เศรษฐกิจ
‘ดีอี’ ขีดเส้น 13 ก.ค. ลงทะเบียนซิม ต้องตรงเบอร์โมบายแบงก์กิ้ง - กำชับค่ายมือถือ ไม่ให้กระทบโปรเดิม
โดย petchpawee_k
29 พ.ค. 2567
293 views
รมว.ดีอี จูงมือ กสทช. ปปง. สมาคมธนาคารไทย แจง มาตรการชื่อบัญชีโมบายแบงก์กิ้งต้องตรงเจ้าของซิม เผยมีมากกว่า 30 ล้านบัญชี ซิมการ์ด-ชื่อ ไม่ตรงกัน ประชาชนมีเวลา 120 วัน เปลี่ยนชื่อในซิมให้ตรงกับบัญชีธนาคาร โดยไม่มีค่าใช้จ่าย หากค่ายมือถือเรียกค่าใช้จ่ายเพิ่ม แจ้งร้องเรียน กสทช.ได้ทันที ย้ำ 4 ข้อยกเว้น ไม่ครอบคลุมคนต่างด้าว
เมื่อวานนี้ (28 พ.ค.) นายประเสริฐ จันทรรวงทอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (MDES) พร้อมตัวแทนจาก กสทช. ปปง. และ สมาคมธนาคารไทย ร่วมชี้แจงกรณีการยืนยันตัวตนโมบายแบงก์กิ้ง เพื่อให้เกิดความเข้าใจที่ตรงกันว่า มาตรการดังกล่าวเป็นมาตรการกวาดล้างซิมม้า ที่ปัจจุบันพบว่ามีการแจ้งความผ่านศูนย์ AOC 1441 เป็นจำนวนมากและมีการดำเนินการปิดกั้นซิมดังกล่าวเดือนละกว่า 15,000 เลขหมาย หรือ เฉลี่ยสัปดาห์ละกว่า 4,000 เลขหมาย ซึ่งเข้าข่ายกระทำความผิด
โดยกระทรวง ดีอี.และ ปปง. ได้เริ่มทำการตรวจสอบคัดกรองซิมการ์ดจำนวน 106 ล้านเลขหมาย ตั้งแต่วันที่ 27 พ.ค.67 เป็นวันแรก โดยจะใช้เวลาในการตรวจสอบ 120 วัน (ภายในเดือน ต.ค.) ซึ่งระหว่างนี้ ประชาชนยังสามารถใช้งานโมบายแบงก์กิ้งได้ปกติ
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดีอี. กล่าวว่า ที่ผ่านมาพบว่า มีผู้ถือครองซิมการ์ดที่มีชื่อไม่ตรงกับบัญชีธนาคาร มากถึง 30 ล้านเลขหมาย ซึ่งเป็นกลุ่มที่ต้องมีการคัดกรองว่าเป็นบัญชีม้าหรือไม่
พร้อมทั้งแนะนำให้ประชาชนที่ใช้ ซิมการ์ดโทรศัพท์ผูกกับบัญชีธนาคาร โดยที่ชื่อเจ้าของซิมไม่ตรงกับชื่อเจ้าของบัญชีธนาคาร จะต้องไปติดต่อที่ศูนย์บริการของเครือข่ายที่ใช้งานอยู่ เพื่อแจ้งเปลี่ยนชื่อเจ้าของซิมให้ตรงกับผู้ถือครองและบัญชีธนาคารที่ใช้งานอยู่ โดยสามารถทยอยไปแจ้งเปลี่ยนได้ โดยไม่เสียค่าใช้จ่าย ไม่ต้องนำเจ้าของซิมไปยืนยัน เพียงนำบัตรประชาชนและซิมการ์ด ไปยืนยันตัวตนเพื่อเปลี่ยนชื่อให้ตรงกันเท่านั้น โดยไม่เสียค่าใช้จ่าย ไม่ต้องเปลี่ยนโปรฯ หากศูนย์บริการให้เปลี่ยนโปรที่แพงขึ้น ให้แจ้ง กสทช. ได้ทันที
สำหรับกลุ่มที่ได้รับการยกเว้น 4 กลุ่ม ประกอบด้วย
1.กลุ่มบุคคลในครอบครัวเดียวกัน ที่มีเหตุจำเป็น เช่น เปิดซิมการ์ดให้ผู้สูงอายุ หรือ เด็กเล็ก
2. เป็นผู้อนุบาลตามคำสั่งศาล
3. เป็นนิติบุคคลที่มีความจำเป็นต้องใช้บัญชีและซิมการ์ดเป็นจำนวนมาก
และ 4. กรณีธนาคารเห็นว่ามีเหตุอันควรที่ชื่อไม่ตรงกัน
อย่างไรก็ตาม สำหรับข้อยกเว้น ที่ให้ธนาคารใช้ดุลพินิจ ทางสมาคมธนาคารไทย จะต้องหารือกับธนาคารแห่งประเทศไทยในการวางกรอบมาตรการให้เป็นเกณฑ์การพิจารณาที่ชัดเจน รวมถึงจะมีการหารือในเรื่องข้อกฎหมาย และ ข้อจำกันต่าง ๆ คาดว่าจะมีความชัดเจนภายใน 120 วันเช่นกัน
นอกจากนี้ยังมีการกำหนดมาตรการและเงื่อนมาตรการกำหนดมาตรการและเงื่อนไขการเปิดบัญชีใหม่ ต่อไปนี้ บัญชีที่ไปเปิด จะทำยากขึ้น ต้องมีเงื่อนไข โดยเฉพาะกลุ่มที่มีความเสี่ยงจะถูกตรวจสอบก่อนอนุมัติเปิดบัญชี บางคนถือถึง 400 บช. เกินความจำเป็น ธนาคารต้องตรวจสอบเข้มงวดขึ้น ธปท.จะประกาศมาตรการภายในเดือนมิ.ย. บางธนาคารตรวจสอบแล้ว ในกลุ่มต่างด้าว จำเป็นต้องไปจดหมายเลขโทรศัพท์และเลขบัญชี ให้ตรงกันเท่านั้น
นอกจากนี้ยืนยันว่า ข้อความแจ้งเตือนต่างๆ จากธนาคารจะมีการแจ้งผ่านแอปฯโมบายแบงก์กิ้งเท่านั้น จะไม่มีการส่งผ่าน SMS
นายสุทธิศักดิ์ ตันตะโยธิน รองเลขาธิการสายงานกิจการโทรคมนาคม คณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) กล่าวว่า การอัพเดตข้อมูลของประชาชนกับผู้ใช้บริการเครือข่ายมือถือ และธนาคารนั้น จะต้องสามารถใช้สิทธิและโปรโมชั่นตามเดิมได้ โดยไม่ต้องเพิ่มค่าใช้จ่ายใดๆ เป็นการเปลี่ยนแปลงที่ไม่กระทบสิทธิเดิมของผู้บริโภคอย่างแน่นอน โดยหลังจากนี้จะเรียกผู้ให้บริการทุกรายมาทำความเข้าใจร่วมกัน
ขณะที่ พล.ต.ต.เอกรักษ์ ลิ้มสังกาศ รองเลขาธิการคณะกรรมการ ปปง. กล่าวว่า แม้หน่วยงานภาครัฐจะพยายามกวาดล้างซิมผี บัญชีม้าเพียงไร แต่จำนวนบัญชีม้าก็ยังหมุนเวียนอยู่ในระบบมากกว่า 1 ล้านบัญชี แถมมีเพิ่มขึ้นเดือนละ 20,000 บัญชีและเป็นบัญชีโมบายแบงกิ้ง ทำให้ต้องจัดระเบียบ โดย ปปง.กำลังอยู่ระหว่างการทำแซนด์บ็อกซ์ (โครงการทดลอง) กับธนาคาร ส่งผ่านข้อมูลลูกค้าระหว่างกัน มีการเข้ารหัสล็อก 2 ชั้น เพื่อไม่ให้เกิดการหลุดรั่วของข้อมูลได้เป็นอันขาด พอมั่นใจแล้วจึงจะเริ่มถ่ายโอนข้อมูลเพื่อส่งให้ กสทช.ตรวจสอบต่อไป
พล.ต.ต.เอกรักษ์กล่าวอีกว่า ปัจจุบันบัญชีม้ามี 2 ชนิด 1.บัญชีม้าขายขาด ซึ่งกลุ่มนี้จะไม่มาแจ้งแสดงตัวตนขอเปลี่ยนชื่อแน่นอน เพราะเจ้าของบัญชีและซิมได้รับค่าตอบแทนไปแล้ว 2.บัญชีม้าเลี้ยง เป็นบัญชีที่เจ้าของยังมีตัวตน มีการรับทอดการโอนเงินอยู่ ส่วนใหญ่เป็นมือกลางๆ ที่ไม่ใหญ่นัก เป็นทางผ่านโอนไปยังตัวการใหญ่
ด้านนายพงษ์สิทธิ์ ชัยฉัตรพรสุข ผู้แทนสมาคมธนาคารไทย กล่าวว่า ธนาคารพาณิชย์มีความพร้อมรับการกำหนดกฎ-กติกาใหม่ๆจาก ธปท. เพราะเข้าใจว่าการปฏิบัติแบบเดิมๆ อาจไม่สอดคล้องกับบริบทของโลกยุคใหม่ที่การฉ้อโกงแพร่หลายมากผ่านซิมผีและบัญชีม้า ไม่ว่าจะเป็นการกำหนดจำนวนบัญชีที่บุคคลหนึ่งจะถือครองได้สูงสุด ซึ่งปัจจุบันไม่มีการกำหนดเอาไว้ ใครจะเปิดกี่บัญชีก็ได้ รวมทั้งการเพิ่มความเข้มงวดในเงื่อนไขการเปิดบัญชีใหม่ ซึ่งปัจจุบันธนาคารหลายแห่งได้ปรับเงื่อนไขให้มีความรัดกุมขึ้นแล้ว ก่อนการออกประกาศใหม่ของ ธปท.ด้วยซ้ำ
รับชมผ่านยูทูบได้ที่ : https://youtu.be/cpjVkti7lcU