม่เชื่อว่ารัฐบาลจะทำโครงการนี้ให้เกิดได้จริง เพราะประเทศไทยช่วงนี้ไม่ได้เดือดร้อนเหมือนช่วงโควิดที่ผ่านมา เมื่อก่อนตอนที่นโยบายออกมาแรก ๆ ยอมรับว่าคนในตลาดตื่นเต้น พูดกันเยอะไปหมด แต่ตอนนี้คนในตลาดกว่า 90% ทำใจแล้วว่าไม่ได้ เพราะว่านโยบายตอนหาเสียง และปัจจุบันคนละเรื่องกัน ตอนหาเสียงบอกว่าไม่กู้ จะไปเอามาจากกระทรวงต่าง ๆ มาใช้ แต่สุดท้ายตอนนี้ตั้งเรื่องกู้ ต้องผ่านหลายขั้นตอน คนเริ่มทำใจ ดังนั้นตอนนี้ขอให้นายกฯ และรัฐบาล นำเงินไปช่วยชาวนาไร่ละ 1,000 บาทให้ได้ก่อน
แท็กที่เกี่ยวข้อง