เศรษฐกิจ

'เศรษฐา' นัดถกทีมเศรษฐกิจ ผู้ว่าฯแบงก์ชาติร่วมวง ก่อนแจกการบ้าน - 'พิชัย' ลั่น GDP ปีนี้ ต้องไม่ต่ำกว่า 3.5%

โดย nattachat_c

28 พ.ค. 2567

31 views

วานนี้ (27 พ.ค. 67) เวลา 16.30 น. นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี เป็นประธานการประชุมคณะรัฐมนตรีเศรษฐกิจ นัดแรก ที่ห้องสีเขียว ตึกไทยคู่ฟ้าทำเนียบรัฐบาล โดยมีผู้ร่วมประชุม ดังนี้ 

  • นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และรมว.พาณิชย์
  • นายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรี และรมว.คลัง
  • นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รองนายกรัฐมนตรี และรมว.พลังงาน
  • นายเสริมศักดิ์พงษ์พาณิช รมว. ท่องเที่ยวและกีฬา
  • น.ส.พิมพ์ภัทรา วิชัยกุล รมว.อุตสาหกรรม
  • ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รมว.เกษตรและสหกรณ์
  • นายอรรถกร ศิริลัทยากร รมช. เกษตรและสหกรณ์
  • นางมนพร เจริญศรี รมช.คมนาคม
  • นายนฤตม์ เทิดเสถียรศักดิ์ เลขาธิการคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ)
  • นายเศรษฐพุฒิ สุทธิวาทนฤพุฒ ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย
  • นายพรชัย ฐีระเวช เลขาธิการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศร.)
  • นายเฉลิมพล เพ็ญสูตร ผอ.สำนักงบประมาณ
  • นายดนุชา พิชยนันท์ เลขาธิการสภาการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ


นายเศรษฐา กล่าวทักทายผู้เข้าร่วมประชุมทั้งคณะรัฐมนตรีรวมถึงผู้ว่าฯธปท. ว่า ตามที่ทราบกันดีว่า ตัวเลขเศรษฐกิจที่ออกมาต่ำกว่าประมาณการมาก แต่ยังไม่เรียกสถานการณ์ภาวะทดถอยทางเศรษฐกิจ ซึ่งเครื่องยนต์ทางเศรษฐกิจไม่ได้เดินหน้าเต็มที่


ที่ผ่านมาตัวเลขเศรษฐกิจไม่ค่อยดีมายาวนาน และต่อเนื่อง เศรษฐกิจโลกโตช้า กำลังซื้ออ่อนตัว ปัญหาภาวะโลกเปลี่ยนแปลง


มีปัญหาโครงสร้าง เช่น สังคมสูงวัย ปัญหาหนี้ครัวเรือนปัญหาหนี้เสีย


ปัญหาเหล่านี้ ต้องการการแก้ไขด้วยการปรับโครงสร้าง และรากฐานเศรษฐกิจ ซึ่งหลายเรื่องภาครัฐสามารถทำได้เลย เช่น การเบิกจ่ายของภาครัฐ กระตุ้นการซื้อ การท่องเที่ยว ซึ่งเรากำลังทำอยู่แล้ว วันนี้จะมาคุยในรายละเอียดว่าจะทำอย่างไร จึงเป็นที่มาของการประชุม ครม.เศรษฐกิจในวันนี้ เพื่อระดมความคิดเห็น หาทางออกช่วยให้เศรษฐกิจโตตามศักยภาพ ขอให้ทุกคนใช้เวทีนี้ ระดมความคิดเห็น ไม่ว่าจะเห็นด้วย หรือไม่เห็นด้วยก็ตาม


ภายหลังเสร็จสิ้นเป็นประธานการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เศรษฐกิจ นัดแรก

นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ได้เดินทางออกจากทำเนียบรัฐบาลในเวลา 18.00 น. โดยนายกฯได้ลดกระจกลง พร้อมกล่าวกับผู้สื่อข่าวว่าด้วยสีหน้ายิ้มแย้มว่า นายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกฯ และรมว.คลัง จะเป็นผู้แถลง ผลการประชุมทั้งหมด

------------------

นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี โพสต์ภายหลังประชุม ครม.เศรษฐกิจว่า


การประชุมกับกระทรวง และหน่วยงานเศรษฐกิจเพื่อหามาตรการระยะสั้น ทั้งของภาคเกษตร อุตสาหกรรม ท่องเที่ยว ส่งออก พลังงาน และการเงินการคลัง ที่จะเร่งแก้ไขปัญหาปากท้องของพี่น้องประชาชน และช่วยภาคธุรกิจ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการเร่งหาแหล่งเงินทุนสำหรับ SMEs


เนื่องจากหลายเรื่องจำเป็นต้องทำงานข้ามกระทรวง จึงได้ให้การบ้านกระทรวงเศรษฐกิจและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องไปหามาตรการระยะสั้นที่ทำได้ทันทีมาเสนอในการประชุมในอีกสองสัปดาห์ข้างหน้าครับ

------------------

นายพิชัย แถลงผลการประชุมว่า คงจะเป็นที่ทราบกันดีว่าเศรษฐกิจบ้านเราผลประกอบการเป็นอย่างไร จีดีพีเท่าไหร่ ก็ผลของไตรมาสแรกนั้นตามที่ได้รายงานการประชุม ครม.ครั้งที่แล้วต่ำกว่าที่คาดจาก 2.7% คาดว่าจะเหลือ 2.5% ต้องมานั่งคุยกันว่าปัญหาคืออะไร ปัญหาเพิ่งเกิด หรือเกิดนานแล้ว


และวันนี้ควรเอาปัญหาทั้งหมดมาดู จะได้เริ่มว่าอะไรบ้างที่ต้องแก้ไขเชิงโครงสร้างระยะยาว อะไรต้องแก้ไขระยะกลาง อะไรต้องแก้ไขเฉพาะหน้า เพราะรอเวลาไม่ไหว


ประเทศไทยก็มีศักยภาพที่ดี มีพื้นฐานที่ดี อย่างน้อยจีดีพีก็ควรจะ 3.5% ขึ้นไป เราอยู่ต่ำกว่า 3.5% มาตลอด อันนี้เป็นสัญญาณที่หนึ่ง สัญญาณที่สองเพื่อนบ้านหรือคู่ค้าคู่แข่งนั้นจีดีพีโตกว่าเรา ส่วนใหญ่อยู่ที่ 4-6% เป็นเครื่องยืนยันว่าของเรานั้นมีปัญหา


อย่างที่ทราบว่า ระบบเศรษฐกิจก็ผลักดันด้วยระบบการผลิต ซึ่งนำไปสู่การจ้างงาน และการบริโภคเป็นวงจรไปตามลำดับ ทีนี้เมื่อมาดูพบว่า ใช้กำลังการผลิตเหลือแค่ 57.2% ซึ่งเดิมอยู่ที่ 60 กว่าเมื่อ 2 ปีที่แล้ว ซึ่งแม้แต่ 60 กว่าก็ยังต่ำเกินไป ก็ต้องมาดูว่า ทำไมถึงผลิตต่ำ ก็พบว่าผลิตต่ำเพราะผู้บริโภคไม่ซื้อ เพราะไม่มีรายได้ พันกันเป็นวงจรไปอีกเช่นกัน


เราก็มาดูว่า จะทำอย่างไรที่จะกระตุ้นการผลิต และกำลังซื้อขึ้นมาได้ โดยเราไล่คุยกันทีละอุตสาหกรรมเลย ไม่ว่าจะการเกษตร เทคโนโลยี รถยนต์ อิเล็กทรอนิกส์ หรือแม้แต่อุตสาหกรรมที่ไม่เกี่ยวกับการผลิตอย่างการท่องเที่ยว ภาคพลังงาน เราก็ดูทั้งหมดมาแล้ว พบว่า ท่องเที่ยวค่อย ๆ ฟื้น ใกล้จะกลับมาสุดจุดที่เราเคยเป็น


นายพิชัย กล่าวต่อว่า เมื่อมาดูด้านอุตสาหกรรม ทำอย่างไรให้เกิดการผลิตก็พบว่า รายใหญ่ยังสู้ไหว ยังพอไปได้อยู่ แต่รายย่อยนั้นสู้ไม่ไหว เพราะเข้าไม่ถึงแหล่งเงินทุน เพราะว่าเศรษฐกิจไม่ดี ขายไม่ดี ลามมาถึงครัวเรือน พอเห็นอย่างนี้เรา จึงหยิบปัญหาทั้งหมดมาดูว่า เราจะแก้อะไรบ้าง แต่ที่แน่ ๆ เราจะต้องแก้ปัญหาสภาพคล่องเป็นปัญหาเร่งด่วน แต่ในภาคการผลิตนั้น เป็นปัญหาที่จะต้องค่อย ๆ แก้ไปในระยะยาว แต่งานทุกอย่างไม่ได้ทำกระทรวงเดียวเสร็จ เราก็บอกวันนี้ เรามาเจอกัน เราก็จะมาตั้งว่า งานไหนที่จะทำกี่กระทรวง และตั้งคนประสานงานขึ้นมา


ส่วนในเรื่องงานเฉพาะหน้า ในส่วนเรื่องสภาพคล่อง ท่านผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย ท่านก็เห็นว่ามีปัญหาเศรษฐกิจ ทางฝ่ายที่ประชุมเลยรู้ว่า หากเราจะแก้พวกนั้นใช้เวลา ความจำเป็นกระตุ้นเศรษฐกิจต้องมี ซึ่งทางรัฐบาลทราบอยู่แล้ว จึงต้องหางบประมาณมากระตุ้น ปีนี้เราเราก็มีแผนที่จะตั้งงบประมาณเพิ่มเติม 122,000 ล้านบาท และปีหน้าตั้งไว้อีก 160,000 ล้านบาท รวมเกือบ 300,000 ล้านบาท ก็มาดูกันต่อไปว่า เราจะจัดอย่างไรให้อยู่ในวิสัยที่จะจัดได้ มีวินัยทางการเงินการคลัง ถึงจะตึงหน่อย แต่ก็ยังอยู่ในกรอบที่ทำได้


เพราะฉะนั้น เรื่องเงินต้องเร็ว ต้องทำเลย เพื่อให้ทุกคนตื่นฟื้นมา ท่านจะเห็นว่า เดี๋ยวธนาคารภาครัฐจะมีหลายโครงการเพื่อให้คนหลุดจากสภาพหนี้ที่ติดได้ แน่นอนว่า ภาครัฐต้องใช้เงินบ้าง และจัดโครงสร้างอะไรใหม่เพื่อให้เค้าหลุดออกมาได้ลืมตาอ้าปากและทำงานได้ ส่วนทางธนาคารแห่งประเทศไทยก็บอกว่าในสำหรับสถาบันการเงินพาณิชย์ที่ไม่ใช่ภาครัฐอาจจะมามองดูถึงความยืดหยุ่น ก็มีทั้งระยะปานกลางที่ต้องมาปรับปรุงโครงสร้าง เพื่อเป็นส่วนที่จะมาช่วยให้เข้าถึงแหล่งเงินกู้และต้นทุนถูกลง


เมื่อถามว่า จะมีการออกมาตรการเพื่อให้แต่ละหน่วยงานเห็นผลเป็นรูปธรรมหรือไม่ นายพิชัยกล่าวว่า ก็อย่างที่เรียนให้ทราบว่า มาตรการเฉพาะหน้าตอนนี้เลยคือ ทำให้คนที่ไม่ไหว ให้ออกจากสภาวะ NPL และกลับเข้าถึงแหล่งเงินทุน เรื่องอื่นๆต้องมาดูกันว่า หากเรากระตุ้นเศรษฐกิจเข้าไป ภาคการผลิตเพิ่มการบริโภคเพิ่ม ก็ต้องมีมาตรการการกระตุ้น เราก็ต้องมาคิดว่า การกระตุ้นปกติเป็นอย่างไร การกระตุ้นที่มีขนาดที่ได้ผลต่อเนื่องด้วยการขับเคลื่อนเรื่องๆอื่นก็จะมาประสานกัน เพราะหากกระตุ้นอย่างเดียวแล้วหยุดก็คงไม่เป็นผล


เมื่อถามว่า ปีนี้จะเห็น GDP เกิน 2.5 ได้หรือไม่ นายพิชัยกล่าวว่า เราต้องทำทุกวิถีทาง แต่ส่วนตัวแล้วตนไม่พอใจแค่ 2.5 หรอก


เมื่อถามว่า อัตราดอกเบี้ยจะมีการประสานนโยบานก่อนการประชุมครม.ครั้งหน้าหรือไม่ นายพิชัยกล่าวว่า จริง ๆ มีตารางอยู่ ก็ไม่ไกล เพียงแต่ว่า การทำเรื่องนี้กลับมาที่เรื่องกรอบเงินเฟ้อ ถ้าอยากให้ของถูก ก็ทำให้ดอกเบี้ยแพงหน่อย ถ้าอยากให้ของแพงดอกเบี้ยก็ต้องลดลงมา ตรงนี้เราก็ต้องมาดูว่า ควรจะตั้งเท่าไหร่ ก็ต้องมานั่งคุยกัย เรามี กนง.ที่วิเคราะห์ข้อมูลอยู่ เราก็ต้องฟังว่ามีความคิดเห็นอย่างไร เพราะในที่สุดก็อยู่ที่จะทำมา ไม่นานหรอก


วันนี้ เอาข้อมูลทั้งหมดวางบนโต๊ะแล้ว เราเกิดอะไรขึ้นใน 15 ปี ที่ผ่านมา ปัญหาคล้าย ๆ เดิม แต่มันรุนแรงขึ้น เห็นภาพเดียวกันแล้วตนติดว่า การคุยอันนี้จะใกล้ขึ้น ขอให้รอเวลาสักหน่อย

----------------

นายเผ่าภูมิ โรจนสกุล รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคลัง ให้สัมภาษณ์ หลังการประชุมคณะรัฐมนตรีเศรษฐกิจนัดแรก ใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมงครึ่ง ว่า


มีการเสนอมาตรการจากธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ที่เห็นตรงกับกระทรวงการคลัง ในมาตรการค้ำประกันสินเชื่อ (บสย.) จะช่วยให้ปัญหาที่ทำให้ธนาคารต่างๆ ไม่กล้าปล่อยสินเชื่อ เพราะเกรงว่า จะมีความเสี่ยง บสย.จะเข้ามาค้ำประกันสินเชื่อให้ผ่านจากงบประมาณรัฐบาล เข้ามาดูดซับความเสี่ยง SME ออกไป และทำให้ธนาคารสามารถปล่อยสินเชื่อให้กับ SME ได้ โดยมีเงื่อนไขว่า ต้องมีการพิจารณาการค้ำประกันสินเชื่อ หรือปล่อยสินเชื่อให้กับ SME รายใหม่เป็นอันดับแรก ส่วนวงเงินค้ำประกันขอพิจารณาเพิ่มเติม แต่ที่ประชุมเห็นตรงกันว่า เป็นเรื่องสำคัญมาก จึงอาจมีการพิจารณาเพิ่มวงเงิน โดยจะนำเสนอเข้าครม.ภายใน 2-3 สัปดาห์นี้


นายเผ่าภูมิ เปิดเผยว่า ที่ประชุมได้สั่งการให้กระทรวงการคลัง เร่งการเบิกจ่ายงบลงทุนของรัฐวิสาหกิจ และเม็ดเงินงบประมาณ ในส่วนสินเชื่อของธนาคารพาณิชย์ และธนาคารเฉพาะกิจของรัฐ ได้รับโจทย์ให้ไปเร่งรัดการปล่อยสินเชื่อที่เข้าถึงประชาชนได้ง่ายขึ้น นอกจากนี้ นายกฯยังมีข้อสั่งการไปยัง รมว.ท่องเที่ยวและกีฬา หามาตราการ ดึงดูดนักท่องเที่ยวจากตะวันออกกลาง เข้ามาเสริมช่วงโลว์ซีซั่นท่องเที่ยวของไทย และกระทรวงการคลัง จะช่วยสนับสนุนท่องเที่ยวในเมืองรอง 

-----------------

นายเฉลิมพล เพ็ญสูตร ผู้อำนวยการสำนักงบประมาณ เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงินการคลังของรัฐ ครั้งที่ 3/2567 ซึ่งมีนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี เป็นประธาน เห็นชอบการจัดทำงบประมาณรายจ่ายเพิ่มเติมประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2567 เพื่อใช้ในโครงการ เติมเงิน 10,000 บาทผ่านดิจิทัลวอลเล็ต กรอบวงเงิน 122,000 ล้านบาท โดยที่มาของงบประมาณก้อนนี้มาจากการที่รัฐบาลมีรายได้เพิ่ม 10,000 ล้านบาท และจะทำงบประมาณขาดดุล 112,000 ล้านบาท หลังจากนี้เตรียมเสนอเข้าสู่ที่ประชุมของคณะรัฐมนตรีในวันพรุ่งนี้


ด้านนายพรชัย  ฐีระเวช ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง ระบุว่า ที่มาของรายได้ที่เพิ่มขึ้น 10,000 ล้านบาท ไม่ใช่รายได้ที่จัดเก็บเพิ่ม แต่เป็นรายได้ที่รัฐบาลมีอยู่แล้ว ส่วนรายละเอียดจะต้องรอเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาในวันพรุ่งนี้ก่อน

-----------------

รับชมผ่านยูทูบได้ที่ : https://youtu.be/goUPlyeJXWo

คุณอาจสนใจ

Related News