เศรษฐกิจ

เงียบเหงา! บรรยากาศรับฟังเงื่อนไขการประมูลข้าวโครงการรับจำนำล็อตสุดท้าย มีผู้เข้ารับฟังไม่ถึง 10

29 พ.ค. 2567

216 views

บรรยากาศการรับฟังการชี้แจงเงื่อนไขการประมูลข้าว 10 ปีในโครงการรับจำนำข้าวปี 2556/57 ปริมาณ 15,000 ตัน เป็นไปอย่างเงียบเหงา มีโรงสี ผู้ค้าข้าวเข้ารับฟังไม่ถึง 10 ราย โดยองค์การคลังสินค้า หรือ อคส.และ กรมการค้าภายใน ร่วมกันชี้แจงรายละเอียดและเงื่อนไขการประมูลข้าว


นายกฤณรักษ์ ใจดี รักษาการแทนผู้อำนวยการ อคส. กล่าวว่า การระบายข้าวครั้งนี้ เป็นการประมูลเป็นการทั่วไปครั้งที่ 1/2567 ซึ่งเป็นการประมูลแบบยกคลังตามสภาพข้าวที่เก็บรักษา


โดยหลังจากชี้แจง จะเปิดให้ผู้สนใจดูข้าวได้ที่คลังสินค้าจังหวัดสุรินทร์ ระหว่างวันที่ 31พ.ค.-7มิ.ย.2567 ยกเว้นวันที่ 3 มิ.ย.2567 ตั้งแต่เวลา 9.00-16.00 นาฬิกา


ส่วนกรณีที่สภาองค์กรของผู้บริโภคและกรรมาธิการสิทธิมนุษยชน สิทธิเสรีภาพ และการคุ้มครองผู้บริโภค วุฒิสภา จะขอดูตัวอย่างข้าวในการประมูลนั้น จะต้องทำหนังสือมายัง อคส.เพื่อให้พิจารณาว่าจะอนุญาตหรือไม่


ที่ผ่านมาข้าวล็อตนี้ถูกตรวจสอบคุณสอบคุณภาพข้าวจากกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์แล้ว มั่นใจว่าจะมีผู้สนใจประมูลแน่นอน เบื้องต้นมีการโทรศัพท์มาสอบถามเกือบ 10 ราย


เช่นเดียวกับนายกฤชธนา ทองประเสริฐ ผู้อำนวยการกองส่งเสริมสินค้าเกษตร กรมการค้าภายใน ยืนยันว่า ข้าวล็อตนี้ได้รับการตรวจสอบคุณภาพที่มีมาตรฐาน มีการเก็บตัวอย่างโดยการผ่ากองถึง 15 ชั้น โดยเซอร์เวเยอร์ที่น่าเชื่อถือและยืนยันผลตรวจคุณภาพที่ชัดเจนว่าปลอดภัย


ส่วนประเด็นทีโออาร์ที่ห้ามนำตัวอย่างข้าวออกมาตรวจสอบนั้น เนื่องจากการเปิดประมูลในอดีต ได้รับอนุญาตให้นำตัวอย่างข้าวตรวจสอบได้ เนื่องจากผู้ร่วมประมูลมีการส่งตัวแทนมาดูและเก็บตัวอย่างข้าวไปให้เจ้าของตัดสินใจ โดยการเก็บสมัยก่อนเป็นการเก็บรอบๆ กอง แต่ครั้งนี้มีการเจาะกอง 15 ชั้น จึงมั่นใจได้


ด้านนายวิชัย ศรีนวกุล นายกสมาคมโรงสีข้าวภาคตะวันออกเฉียงเหนือ เปิดเผยว่า มาตามคำเชิญจาก อคส. อย่างไรก็ตาม คงต้องรอไปดูตัวอย่างข้าวจริงในคลังก่อน แต่ในเบื้องต้น มีข่าวผลตรวจสอบคุณภาพของรัฐ ว่า ข้าวยังสามารถบริโภคได้ ก็เชื่อว่าจะมีผู้สนใจเข้าร่วมประมูล มองว่าผู้บริโภคไม่ต้องกังวล เพราะหากข้าวใช้ได้แล้ว ก็จะมีการขายตามสภาพ รวมทั้งก่อนจะจำหน่ายออกสู่ตลาด จะเข้าสู่กระบวนการปรับปรุงคุณภาพตามเกณฑ์มาตรฐานในการซื้อขาย และการส่งออกต่างประเทศ หรือ ในประเทศ โดยไม่ควรแบ่งแยกว่า จะทำเพื่อการส่งออกเท่านั้น เพราะหากคุณภาพข้าวระบุว่าสามารถบริโภคได้ ก็หมายถึงคนไทยบริโภคได้ และคนต่างประเทศก็บริโภคได้เช่นกัน ป้องกันความเข้าใจผิดว่าคนไทยไม่บริโภค จึงนำไปส่งออก


พร้อมกันนี้ต้องการให้หยิบยกเรื่องนี้ ขึ้นมาเป็นกรณีศึกษาว่าข้าวที่เก็บมา 10 ปี ยังเก็บรักษาแล้วคุณภาพยังใช้ได้ ซึ่งอาจจะเป็นการเตรียมความพร้อมล่วงหน้า หากอนาคตเกิดวิกฤติการณ์ต่างๆ โดยเฉพาะทางด้านอาหาร ทำให้มีบทเรียนในการเก็บสต๊อกข้าว


อย่างไรก็ตาม ยังมีความกังวลว่า ปกติแล้วทีโออาร์ จะอนุญาตให้นำตัวอย่างข้าวไปตรวจสอบคุณภาพได้ แต่ครั้งนี้ไม่สามารถทำได้ ซึ่งมองว่าเป็นเรื่องจำเป็น เพราะจะได้ประเมินคุณภาพ และจะเป็นตัวกำหนดราคาในการประมูล โดยต้องตรวจทางกายภาพและทางเคมีซึ่งผู้ประกอบการจะมีวิธีการไปตรวจอยู่แล้ว


ทั้งนี้ จะให้ฝ่ายจัดซื้อของโรงงานเข้าไปดูและประเมินว่าควรจะซื้อหรือไม่ หรือ ซื้อได้ระดับราคาที่เท่าใด แต่ในเบื้องต้นบริโภคได้ก็มีโอกาสที่จะมายื่นเสนอราคา


ส่วนกรณีมีผู้สนใจนำไปทำข้าวถุง และอาจจะกำหนดให้มีการระบุว่า เป็นข้าว 10 ปีด้วยนั้น มองว่าไม่จำเป็น เพราะจะผ่านกระบวนการคัดแยกที่ละเอียดอยู่แล้ว และอาจจะนำไปผสมกับข้าวชนิดอื่นก่อนบรรจุถุง ซึ่งทุกวันนี้อาจมีข้าวหลายปี นำไป บรรจุถุงขายแต่ก็ไม่ได้มีการระบุปี


อีกทั้งมาตรฐานข้าวที่จำหน่ายอยู่ทุกวันนี้มีมาตรฐานสูงขึ้นมากเพราะในระบบการปรับปรุงและเครื่องจักรที่มีในประเทศไทยเป็นถือว่าทันสมัยระดับโลกไม่น่าห่วงเรื่องคุณภาพข้าวที่จะออกมา


หลังจากให้ผู้สนใจดูตัวอย่างข้าวแล้ว จะเปิดให้เอกชนที่สนใจยื่นซองเอกสารคุณสมบัติในวันที่ 10 มิ.ย.2567และจะประกาศรายชื่อผู้เสนอซื้อที่ผ่านคุณสมบัติในวันที่ 13มิ.ย.2567 จากนั้นจะเปิดให้ยื่นซองเสนอราคาซื้อได้ในวันที่ 17 มิ.ย.2567 และเวลา 13.00 น.จะเปิดซองเสนอราคา วันเดียวกัน


โดยอคส.จะเชิญผู้ที่ชนะการประมูล หรือผู้ที่เสนอราคาซื้อสูงสุดมาเจรจาก่อน และกำหนดต้องทำสัญญาซื้อขายภายใน 15 วันนับตั้งแต่ อคส.แจ้งผลเป็นทางการ พร้อมวางหลักประกันเงินสด ในอัตรา5% ของมูลค่าสัญญา ทั้งนี้หากไม่มาทำสัญญาตามเวลาที่กำหนด จะถูกริบหลักประกันทั้งหมด และหากผู้ซื้อทิ้งสัญญา อคส. จะเจรจากับผู้เสนอซื้อสูงสุดในลำดับถัดไป โดยผู้ทิ้งสัญญาจะต้องชดใช้ค่าเสียหายจากส่วนต่างระหว่างราคาเสนอซื้อกับราคาที่จำหน่ายได้ ให้ อคส. ด้วย


สำหรับการผู้ที่ชนะการประมูลจะต้องชำระเงินค่าสินค้าก่อนส่งมอบข้าวสารโดยชำระครั้งแรกภายใน 20 วันนับจากวันที่ลงนามสัญญา หากฝ่าฝืนจะถูกริบหลักประกัน ส่วนรับมอบข้าวนั้นกรณีปริมาณข้าวสารไม่เกิน 1หมื่นตัน จะต้องรับมอบและขนย้ายให้เสร็จสิ้นภายใน 20 วันนับจากวันทำสัญญา และปริมาณที่เกิน 1หมื่นตัน แต่ไม่เกิน 2หมื่นตัน ผู้ชนะการประมูลจะต้องรับมอบและขนย้ายให้เสร็จสิ้นภายใน 30 วันนับจากวันทำสัญญา

แท็กที่เกี่ยวข้อง  

คุณอาจสนใจ