เศรษฐกิจ

รอฟังเลย! 24 ก.ค. 'เศรษฐา' แถลงทุกรายละเอียดดิจิทัลวอลเล็ต ย้ำไตรมาส 4 เงินถึงมือแน่

โดย nattachat_c

9 ก.ค. 2567

47 views

วานนี้ (8 ก.ค. 67) นายเผ่าภูมิ โรจนสกุล รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง ให้สัมภาษณ์ถึงความคืบหน้า ในการนำเงินจากธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์ (ธ.ก.ส.) มาใช้ในโครงการเงินดิจิทัลวอลเล็ต ซึ่งจะต้องส่งให้สำนักงานกฤษฎีกาตีความ โดยระบุว่า


การนำเรื่องไปให้กฤษฎีกาตีความ ต้องส่งเป็นแพ็คเกจ ซึ่งหมายถึงทุกข้อจำกัดถูกเคลียร์หมดแล้ว ต้องมีการชงเข้าไปเป็นก้อน และให้กฤษฎีกาตีความเป็นก้อน ไม่ใช่เข้าไปถามลอยๆ ว่าจะทำแบบนี้ได้หรือไม่ ต้องเสร็จสิ้นแล้วและ ธ.ก.ส.ชงเรื่องเข้ามา ก็จะเอาไปถามกฤษฎีกา เพราะทุกอย่างอยู่ในกระบวนการ และต้องรอระยะเวลาที่เหมาะสม


นายเผ่าภูมิ​ ยัง​เปิดเผยถึงไทม์ไลน์ โครงการเงินดิจิทัลวอลเล็ต ว่า

วันที่ 10 กรกฎาคม จะมีการประชุมคณะอนุกรรมการกำกับดิจิทัลวอลเล็ต เพื่อสรุปเงื่อนไขทั้งหมด  


วันที่ 15 กรกฎาคม จะเข้าสู่คณะกรรมการชุดใหญ่ ที่มีนายกรัฐมนตรีเป็นประธาน / จากนั้นใน


วันที่ 24 กรกฎาคม คาดว่า นายกรัฐมนตรีจะมีการแถลงข่าวในช่วงเช้า เกี่ยวกับการเปิดให้ประชาชนลงทะเบียน และการยืนยันตัวตน


วันที่ 30 กรกฎาคม จะนำเข้าที่ประชุมคณะรัฐมนตรีอีกครั้ง ซึ่งกระบวนการของกฤษฎีกาจะเกิดขึ้นหลังจากนั้น


โดยเงินดิจิทัลจะแบ่งออกเป็นสองส่วน คือ

  • ส่วนของการยืนยันตัวตน
  • ส่วนที่เกี่ยวข้องกับระบบการชำระเงิน


ซึ่งสิ่งที่จะนำเอาเข้า ครม. คือกรอบโครงการต่าง ๆ เพื่อให้พร้อมสำหรับการลงทะเบียน ของประชาชน


ส่วนวงเงินสำหรับโครงการฯ ยังยืนยันว่า เป็นไปตามกรอบเดิม คือ 500,000 ล้านบาท ทุกอย่างอยู่ในกระบวนการ ทั้งงบปี 68 ที่อยู่ในชั้นกรรมาธิการ ส่วนงบปี 67 เพิ่มเติม ก็กำลังเข้าสู่สภา ในวันที่ 17 ก.ค. นี้


เมื่อถามว่ามีแผนสำรองหรือไม่ หากกฤษฎีกาเห็นว่าขัดต่อกฎหมาย นายเผ่าภูมิกล่าวว่า มีเสมอ  มีการเตรียมแผนสอง และสาม ไว้ แต่คิดว่าจะเดินไปในแผนที่หนึ่ง พร้อมย้ำว่าได้ใช้ในไตรมาสที่ 4 แน่นอน ซึ่งจะมีการยืนยันตัวตน และเปิดให้ลงทะเบียนเร็วกว่าไทม์ไลน์ที่วางไว้ เพราะระบบเรียบร้อยแล้ว ส่วนการลงทะเบียนร้านค้าจะอยู่ในขั้นตอนต่อไป ซึ่งต้องแยกกัน


เมื่อถามว่าวันที่ 24 ที่จะมีการแถลงนั้น จะมีการระบุวันจ่ายเงินให้ประชาชนเลยหรือไม่ นายเผ่าภูมิ ตอบว่า ยังไม่ได้ระบุวัน แต่อยู่ในไตรมาสที่ 4 เงินถึงมือประชาชนแน่นอน


ส่วนข้อกังวลของประชาชนที่มีต่อโครงการฯ หลังคณะกรรมาธิการมักจะออกมาแย้งเรื่องแหล่งที่มาของเงิน นายเผ่าภูมิ ระบุว่า ต้องแยกคิดถึงแหล่งที่มา ทั้งงบ 67และ 68 ซึ่งทุกอย่างอยู่ในกระบวนการ รวมถึงก้อนที่มาจากมาตรา 28 ไม่ได้มีปัญหากระทบกับงบประมาณ เป็นความเห็นที่ต้องรับฟัง แต่รัฐบาลก็ดำเนินตามกรอบเวลา และตามกลไก ทุกอย่าง


ในส่วนของ ม.28 ที่มีข้อจำกัดเรื่องเงื่อนไขต่าง ๆ ซึ่งเรื่องที่จะโยงไปถามกฤษฎีกาต้องเสร็จสมบูรณ์ ธ.ก.ส. จะต้องชงไปว่าจะแจกเงินประชาชนด้วยเงื่อนไขแบบนี้ เงื่อนไขต่าง ๆ ต้องครบ ถึงจะส่งไปตีความได้


ส่วนเงื่อนไขการซื้อสินค้า เบื้องต้นสินค้าที่เป็นโทรศัพท์มือถือ และประเภทอิเล็กทรอนิกส์ มีความเป็นไปได้สูงที่จะถูกตัดออก ขณะนี้ อยู่ในระหว่างการพิจารณาของกระทรวงพาณิชย์ เนื่องจากเป็นผู้เชี่ยวชาญ และจะเข้ามาสรุปในการประชุมในวันพุธนี้ (10 ก.ค. 67)


สำหรับการลงทะเบียน ตอนนี้ยังไม่เปิดให้ลงทะเบียนยืนยันตัวตน เป็นแค่การเปิดให้ประชาชนไปดาวน์โหลดได้เอง ซึ่งวันที่ 24 กรกฎาคม นี้ นายกรัฐมนตรีจะเป็นผู้ประกาศวันที่จะให้ยืนยันตัวตน


ส่วนกรณีที่ นางสาวศิริกัญญา ตันสกุล รองหัวหน้าพรรคก้าวไกล ออกมาทักท้วง โดยเฉพาะประเด็น ธ.ก.ส.จะกระทบโครงการนี้หรือไม่  นายเผ่าภูมิ บอกว่าเป็นสิ่งที่ต้องรับฟัง และต้องมาไตร่ตรองว่าสิ่งที่เราทำถูกต้องหรือไม่ ตรงตามหลักการ และข้อกฎหมายหรือไม่ หากตรงก็เดินหน้าต่อ และชี้แจงความเห็นต่างเท่านั้นเอง


เมื่อถามว่า ในขณะที่กรณีที่ธนาคารโลกออกมาประเมินว่า โครงการดิจิทัลวอลเล็ต จะสามารถกระตุ้นเศรษฐกิจให้ GDP เติบโตได้เพียง 0.5 - 1 เปอร์เซ็นต์ เท่านั้น   นายเผ่าภูมิ ระบุว่า โครงการนี้คือโครงการใหม่ ที่ไม่เคยมีมาก่อน ไม่เคยมีการจำกัดรัศมีพื้นที่ ไม่เคยมีการทำให้เงินหมุนอยู่ภายในหมู่บ้าน หรือแหล่งชุมชน เพราะฉะนั้น การประเมินผลกระทบต่อเศรษฐกิจก็หลากหลาย ซึ่งกระทรวงการคลังก็มีการประเมิน หน่วยงานต่าง ๆ ก็มีการประเมิน เพราะฉะนั้นตัวเลขต่าง ๆ ก็มีความหลากหลายที่ขึ้นอยู่กับเงื่อนไข


โดยวันนี้ ตัวเงื่อนไขที่เป็น Negative list หรือ รายการเครื่องจักร และอุปกรณ์ที่มีผลิต หรือประกอบได้ในราชอาณาจักร และสินค้าต้องห้าม ก็ยังไม่นิ่ง เพราะฉะนั้นจะสามารถประเมินได้อย่างไรว่า มีผลต่อระบบเศรษฐกิจเท่าไหร่ ซึ่งรัฐบาลก็มีหน้าที่รับฟัง รับข้อห่วงใย รับข้อประเมิน และนำมาพิจารณาร่วมกัน


ส่วนกรณีที่ธนาคารโลกออกมาระบุว่า หากรัฐบาลไม่ดำเนินการโครงการดิจิทัลวอลเว็ต ธนาคารแห่งประเทศไทยจะสามารถลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายได้ถึง 0.25-0.5 เปอร์เซ็นต์ จะสามารถแลกกันได้หรือไม่ นายเผ่าภูมิ กล่าวว่า ผู้ดูแลมาตรการทางการเงินต้องทำหน้าที่ในเรื่องของมาตรการทางการเงิน อย่านำมาผูกกันถึงในมิติต่าง ๆ เพราะเคยผูกไปแล้วครั้งหนึ่ง ที่คาดการณ์ว่าโครงการดิจิตอลวอลเล็ตจะเกิดขึ้นภายในปีนี้ และขณะนั้น ธปท.ก็ขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายไปรอ เพราะกลัวเงินเฟ้อ ซึ่งเคยทำมาแล้วที่นำมาผูกกัน และเกิดปัญหา เพราะขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบาย โดยที่เงินเฟ้อยังไม่ได้ขึ้น ทำให้ประเทศไทยเกิดอัตราเงินเฟ้อตกขอบอยู่ในปัจจุบัน


ทั้งนี้ ผู้สื่อข่าวได้ยกตัวอย่าง กรณีการซื้อสินค้า ราคามากกว่า 10,000 บาทขึ้นไป จะสามารถใช้เงินของคนในครอบครัว มารวมกันซื้อสินค้าได้หรือไม่ นายเผ่าภูมิ กล่าวว่า สามารถรวมกันได้ เพราะนี่คือสิ่งที่รัฐบาลอยากให้เกิดขึ้นด้วยซ้ำ เช่น ครอบครัวมี 5 คน มารวมเงินกันเป็น 50,000 บาท ก็สามารถซื้อรถเข็นไปขายของได้  

-------------


รับชมผ่านยูทูบได้ที่ : https://youtu.be/6ThgWWDilfs











คุณอาจสนใจ